"เอ็ม นันทวัฒน์" เปิดใจหลังดราม่าข่าวเป็นคู่กรณีที่โดน "ม้า อรนภา" ตบหน้าเพราะไม่ไปกินปูที่เกาหลี ลั่น "เขาตบผม เขาผิด ผมยืนเฉยๆ ผมถูก แค่นั้นเลย" ยอมรับการแถลงข่าวของ "ม้า อรนภา" เมื่อวาน พูดความจริง!
โดยวันนี้ 1 ธ.ค. 2565 "เอ็ม นันทวัฒน์" แถลงชี้แจงเหตุการณ์ว่า
"อย่างภาพที่เห็นว่าถูกตบหรือถูกแตะอ่ะครับ ผมเป็นคนเดียวที่ผมรู้ว่าคืออะไร ไม่ใช่มุมกล้องครับ ผมหน้าหันจริงๆ ส่วนเหตุการณ์ที่แม่ม้าเล่าตอนไปโซลทาวเวอร์ และต่อมา 1 2 3 ก็ตามนั้นจริงครับ เพราะผมอิ่ม เลยบอก เดี๋ยวผมไม่กินปูแล้ว ก็เลยตามนั้น"
ความรู้สึกเรา ตบ หรือ แตะ ?
"คนทำอาจจะรู้สึกว่าแตะ แต่คนโดนรู้สึกว่าตบ เจ็บครับ"
โมโหไหม ?
"โมโหครับ ตอนนั้นถึงบอกว่า พี่ทำแบบนั้นกับผมไม่ได้นะ เพราะพ่อกับแม่ผมยังไม่เคยทำเลย ถ้าผมฟ้องแม่อันนี้เรื่องใหญ่นะ"
"หลังจากนั้นเคลียร์กัน 1 ชั่วโมง เขาขอโทษผมก่อนในกรณีการตบ แต่เขาสอน 1 2 3 จนผมรู้ว่า ผมก็ผิดนะ ผมก็ขอโทษเขาเหมือนกัน หลังจากนั้นเคลียร์กันได้เลยไปกินปู"
"เรื่องย้ายโรงแรม สารภาพตรงนี้เลยว่า จริงๆ ผมไม่ได้ย้ายโรงแรมผมขอฟร้อนต์ย้ายไปอยู่ชั้น 13 ส่วนแม่ม้าอยู่ห้องเดิม ซึ่งผมจะอยู่ในห้องตลอด ส่วนที่ไปตัดไหมเจอกับเขา คือ มันแค่การถามคำ ตอบคำ"
"ความคิดที่จะฟ้อง ตอนนั้นผมแค่อยากได้หลักฐานมากกว่า เลยไปแจ้งความเพื่อจะได้เอาคลิปจากกล้อง CCTV ภาพที่ทนายโพสต์คือ หลักฐานที่ผมส่งไป"
"พอเราตัดสินใจว่าจะฟ้อง ก็ติดต่อไว้หลายคน ตอนนั้นไม่ได้บอกใครว่า ม้า แค่ถามไปว่า ถ้าโดนทำร้ายร่างกายที่เกาหลีจะต้องทำยังไงบ้าง ไม่มีใครตอบเลยครับ แต่มีคนหนึ่งตอบมายาวมาก เลยรู้แล้วว่า ได้ทนายแล้ว"
สรุปจะฟ้องไหม ?
"ผมจะฟ้องครับ การถูกตบมันผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะถูกตบทีไทยหรือเกาหลี"
วันนี้รู้สึกยังไง ?
"วันนี้รู้สึกยังไง โล่งที่สุดเลยครับ แต่บางทีไปอ่านคอมเมนต์เจอข้อความว่า แม่ม้าเป็นคนดีนะ แต่เพื่อนแคปข้อความออกไป แต่ทัวร์มาลงผม แล้วว่าผมว่าแล้วมึงจะเอายังไง อยากจะดังหรือเปล่า ผมอยากบอกว่า พี่ครับ ผมอยู่ตรงนี้มา ไม่เคยมีใครรู้จักผมเลยอ่ะ แต่พอมาข่าวนี้คนรู้จักผม จนผมควบคุมตัวเองไม่ได้เลยว่ามันเกิดไรขึ้น ทำไมคนสนใจเราขนาดนี้ ทำไมคนอยากฟังเราขนาดนี้ ผมไม่ได้คิดอย่างนั้นเลย แต่จริงๆ อยากดังไหม ก็ดูพี่ ผมไปทำจมูกมา ไม่ได้ตั้งใจจะให้ใครรู้เลยนะครับ แต่ผมก็บอกกับผู้จัดการว่า ผมทำจมูกครั้งสุดท้ายแล้วนะ ถ้าไฟดวงนี้มันไม่เปิด ผมก็ไปหาอย่างอื่นทำแล้วนะ สุดท้ายทุกคนรู้หมดเลยว่า ผมไปทำศัลยกรรม"
"สาบานเลยนะว่าตอนนั้นไม่ได้คิดว่าจะเป็นแบบนี้ เพราะตอนที่ผมจะตั้งใจฟ้อง คิดว่าวงการบันเทิงผมจบแล้ว เพราะฟ้องผู้ใหญ่จะมีโอกาสนั่งแถลงแบบนี้หรือครับ ไปงานอีเวนต์ยังไม่มีใครสนใจผมเลย ในคอมเมนต์ถาม คนนี้ใคร คนนี้ดาราเหรอ จนวันหนึ่งแสงมาหาผมแล้ว ผมก็ไม่ได้คิดเลย จะได้มานั่งตรงนี้ แล้วในเมื่อผมได้มาแล้ว ก็ต้องออกมาพูดให้ผู้ใหญ่รับฟัง ผมไม่ใช่เด็กกร้าวร้าว แม่ม้ารู้ดี เพราะตอนที่เราอยู่กันตอนนั้นผมยังยกมือไหว้แม่อยู่เลยครับ"
ไม่ติดใจอะไรแล้วใช่ไหมตอนนี้ ?
"วันแรกผมโกรธสุดนะ เพราะผมไปอ่านสื่อ มีเขียนว่า ม้า อรนภา เตรียมพร้อมฟ้อง ผมไม่ได้ใช้วิจารณญาณ ผมก็ขึ้นสุดเลย ผมก็ตบกูแต่จะฟ้องเหรอ ผมก็บอกผู้จัดการเลยไม่ยอม ยังไงกูก็ไม่ยอม แต่สุดท้ายมารู้ว่า เขาไม่ได้พูด ผมก็เย็นลงมา"
ทำไมยกเลิกคิวที่จะชี้แจงพร้อมกัน ?
"เพราะว่าพี่ม้าได้พื้นที่สื่อไปแล้วคนเดียวเมื่อวาน วันนี้ผมก็อยากได้เหมือนกัน ถ้าเกิดมาคุยด้วยกัน 2 คน แล้วเหตุการณ์มันไม่ตรงกันอ่ะ ผมก็จะแย้ง สิ่งที่กลัวที่สุดคือ ผมใหม่มากในวงการบันเทิง ผมจะคุมอารมณ์ไม่ได้ ผมดูพี่ม้าแถลงเมื่อวานไม่จบ 1 ชั่วโมง ทำไมเขานิ่งขนาดนี้ แต่ทำไมเราเล่าใส่แต่ฟิลลิ่งว่ะ แต่ทุกอย่างที่เป็นฟิลลิ่ง มันจริงแน่นอน"
แล้วตรงไหนที่ ม้า อรนภา แถลงแล้วไม่จริง ไม่ตรงบ้าง ?
"เอาจริงๆ นะ ที่เขาแถลงเมื่อวาน เป็นความจริงหมดเลยครับ"
"แม่ม้าพูดว่า ต้องฟังนะเพราะถ้าไม่ฟังแกจะไม่ฉลาด อันนี้ผมได้ยินแล้วอึ้งเลย เกิดมาในชีวิตไม่เคยมีใครพูดกับผมเลยนะ แต่ผมไม่ได้เถียงนะ ผมยกมือไหว้บอกแม่ครับไม่เคยมีใครพูดกับผมแบบนี้เลยนะ ถ้าแม่เห็นอะไรผมไม่ดีก็สอนได้เลยนะ แต่อันนี้เป็นวันแรกที่เจอกันครับ"
จะแจ้งความที่ไทยไหม ?
"วันที่ 29 ผมยังไปสถานีตำรวจอยู่ แล้วตำรวจให้เซ็นยินยอมว่าเอกสารนี้จะกลับมาที่ไทยนะ แต่จะใช้ที่เกาหลีไม่ได้แล้ว เขายกเลิกไปแล้ว ไม่มีผลที่เกาหลีแล้ว และผมก็ยินดีครับที่เป็นแบบนี้เพราะต้องรอให้แม่กลับไปก่อน"
เรากลัวอะไรที่ไม่อยากเผชิยหน้ากับม้า ?
"ผมกลัวใจอ่อนครับ เพราะวันนั้นที่ก่อนไปกินปูแม่ม้าเขาร้องไห้ ผมก็เลยโอเคครับ ผมให้อภัยแล้วครับ เพราะผมสงสาร"
เขาขอโทษแล้ว ยอมรับคำขอโทษไหม ?
"โหยพี่ เขาขอโทษเอ็ม แล้วอธิบาย เอ็มก็ขอโทษ เขาขอโทษก็จบแล้ว แต่ในเรื่องกฎหมายผมอยากให้เป็นตัวอย่างไม่ใช่ว่าใครจะถูกตบก็ได้"
ใครเป็นทนายที่ดูแลคดีให้ ?
"ทนายที่เสนอข่าวไปผมยังไม่ได้ติดต่อเลยครับ ยังไม่ได้คุยเรื่องทนายครับ แต่หลักฐานมีหมดแล้วทุกอย่าง"
"ผมมีล่ามที่เกาหลี ตำรวจบอกว่าให้เอาคลิปนี้กับเอกสารนี้ไปที่เมืองไทย ยังไงก้ได้ ปรึกษาทนาย เขาบอกแจ้งความได้เพราะยังไงก็ทำร้ายร่างกาย แต่ยังไม่ได้ดำเนินการอะไร เพราะเพิ่งมาถึงไทยเมื่อคืน"
ทนายเขาออกมาบอกจะไม่ยุ่งแล้ว ทราบหรือยัง ?
"ยังไม่ทราบเลยครับ"
"วันนี้จริงๆ ตั้งใจจะไม่มาแถลงข่าวด้วย แต่ถ้าผมไม่มา เท่ากับว่า คำพูดพวกนั้นมันจริง วันนี้ผมไม่กลัวอะไแล้ว อยากให้ทุกอย่างมันจบแล้วจริงๆ ถ้าไฟดวงนี้ของผมมันดับเพราะผมเอาเรื่องที่ถูกตบมาพูด ผมก็พร้อมจะไปหาไฟดวงใหม่ครับ เพราะผมอยู่ตรงนี้มานานแล้วจริงๆ"
จะไม่ใจอ่อนแล้วใช่ไหม
"ผมยังบอกกับแม่แล้วว่า เดี๋ยวเราไปเจอกันที่ศาลนะ ถึงเวลาเราอาจจะจูงมือกันไปศาลก็ได้ เหมือนที่ตอนอยู่เกาหลี ผมจูงมือเขาข้ามถนน แต่ผมก็ต้องให้บทเรียนเขา ตอนนั้นผมไม่ได้กลัวเลยครับว่าเป็น ม้า อรนภา ถ้าเป็นผู้ชายเราก็อาจจะต่อยกัน แต่ผมมองเขาเป็นรุ่นแม่จะให้ผมไปตบคืน ผมก็ไม่ถึงขนาดนั้น"
ถ้าพี่ม้าดูอยู่ จะบอกอะไร ?
"ผมขอบคุณนะแม่ม้า คำที่เราบอกว่า เราพูดความจริงกันนะ เมื่อวานแม่ม้าพูดความจริง ผมกลัวมากเลยว่าแม่ม้าจะออกมาพูดว่า มันเป็นเด็กฉัน ฉันซื้อมันมา แม่เป็นคนจริงระดับหนึ่งเลยนะ เพราะแม่รู้อยู่แล้วว่า คำพุดที่ผมพุดออกไป ผมพูดจริงๆ ทุกอย่างเกิดขึ้นจริง คนระดับม้า อรนภา ถ้าแม่ออกมาพูดว่า ไอเด็กคนนี้มันโกหก ผมจบเลยนะ ไม่มีที่ยืน แต่สิ่งที่แม่ม้าพูดคือ สิ่งที่เกิดขึ้นจริง"
ตอนที่ร้องไห้ในรายการ ?
"ตอนผมอยู่ที่นั้นผมร้องไห้หนัก 3 วัน ส่วนเมื่อกี้ที่ร้องไห้ คือ ก็ไม่อยากจะร้อง แต่มันอึดอัด เหนือการควบคุม ถามว่าอยากมีวันนี้ไหม อยากมี แต่ไม่ได้อยากมีข่าวฉาว การเป็นนักแสดงก็ต้องอยู่กับข่าว แต่ส่วนใหญ่เขาก็มีข่าวดี แต่คนมารู้จักหน้าผมด้วยข่าวฉาว ผมเลือกแล้วจะฟ้อง แต่ไม่คิดว่าคนจะให้ความสนใจขนาดนั้น อันนี้คือ บทเรียนในชีวิตเลยว่าอย่าไปทำอะไรใคร ผมก็ไม่เคยบูลลี่ใครนะ แต่ทำไมวันนหึ่งผมมาโดนเอง โดนว่านี่หน้าทำแล้วเหรอ นี่หล่อแล้วเหรอ นี่เหรอหนุ่มเกาหลีแล้วหรอ ผมวอนะครับ ผมไม่ได้เขียนในไอจีนะครับ นั่นพวกพี่นักข่าวเขียนกันเอง
"อย่างคำว่า ดาราต๊อกต๋อยคือ ดารากับนักแสดงมันต่างกัน ผมเป็นนักแสดง เล่นได้ทุกบท แต่ดาราคือคนที่เขาดังอยู่แล้ว"
เป็นคนที่อ่านคอมเมนต์ชาวเน็ตตลอดเหรอ?
