สาวลาวสุดช้ำ! คนร้ายย่องบ้าน ควักตาหมาจนบอด หลังวัวถูกยิงตาย สงสัยอดีตคนสนิทแชตขู่

จากกรณีที่หญิงสาวรายหนึ่ง ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ทั้งรูปภาพและข้อความ เป็นสุนัขของตัวเองที่ถูกทำร้ายที่ดวงตาทั้ง 2 ข้าง คล้ายกับมีการใช้ของมีคมควักลูกตาจนห้อยออกมา โดยระบุข้อความว่า “จะต้องร้องไห้อีกกี่วันกี่ปีถึงจะลบภาพแบบนี้ออกจากใจได้ หมาไปทำอะไรให้ใคร หมามันรู้ความหรือ ลูกมันยังเล็กๆอยู่นะทำไมต้องตีมันถึงขนาดนี้ด้วย“ จากนั้นก็มีผู้ที่เข้าไปแสดงความคิดเห็นและพูดถึงการกระทำที่โหดร้าย รวมถึงมีคนให้การช่วยเหลือ และแนะนำให้นำสุนัขมารักษาที่ประเทศไทยด้วย

วันที่ 31 ธ.ค. 61 นางสาวพรไพร์ แซ่ลี หรือ เหมย เหมย อายุ 24 ปี ที่โพสต์เฟซบุ๊ก เรื่องราวดังกล่าว โดยบอกว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยตนได้เลี้ยงสุนัขตัวนี้มาได้ปีกว่า ๆ มีชื่อว่าเจ้าปีโป้ เป็นสุนัขที่ไม่มีนิสัยดุร้าย ขี้เล่น กินเก่ง ไม่เคยทำร้ายใคร ช่วงที่เกิดเหตุการณ์ คือวันที่ 28 ธันวาคมที่ผ่านมา เป็นวันที่ตนไม่ได้อยู่บ้าน เพราะมาเยี่ยมเพื่อนที่กรุงเทพมหานคร

แต่มีน้องชายที่ส่งภาพเจ้าปีโป้ ที่ถูกทำร้ายมาให้ดู พอเห็นภาพแล้วก็สะเทือนใจ และเสียใจมาก เห็นภาพทุกครั้งก็ร้องไห้ตลอด โดย 3 วันที่ผ่านมา ได้นอนไปเพียงไม่กี่ชั่วโมง เพราะทั้งเครียดทั้งเสียใจ จนทำให้นอนไม่หลับ ซึ่งไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำ ถึงได้จิตใจโหดเหี้ยมขนาดนี้ ทั้งที่เจ้าสุนัขปีโป้มันมีลูกน้อยอยู่ด้วยอีก 6 ตัว ซึ่งมันยังต้องให้นมลูกทั้งที่บาดเจ็บ

นอกจากนี้ ตนเคยสงสัย คนทำร้ายปีโป้ คืออดีตคนสนิท แต่ก่อนหน้านี้มีคนส่งข้อความมาข่มขู่ใน Facebook ด้วยการส่งรูปภาพอาวุธปืนและมีด และบอกว่าหากไม่คบกับเขา เขาจะทำร้ายครอบครัวให้หมด แต่เนื่องจากตอนนี้หลักฐานในข้อความถูกลบไปแล้ว เลยไม่สามารถนำมาเป็นหลักฐานได้ ซึ่งหลังจากที่มีการข่มขู่ ต่อมาเมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 61 วัวที่เลี้ยงไว้ที่บ้านก็ถูกยิงตายไป 1 ตัว ผ่านมาอีก 10 วัน สุนัขที่เลี้ยงไว้ก็มาถูกทำร้ายอีก ตอนนี้ตนเลยรู้สึกเสียใจ และกังวลเรื่องความปลอดภัยของคนในครอบครัวมาก จึงได้แจ้งความไว้แล้ว

ส่วนสุนัขที่ตนรัก ได้นำมารักษาที่ ที่โรงพยาบาลสัตว์สหมิตร จังหวัดเชียงราย โดยสัตวแพทย์ได้ทำการนำลูกตาออกมา และทำการเย็บปิดแผล เจ้าปีโป้ก็จะกลายเป็นสุนัขตาบอดไปตลอด นอกจากนี้ ตนขอขอบคุณน้ำใจจากผู้ที่ช่วยบริจาคเงินค่ารักษาเจ้าปีโป้ และผู้ที่ให้กำลังใจมาในโซเชียลอีกด้วย โดยเฉพาะพี่น้องชาวไทยที่ให้การช่วยเหลือในครั้งนี้