อุ้มฆ่าสาวจากงานปาร์ตี้ทิ้งศพข้างถนน ตร.เจอปมพัวพันยา พ่อช็อกไม่เชื่อ (คลิป)

6 ธ.ค. 64

ความคืบหน้าเหตุพบศพ น.ส.สุรยานา สารีมายอ อายุ 33 ปี นอนเสียชีวิตบนถนนลูกรังบ้านยูโย ม.6 ต.บางขุนทอง อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เมื่อเวลา 09.00 น. ของวันที่ 3 ธ.ค. 64 ที่ผ่านมา

864406

จากการชันสูตรพลิกศพผู้เสียชีวิตของแพทย์โรงพยาบาลตากใบ พบบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนพก ขนาด .38 ที่บริเวณหน้าอกและข้อมือซ้าย รวม 4 นัด ซึ่งเป็นหลักฐานตรงกันกับเจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบพบหัวกระสุนปืนพก ขนาด .38 ที่ตกฝังอยู่ในดินลูกรังจุดเกิดเหตุ จำนวน 1 หัว โดยเฉพาะที่บริเวณศีรษะมีร่องรอยคล้ายถูกตีด้วยของแข็งเป็นแผลรอยเขียวช้ำ คล้ายกับผ่านการถูกซ้อม ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วก่อนหน้านี้นั้น

497030

วันที่ 6 ธ.ค. 64 พ.ต.อ.นราวี บินแวอารง ผกก.สภ.ตากใบ ให้ข้อมูลว่า ตำรวจได้ทำการสืบสวนสอบสวนจนทราบว่าก่อนเสียชีวิต น.ส.สุรยานา ผู้เสียชีวิตได้ออกจากบ้านไปร่วมงานปาร์ตี้ในพื้นที่ อ.เมืองนราธิวาส จากนั้นคาดว่าอาจจะมีปากเสียงกับคนร้าย และเมื่อออกจากงานปาร์ตี้ คนร้ายอาจจะมีการซ้อมผู้เสียชีวิต ซึ่งสังเกตได้จากแผลที่ศีรษะและข้อศอกซ้ายเขียวช้ำ จากนั้นคนร้ายได้บังคับให้ผู้เสียชีวิตขึ้นรถยนต์ขับมายังจุดเกิดเหตุ แล้วนำตัวลากลงจากรถยนต์ พร้อมพูดคุยปัญหาบางอย่าง แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ คนร้ายเลยใช้อาวุธปืนพก ขนาด .38 ออกมายิงผู้เสียชีวิต จำนวน 4 นัด จนเสียชีวิตแล้ว และขับรถยนต์หลบหนีไป

570145

ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจรู้ตัวผู้ที่กระทำผิดแล้ว แต่ยังไม่สามารถให้ข้อมูลได้ เนื่องจากกำลังเร่งสืบสวนสอบสวนถึงบุคคลที่อาจต้องสงสัยรายอื่น ๆ พร้อมทั้งตรวจสอบรถยนต์ที่คนร้ายใช้เป็นพาหนะในการก่อเหตุ แกะรอยจากลายของยางรถยนต์ว่าเป็นรถยนต์คันเดียวกันหรือไม่ อย่างไร ซึ่งหากมีการสอบสวนเพิ่มเติมจนแน่ชัดในตัวของบุคคลที่กระทำผิด คาดว่า 1-2 วัน น่าจะทำการออกหมายจับได้

cg

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เบื้องต้นสันนิษฐานว่ามาจากเรื่องชู้สาวหรือยาเสพติด เจ้าหน้าที่จะทำการสืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริง ในการติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีในข้อหาความผิดฐาน ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวและไม่มีเหตุอันสมควร ตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

938040

ทีมข่าวอมรินทร์ เดินทางไปยังบ้านของผู้เสียชีวิต ภายในพื้นที่หมู่ 4 ต.ตะปอเยอะ อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส นายอับดุลลา สารีมายอ อายุ 59 ปี พ่อของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า สำหรับความคืบหน้าทางด้านคดี เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ตากใบ หลังจากเมื่อวานก็ยังไม่ได้แจ้งความคืบหน้าอะไรให้ตนทราบเพิ่มเติม บอกเพียงแค่ว่าขณะนี้อยู่ในระหว่างขั้นตอนการดำเนินการ ติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

ส่วนตัวหลังจากที่ลูกสาวของตนเสียชีวิตจากการถูกฆาตกรรม ตอนนี้ตนรวมไปถึงคนในครอบครัวก็เริ่มมีสภาพจิตใจดีขึ้นตามลำดับ แต่ก็ยังยืนยันคำเดิมว่าอยากวอนขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีเอาผิดถึงที่สุด ให้สาสมกับการกระทำที่ก่อไว้กับลูกสาวของตน เนื่องจากอยากรู้ว่าจุดประสงค์การลงมือฆาตกรรมลูกสาวของตนจนถึงแก่ชีวิตในครั้งนี้ ผู้ก่อเหตุทำไปเพื่ออะไร เพราะในส่วนนี้คนในครอบครัวไม่ทราบเลยว่าลูกสาวไปมีปัญหากับใคร เนื่องจากลูกสาวจะเป็นคนที่หากมีความเครียด จะไม่ระบายหรือเล่าให้คนในครอบครัวฟัง

อีกทั้งเรื่องปมปัญหายาเสพติดหรือชู้สาว ที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่าเป็นปมเหตุเสียชีวิต ตนในฐานะผู้เป็นพ่อ ยืนยันว่าที่ผ่านมาไม่เคยเห็นลูกสาวยุ่งเกี่ยวยาเสพติด หรือเคยมีปัญหากับสามีเก่า เพราะหลังเลิกกันไป เท่าที่ตนทราบมาก็ต่างคนต่างอยู่ อย่างไรก็ตามหลังลูกสาวของตนเสียชีวิตแล้วขอให้ลูกสาวหลับสบาย ไม่ต้องเป็นห่วง ด้านคดีความก็ปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย

479325

หลังจากนั้น ทีมข่าวเดินทางไปยังร้านยำที่ผู้เสียชีวิตเคยทำงาน หน้าการยางแห่งประเทศไทย อ.เมืองจ.นราธิวาส พบว่ามีร้านยำดังกล่าวจริง แต่ร้านปิดไม่ได้เปิดให้บริการ จากการสอบถามคนในพื้นที่ทราบว่า ร้านยำที่ผู้เสียชีวิตเคยทำงานจะหยุดขายในวันจันทร์ 

นางราตรี (นามสมมติ) อายุ 44 ปี แม่ค้าขายเสื้อผ้าร้านติดกัน กล่าวว่า น.ส.สุรยานา ผู้เสียชีวิต ตนไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว แต่คุ้นหน้าคุ้นตา เนื่องจากเคยเห็น น.ส.สุรยานา มาทำงานเป็นลูกจ้างร้านยำ ที่ร้านข้าง ๆ ตน ซึ่งครั้งล่าสุดที่ตนพบเห็นประมาณช่วง 1 อาทิตย์ที่ผ่านมา ช่วงนั้นฝนตกหนักก็เห็น น.ส.สุรยานา มายืนกวาดพื้นหน้าร้าน และจัดร้านเก็บของ หลังจากนั้นก็ไม่เห็น น.ส.สุรยานา อีกเลย ซึ่งไม่รู้ว่าเจ้าตัวโดนไล่ออกหรือมีปัญหาอะไรหรือไม่

กระทั่งล่าสุด 3 พ.ย.64 มาทราบข่าวว่าน.ส.สุรยานา ถูกฆาตกรรมเสียชีวิต ตนก็รู้สึกตกใจ แต่ก็ไม่ทราบรายละเอียดอะไรแน่ชัด เนื่องจากเป็นเพียงคนที่เคยเห็นหน้า ฐานะคนค้าขายใกล้กันเท่านั้น

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส