กระติกพูดแล้วแตงโมทำอะไรก่อนตาย รับทำท่าแปลกสี่ทุ่มครึ่ง “สิระ” ดีดปาก สันธนะ (คลิป)

ความคืบหน้าการคลี่ปมปริศนาการเสียชีวิตของ "แตงโม-นิดา" นักแสดงสาวชื่อดัง ที่พลัดตกเรือสปีดโบ๊ตจมน้ำเสียชีวิต ขณะที่ในส่วนของคดีนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพนักงานสอบสวนได้มีการเรียกตัวบุคคลบนเรือทั้ง 5 คนรับทราบข้อหากล่าวหา 

วันที่ 4 เม.ย. 65 เวลา 15.30 น. "กระติก หรือ นางสาวอิจศรินทร์ จุฑาสวัสดิ์ อดีตผู้จัดการส่วนตัวแตงโม เดินทางมาถึง สภ.เมืองนนทบุรี เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาแจ้งความเท็จ ตามหมายเรียกของพนักงานสอบสวน เจ้าตัวเองได้สวมเสื้อสีดำลงจากรถเก๋ง เมอร์เซเดส เบนซ์ สีดำ พร้อมกับทางด้าน นายสิระ เจนจาคะ อดีต ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ

อย่างไรก็ตาม สำหรับกระติกถือเป็นผู้ต้องหาคนที่ 5 ที่ถูกพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาดำเนินคดีในความผิดฐานแจ้ง​ความเท็จ โดยกระติกให้การไม่สอดคล้องกับคนบนเรืออีก 4 คน และ​ที่สำคัญการเข้าให้ปากคำแต่ละครั้งของกระติกก็ไม่ตรงกันเองด้วย

เวลา 17.40 น. "น.ส.อิจศรินทร์ จุฑาสวัสดิ์ หรือ กระติก " เพื่อนสนิทและอดีตผู้จัดการส่วนตัวของแตงโม ภายหลังที่เจ้าตัวได้เข้ารับทราบข้อกล่าวหากับทางพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 15 นาที ในการรับทราบข้อหา ป.อาญา มาตรา 172 แจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานอัยการ ผู้ว่าคดี พนักงานสอบสวนหรือเจ้าหน้าที่พนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย

"กระติก" พร้อมด้วย นายสิระ ทนายความส่วนตัว และพ่อของกระติก ตั้งโต๊ะแถลงข่าวภายหลังเข้ารับทราบข้อกล่าวหา เปิดใจยืนยันว่า วันนี้ตนเองมารับทราบข้อกล่าวหา พร้อมรับสารภาพในข้อหาให้การเท็จ ส่วนคำถามว่าที่ผ่านมาก็มีการเดินทางเข้ามาให้การหลายครั้ง แต่ทำไมถึงไม่ยอมให้การตามความจริงตั้งแต่ครั้งแรก ตนก็ให้การมาตลอด ให้เพิ่มเติมมาตลอด ยืนยันไม่เป็นเรื่องจริง ที่สังคมระบุว่าตนให้การกลับไปกลับมา แต่ที่ผ่านมาตนพร้อมให้ข้อมูลตามความจริงมาตลอด จะมีแค่บางครั้งที่อาจจะจำรายละเอียดในช่วงนั้นไม่ได้ พอนึกได้ก็ให้การเพิ่มเติมมาตลอด

ความรู้สึกหลังสังคมกดดันและโจมตี ถึงขั้นเครียดไม่กล้าออกนอกบ้าน ส่วนนี้แจงว่าไม่เป็นความจริง เพราะส่วนตัวออกไปไหนมาไหนตามปกติ ไปส่งลูกที่โรงเรียน และยังใช้ชีวิตได้ตามปกติ ข่าวที่ออกไปไม่เป็นความจริง เรื่องงานนั้นตอนนี้แค่หยุด เพราะตนเองอยากสะสางเรื่องของคดีให้เเล้วเสร็จก่อน เพราะหากตนกลับไปทำงานในช่วงนี้ก็คงไม่ได้ เนื่องจากต้องติดในเรื่องของการเข้าให้ปากคำ ยืนยันส่วนตัวยังมีสถานะเป็นพนักงานประจำอยู่ เมื่อถามว่าตอนนี้ถึงขั้นเครียดกินไม่ได้ นอนไม่หลับ ถึงขั้นต้องทานยาหรือไม่ ยอมรับว่านอนไม่หลับบ้าง แต่ไม่ถึงขั้นต้องทานยา เข้าใจในมุมที่เราต้องเสียเพื่อนไป และไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้

เรื่องการออกมายอมรับแบบนี้กลัวจะโดยขมขู่หรือไม่ ตนยืนยันว่าไม่กลัว ที่ผ่านมาไม่เคยมีใครมาขมขู่ตนอยู่แล้ว เพราะเพื่อนกันทั้งหมด ส่วนกรณี แอนนา ที่ออกมาโพสต์ก่อนหน้านี้ ประมาณว่าตนเองจะแจ้งดำเนินคดีกับทางแอนนา ส่วนนี้ตนไม่เคยเห็นและไม่ทราบ เพราะไม่ได้มีการพูดคุยหรือได้รับแจ้งจากอีกฝ่ายแต่อย่างใด ส่วนความสัมพันธ์นั้น ตนไม่ขอพูดถึงหรือพาดพิงถึงใคร ขอโฟกัสเรื่องของคดีจะดีกว่า มองว่าประเด็นที่เขาพูดกันก็เป็นเรื่องของเขา

ส่วนกรณีบุคคลที่ชื่อทนายเอ็ม มาบงการอะไรบ้าง "อะไรที่เราไม่รู้แล้วเราพูดก็ถือว่าผิด จริงก็ว่าจริง ไม่ก็ว่าไม่ แต่เราพูดในสิ่งที่เราไม่รู้ก็ทำร้ายเราได้เช่นกัน" ส่วนประเด็นฉี่ท้ายเรือนั้นยังยืนยันไม่ได้ เพราะไม่ได้เห็น อีกทั้งที่ผ่านมาตนไม่เคยพูดตั้งแต่แรก แต่มีคนบอกมาคือแซน แต่ส่วนตัวไม่เห็น ตลอดจนที่ผ่านมาตนก็ไม่เคยให้การว่าเห็นหรือให้ข้อมูลเรื่องฉี่ท้ายเรือ ส่วนประเด็นกรมธรรม์ของน้องอีสเตอร์ ลูกสาวที่แตงโมยกผลประโยชน์ให้ ตอนนี้ตนไม่ทราบและไม่เคยยุ่งตรงนั้น

ท้ายสุดเมื่อถามถึงความรู้สึกตอนนี้ ส่วนตัวยังรักแตงโมหรือไม่ ตนไม่ขอตอบ เพราะเรื่องบางเรื่องเรื่องของเรา เรารู้ตัวเรา และเพื่อนรอบข้างก็รู้ คนนอกที่เขาไม่เข้ามาอยู่เขาสัมผัสไม่ได้เราเข้าใน เพราะเขาเองไม่ใช่คนใน ตนรักแตงโม คนในบ้านจะรู้อยู่แล้ว อย่างคุณพ่อก็จะรู้ ไม่เช่นนั้นไม่อยู่กันนานได้นับ 20 ปี

นายสิระ เจนจาคะ อดีต ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ พร้อมทนายความ นายวิวัฒน์ สมบัติหลาย ระบุว่า สำหรับวันนี้เองตนในฐานะที่ปรึกษาทางกฎหมายให้กับทางกระติกนั้น เดินทางพากระติกมารับทราบข้อกล่าวหาประเด็นตามหมายเรียก ซึ่งเจ้าตัวเองไก้รับสารภาพในประเด็นให้การเท็จ ส่วนสาเหตุที่เข้ามาช่วยดูในเรื่องของคดีนั้น สืบเนื่องมาจากทางครอบครัวและคุณพ่อของกระติกเห็นในสิ่งที่ตนทำกรณีลุงนิต ลุงหาปลา เลยมีการติดต่อประสานงานมา และให้มาช่วยในเรื่องของคดี

"โดยทางกระติกเข้าพบกับทางพนักงานสอบสวนพร้อมให้รับสารภาพอย่างหมดเปลือก ในทุกกรณี ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีและการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตลอดจนเป็นประโยชน์ต่อสังคม รวมไปถึงเป็นเหมือนการห้ามปรามกลุ่มคนที่เข้ามาแสวงหาผลประโยชน์จากคดีดังกล่าว พร้อมฝากไปถึงทั้ง 4 คนบนเรือ อยากให้ออกมาพูดความจริง หากมีปัญหาอะไรให้มาปรึกษาตนได้ เพราะยังไงความจริงก็คงหนีไม่พ้น

สาเหตุที่ให้การเท็จครั้งแรกนั้น สืบเนื่องมาจากทางเจ้าตัวเองไปเชื่อคำแนะนำจากทนายคนหนึ่ง ตามที่กระแสข่าวระบุกุนซื่อที่แนะนำ ซึ่งเป็นกลุ่มนักกฎหมายชุดแรก ๆ ที่เข้าไปแนะบุคคลทั้ง 5 คนบนเรือ สำหรับกุนซื่อที่แนะนำว่าชื่อเอ็ม ที่แนะนำให้ทั้ง 5 คนให้การไปในทิศทางเดียวกัน โดยที่ทั้ง 5 คนเองได้เจอทนายฝั่งโน้นแค่ครั้งเดียว ในช่วงให้ปากคำครั้งแรก" นายสิระ กล่าว

ทั้งนี้ กระติกเชื่อทีมนักกฎหมายชื่อเอ็มจึงต้องรับกรรมไป เรื่องนี้ให้การตรงกันครั้งแรกเหมือนกันหมดทั้ง 5 คน แต่จากนั้นกระติกนึกอะไรได้ก็มาให้การกับตำรวจเพิ่ม จากนี้ก็เตรียมปิดคดีแล้ว หลังจากนี้ในการสู้คดีก็จะพนักงานสอบสวนส่งเรื่องไปยังอัยการ และส่งฟ้องต่อก็คงไปว่ากันในชั้นศาล ตอนนี้ยังไม่ได้มีการนัดจากทางพนักงานสอบสวนว่าจะต้องเข้ามาพบวันไหน หรืออย่างไร 

เวลา 13.05 น. นายนิทัศน์ กีรติสุทธิสาธร หรือ จ๊อบ เดินทางมาโดยรถฮุนได H1 สีดำ เดินทางมาพร้อมทนายความส่วนตัว ก่อนที่เจ้าตัวจะลงรถด้วยสีหน้านิ่งเฉย ไม่พบว่าอาการเครียดหรือมีสีหน้าที่กังวล เจ้าตัวเองไม่ได้มีท่าทีที่จะหลบสื่อ เดินเข้าทางประตูหน้าตามปกติ ท่ามกลางสื่อมวลชนพยายามสอบถามถึงการเดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาในวันนี้ รวมไปถึงมีการสอบถามว่าทางเจ้าตัวเองมีความกังวลหรือไม่ มีการโยนแก้วไวน์และขวดไวน์ทิ้งหรือไม่ เจ้าตัวไม่ตอบคำถามแต่อย่างใด ขณะที่ทางด้านทนายความส่วนตัวระบุว่าขออนุญาตไปพบทางด้านพนักงานสอบสวนก่อน ก่อนที่ทางเจ้าตัวจะเดินขึ้นชั้น 2 เข้าห้องสำนักงานผู้กำกับทันที

นายนิทัศน์ กีรติสุทธิสาธร หรือ จ๊อบ ระบุว่า ตนไม่กังวลและไม่รู้สึกเครียดเลย ไม่ตอบว่าพร้อมสู้คดีหรือไม่ ให้เป็นหน้าที่ของทนาย แต่ยืนยันว่าปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ตอนเข้าไปในห้องรับทราบข้อกล่าวหา ไม่ได้พูดคุยกับกระติก เมื่อถามว่าได้ติดต่อคนบนเรือบ้างหรือไม่ ไม่ขอตอบ แต่ทนายความตอบแทนว่าไม่ได้ติดต่อเลย

ทนายความส่วนตัวของจ๊อบ เปิดเผยว่า "เบื้องต้นวันนี้เองทางตนได้พาจ๊อบเข้าพบกับทางพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก ใน 2 ข้อหาตามที่ทราบ เบื้องต้นทางด้านจ๊อบปฎิเสธทุกข้อกล่าวหา ส่วนอนาคตก็ค่อยว่ากันไปตามกระบวนการยุติธรรม โดยที่ข้อกล่าวหาดังกล่าวไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ในการยื่นประกันตัว เพราะเป็นการเดินทางมาตามหมายเรียก

เมื่อถามถึงพฤติการณ์ที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเเจ้งข้อหารายละเอียด ส่วนนี้ทางทนายเองระบุว่าก็เป็นพฤติการณ์ตามที่เป็นไปกระแสข่าวเป็นเรื่องของการโยนสิ่งของลงแม่น้ำ ทำลายพยานหลักฐาน ส่วนรายละเอียดว่าทำลายพยานหลักฐานอะไรนั้น อยู่ในรายละเอียดของคดี ยังไม่สามารถตอบได้ ส่วนพยานหลักฐานที่ทำลายเป็นอะไรบ้าง มีการโยนขวดไวน์ ขวดแก้วหรือไม่นั้น เป็นข้อเท็จจริงในคดีที่ไม่ขอเปิดเผย หลังจากนี้จะเข้ามาพบพนักงานสอบสวน นัดหมายรายงานตัวอีกครั้งช่วงบ่ายวันที่ 19 เม.ย. 65

สำหรับข้อหาของทั้ง 5 คนบนเรือที่ถูกแจ้งนั้น 1. นายตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ หรือ ปอ พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาดำเนินคดีในความผิดฐาน 5 ข้อหา ป.อาญาฯ มาตรา 291 กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, พ.ร.บ.การเดินเรือฯ ขับเรือโดยไม่มีใบอนุญาต, พ.ร.บ.การเดินเรือฯ ใช้เรือที่ใบอนุญาตสิ้นอายุ, ป.อาญาฯ มาตรา 172 ให้การเท็จ, พ.ร.บ.การเดินเรือฯ ทิ้งสิ่งปฏิกูลลงแม่น้ำ

2. นายไพบูลย์ ศรีกาญจนานันท์ หรือ โรเบิร์ต พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาดำเนินคดีในความผิดฐาน 4 ข้อหา ป.อาญาฯ มาตรา 291 กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, พ.ร.บ.การเดินเรือฯ ขับเรือโดยไม่มีใบอนุญาต, พ.ร.บ.การเดินเรือฯ ใช้เรือที่ใบอนุญาตสิ้นอายุ, พ.ร.บ.การเดินเรือฯ ทิ้งสิ่งปฏิกูลลงแม่น้ำ

3. นายวิศาพัช มโนมัยรัตน์ หรือ แซน พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหา จำนวน 1 ข้อหา ป.อาญาฯ มาตรา 291 กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

4.นายนิทัศน์ กีรติสุทธิสาธร หรือ จ๊อบ พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหา จำนวน 2 ข้อหา ป.อาญาญ มาตรา 184 ช่วยผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษทางอาญา และทำลายหลักฐาน , พ.ร.บ.การเดินเรือ ฯ ม.119 ทิ้งสิ่งปฏิกูลใดๆ ลงในแม่น้ำลำคลอง

5.นางสาวอิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ หรือ กระติก พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหา จำนวน 1 ข้อหา ป.อาญา มาตรา 172 ให้การเท็จ

สำหรับล่าสุดที่ "กระติก" รับสารภาพเรื่องที่มีการยืนอยู่หัวเรือในวันที่เกิดเหตุ ตามภาพจากกล้องวงจรปิดนั้น จากการวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญเรื่องเรือสปีดโบ๊ต นายธีรพัฒน์ บุญภิรักษ์ อายุ 51 ปี มองว่าหากบุคคลที่ยืนอยู่บนหัวเรือตามภาพที่ปรากฏ หากล่วงตกลงน้ำก็มีโอกาสเป็นไปได้ ที่จะถูกกระแสน้ำพัดไปอยู่ที่บริเวณท้ายเรือได้หรือไม่

ตามหลัก หากคนล่วงลงน้ำร่างก็จะจมลงสักพัก ก่อนจะลอยขึ้นมา ดังนั้นหากจิตนาการว่าตกน้ำช่วงหัวเรือ ขณะที่เรือกำลังแล่นอยู่ ก็อาจจะทำให้ร่างของบุคคลที่อยู่ในน้ำถูกกระแสน้ำพัดไปยังใต้เรือ ไปยังจุดที่มีฟินเรือและใบพัดเรือได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยและองค์ประกอบหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความเร็วหรือลักษณะการตก ซึ่งหากตกตรงกลางหัวเรือพอดี ก็จะถึงขั้นทำให้บุคคลนั้นถูกกระแสน้ำพัดไปยังใบพัดเรือจนถึงแก่ชีวิตได้

ทั้งนี้ หากบุคคลดังกล่าวยืนเหมือนตามภาพที่ปรากฏบริเวณหัวเรือ ถึงแม้ว่าจะมีคนประคองตัวไว้หรือไม่มี หากเรือขับแล่นด้วยความเร็ว หรือมีการเบรกอย่างกะทันหันก็สามารถตกลงน้ำและเกิดอันตรายได้เช่นกัน