"ไม่ตลอด แต่จะอ่านคนที่มาเม้นต์ในไอจีส่วนตัวหรือไดเรกต์ผม แต่ไม่กล้าอ่านในโซเชียล อย่างวันนี้ไปก็จะไม่กล้าอ่าน แต่ตอนนี้นัดเพื่อนแล้วครับ เดี๋ยวจะไปกินส้มตำ"
สภาพจิตใจของครอบครัวเป็นยังไงบ้าง ?
"ผมไม่ได้คุยกับแม่ เพราะให้ผู้จัดการคุยหมดเลย แต่เมื่อวานแม่ไปรับผมที่สนามบิน ก็กอดกันแล้วแม่ร้องไห้ ผมก็บอกแม่ไม่เป็นไร ใจเย็นๆ
"วันนี้ผมอาจจะพูดแบบขาดสติ แต่มันเป็นคำพูดของผมเอง เพราะผมใหม่จริงๆ เพราะผมกลั่นกรองเป็นคำพูดมันยากนะครับมาเจอสื่อแบบนี้ แต่ถ้าอะไรมันหลุดออกจากปากผมไปก็ยังดีกว่าไปฟังจากคนนั้นคนนี้"
"ถามว่า แสงมันส่องมาถึงตัวผมแล้วอ่ะ ผมก็เออมาแถลงแล้ว แต่จะให้ไปรายการอะไรอีก ผมบอกเลยตรงนี้ว่าไม่อยากไปแล้ว แล้วไม่อยากให้คลิปที่ผมโดนตบออกมาไปให้แม่เห็น ให้ผมเห็นหลายๆ รอบอีกแล้วครับ ผมพร้อมมูฟออนแล้วครับ"
ทุกวันนี้ยังโกรธไหม ?
"ผมเป็นคนโกรธง่ายหายเร็ว ถามว่าวันนี้โกรธไหม ดูสัมภาษณ์เมื่อวานก็โกรธ แต่ถ้าถามว่า ตอนที่เราคุยกันที่เกาหลีว่าเดี๋ยวเราไปคุยเรื่องจริงที่เมืองไทยกันนะ ผมก็ว่าเขาเป็นคนที่รับฟังคนหนึ่งนะครับ"
ประเด็นชู้สาว ?
"อันนี้อ่านแล้วก็ขึ้น แต่มันเป็นไปไม่ได้ครับ ผมก็เห็นเขาเป็นรุ่นแม่ วันที่ผมทำจมูก ผมเปิดประตูทิ้งไว้ เขาก็ไม่กล้าเข้ามา วันที่เขาน้ำไม่ไหล ผมเผิดประตูไปห้องเขา ก็เปิดประตูไว้อย่างนั้น เรื่องชู้สาวไม่มีแน่นอน แต่ผมกลัวแม่ม้าจะออกมาพูดว่า มันเป็นแฟนฉันเองแหละ"
ทำไมถึงพูดประเด็นนี้ 2 รอบแล้ว ?
"ก็มันเป็นสิ่งที่ผมคิดไปเองไง ผมคิดแทน แล้วผมกลัว เพราะใครจะเชื่อผมอ่ะ เพราะไปกันสองคน"
เขามีท่าทางให้เราคิดแบบนั้นเหรอ ?
"ไม่มีครับ แต่ผมกลัวไปเองว่าเขาจะพูด แต่ตอนที่อยู่ที่นั้นผมก็ระวังตัว เพราะเจอคนไทยเยอะ คนทักแม่ตลอดทางเลยครับ คือ ที่ผมพูดเพราะผมใหม่มากในวงการบันเทิง ผมกลัวความไม่จริง กลัวเขาจะแต่งเรื่อง และแค่กลัวว่าแม่จะพูดอะไร แต่แม่ไม่พูด"
"เขาตบผม เขาผิด ผมยืนเฉยๆ ผมถูก แค่นั้นเลย"
"ผมอยากให้ทุกคนโฟกัสว่าผมโดนตบ ผมเป็นผู้เสียหาย ไม่ใช่มาคอมเมนต์เรื่องหน้าผม หรือคอมเมนต์บูลลี่แม่ม้า ข่าว 2-3 วันก็หายไปแล้ว แต่ที่คุณคอมเมนต์มันอยู่ในใจผม อยากให้คิดนิดหนึ่ง"