รวบสาวอุบล ลวงเหยื่ออ้างจะพาไปทำงานที่เกาหลีใต้ สุดท้ายเชิดเงินหนี 4 ล้านบาท

8 ก.พ. 65

ตำรวจ บก.ป. รวบสาวชาวอุบลฯ ลวงเหยื่อกว่า 100 ราย อ้างพาไปทำงานที่เกาหลีได้ สุดท้ายเชิดเงินหนี เสียหายกว่า 4 ล้านบาท

กองบังคับการปราบปราม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป., พ.ต.อ.ณัฐพงษ์ ปิตะบุตร, พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ, พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา ผกก.4 บก.ป., พ.ต.ท.รณกร สุขมงคล, พ.ต.ท.ศุภกร ตังคะประเสริฐ, พ.ต.ท. ภัทรพันธ์ ศิริเพิ่มพูลชัย รอง ผกก.4 บก.ป.

เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ต.ศรัณย์ ศรีพักตร์ สว.กก.4 บก.ป. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ป.ร่วมกันจับกุม น.ส.จอม (สงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดอำนาจเจริญ ที่ 109/2564 ลงวันที่ 8 พฤศจิกายน 2564 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกง” โดยจับกุมได้ริมถนนสาธารณะ ถนนเทพรักษ์ แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพฯ

1644280635875

พฤติกรรมของผู้ต้องคือ เมื่อปี 2559 ผู้ต้องหารายนี้เคยเดินทางไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้ และหลังจากที่ผู้ต้องหาเดินทางกลับมายังประเทศไทย จึงคิดวิธีหาเงินโดยการเป็นนายหน้าส่งคนไปทำงานที่ต่างประเทศ โดยผู้ต้องหารายนี้ได้ทำการโฆษณาว่าสามารถจัดส่งคนไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้ได้ มีอาชีพให้เลือกเช่น ร้านนวด ทำสวน หรือทำงานโรงงาน และรับประกันว่าจะมีรายได้สูงถึงเดือนละ 50,000–70,000 บาท เมื่อมีคนสนใจมาสมัครกับทางผู้ต้องหาแล้ว ผู้ต้องหาก็จะให้จ่ายค่าสมัค และค่าดำเนินการต่างๆ โดยเป็นเงินตั้งแต่ 5,000-22,000 บาท ซึ่งมีผู้สนใจสมัครและโอนเงินค่าสมัครให้กับผู้ต้องหารายนี้กว่า 100 ราย รวมเป็นเงินกว่า 4 ล้านบาท แต่ปรากฏว่าเมื่อผู้เสียหายโอนเงินให้กับผู้ต้องหาแล้ว ผู้ต้องหากลับบ่ายเบี่ยง และไม่ยอมดำเนินการตามที่ได้ตกลงไว้ และเมื่อกลุ่มของผู้เสียหายทวงถามขอคืนเงิน ก็ไม่ได้รับคำตอบจากผู้ต้องหา และภายหลังก็ไม่สามารถติดต่อกับผู้ต้องหารายนี้ได้ จึงได้รวมกลุ่มผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ

1644280617880

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า ผู้ต้องหาได้หลบหนีมาทำงานอยู่ในพื้นที่สายไหม กรุงเทพฯ จึงได้นำกำลังลงพื้นที่สืบสวนติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหา กระทั่งสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหารายนี้ได้ ในชั้นจับกุมผู้ต้องหารับสารภาพว่าตนเคยเป็นนายหน้าส่งคนไทยไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้จริง โดยจะได้ส่วนแบ่งจากเจ้าของธุรกิจที่มารับคนงานไทยไปทำงานด้วย ซึ่งผู้ต้องหายอมรับว่าเป็นการส่งคนไทยไปทำงานโดยผิดกฎหมาย แต่ช่วงหลังเกิดปัญหาเนื่องจากมีการปิดประเทศ และเงินที่รับมาจากกลุ่มผู้เสียหายตนได้นำไปใช้ในชีวิตประจำวันแล้ว จึงไม่สามารถนำมาคืนได้ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส