วันที่ 8 เม.ย. 65 ทีมข่าวได้เดินทางไปเจอกับ นายอนุชา เพชรศิริ หรือ ทนายเอ็ม อายุ 32 ปี ทนายความ ที่ถูกโยงก่อนหน้านี้ว่าเป็นกุนซือ "นายเอ็ม 2" ในการแต่งสคริปต์ให้กับบุคคลบนเรือสปีดโบ๊ตในคดีแตงโม ตัดสินใจเปิดเผยตัวตนพร้อมกับออกมาชี้แจง รวบรวมเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องนั้น
นอกจากนี้ ทีมข่าวได้พูดคุยกับทีมทนายชุดแรก ที่ไปเจอกับกลุ่มคนบนเรือที่ร้านอาหารทองหล่อ ย่านสุขุมวิท เวลา 13.00 น. วันที่ 25 ก.พ. 65 โดยเป็นกลุ่มทนายที่ไปพูดคุยกับคนบนเรือ ก่อนที่ทนายเอ็มจะไปถึง ด้านนายธนาธิป สุนันทเสวก หรือ ทนายเบนซ์ และนายณัฏฐภัทร ดวงส่าน หรือทนายริว ปัจจุบันเป็นเสมียนทนาย รอรับใบอนุญาตทนายความ
ทนายเบนซ์ และทนายริว เปิดเผยว่า ในวันนั้นหลังจากที่ตนเองเสร็จภารกิจที่ศาล ได้รับแจ้งจากทนายเอ็ม ให้เดินทางไปเจอกับว่าที่ลูกความ โดยทราบว่าเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับคนตกน้ำ แต่ตนเองทราบข่าวโดยเบื้องต้นแล้วว่าเป็นคดีของนางสาวแตงโม จึงได้เดินทางไปตามที่ทนายเอ็มแจ้ง เมื่อเดินทางไปถึงยืนยันว่าได้มีการร่วมพูดคุยกับ ปอ กระติก แซน แต่ไม่มีโรเบิร์ต และจ๊อบ ส่วนคนอื่นที่อยู่ร่วมในการพูดคุย ก็จะมีภัช พี่สาวของปอ นายเอ็ม 1 คนติดตามชาย 1 คน หญิง 1 คน ซึ่งในการพูดคุยก่อนที่ทนายเอ็มจะมาถึง ก็เป็นการให้เล่าเรื่องราว และจุดตำแหน่งที่อยู่บนเรือ แต่ไม่สามารถที่จะพูดคุยถึงเรื่องประเด็นทางกฎหมายและข้อกฎหมายได้ จะต้องมีการสรุปความคิดเห็นและรอคุยกับทนายเอ็มก่อน ซึ่งในการพูดคุยในวันนั้น ส่วนตัวก็ยืนยันว่าไม่ต่างจากข่าวที่นำเสนอ และเนื้อหาค่อนข้างเหมือนกัน ถูกระบุและรวบรวมความคิดร่วมกันแล้วว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่เพียงแค่รอคำยืนยันว่าใครจะเกี่ยวข้องมากน้อยเพียงใดเท่านั้น
จากกระแสสังคมที่ตั้งข้อสังเกตว่า กลุ่มของตนเองเป็นทนายกลุ่มแรกที่ไปเจอกับคนบนเรือ และอาจจะเป็นคนแต่งเรื่องหรือสคริปต์ให้คนบนเรือนั้น ขอยืนยันว่าในฐานะที่เพิ่งเรียนจบ สอบได้ใบทนายความได้เพียงแค่ 1 ปี ส่วนอีกคนเพิ่งผ่านการสอบยังไม่ได้รับใบทนายความ จึงมีสถานะเป็นเสมียนทนายความ การเดินทางไปของตนเองที่อายุเพียงแค่ 22 ปี ถ้าหากมองว่าคนจะมีความรู้ความสามารถและเป็นกุนซือของคดีใหญ่ได้ ก็คงไม่ใช่เด็กเพียงอายุ 22 ปีหรือเพิ่งเข้าสู่วงการทนายความ การเดินทางไปจึงเป็นเพียงแค่การพูดคุยกับกลุ่มคนบนเรือเกี่ยวกับลำดับเหตุการณ์และเรื่องราวที่เกิดขึ้นเท่านั้น ไม่สามารถที่จะเล่ารายละเอียดได้ทั้งหมด เพียงแค่ยืนยันว่าไม่ต่างจากข่าวที่นำเสนอ
ในการเดินทางไปในวันนั้น ตัวของนางสาวหญิง เป็นภรรยาของทนายเอ็ม ก็ยังมีการส่งรายละเอียดข่าวพร้อมกับแสดงความห่วงใย เพราะคดีที่ตนเองกับทนายริวกำลังจะไปพูดคุยนั้นเป็นคดีใหญ่ และไม่ใช่คดีธรรมดา จึงแนะนำว่าให้ระมัดระวัง รวมถึงให้สังเกตพฤติกรรมและท่าทีของแต่ละคน เผื่ออนาคตได้เป็นทนายความ ก็จะได้มีประเด็นเกี่ยวกับข้อซักถามเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม ตนเองแม้ว่าจะอยู่ในทีมทนายความของทนายเอ็ม ที่เดินทางไปเจอกับกลุ่มคนบนเรือบางส่วน แต่ก็ยืนยันว่าไม่ได้มีการรับเป็นทนายความ เพราะยังไม่ได้มีการรับเงิน ยังไม่ได้มีการว่าจ้าง เพียงแค่เป็นการร่วมรับฟังก่อนที่จะตัดสินใจเท่านั้น และหลังจากที่ถูกพัวพันว่าเป็นกุนซือ ก็ได้เดินทางไปแสดงความบริสุทธิ์ใจ และให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนในคดีร่วมกับทนายเอ็มแล้ว
