ปู่มหามุณี ชี้สาวครางสนั่นพิธีเพิ่มเสน่ห์ อ.ต้อมน้อย เชื่อโดนพลังกระทบ เผยบูชาผีถ้าทำดีได้คุณ (คลิป)

จากกรณีคลิปที่ถูกเผยแพร่บนโลกออนไลน์ ที่มีหญิงสาวรายหนึ่งกำลังเข้าร่วมพิธีบางอย่าง และเกิดอาการร้องส่งเสียงโหยหวนคล้ายการร่วมเพศ หลังคลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไปก็มีขาวเน็ตวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก (อ่าน : ชวนอึ้ง! พิธีเสน่ห์นางคราง วางปลัดขิกหว่างขาสาว ทนายชี้อนาจาร ส่อคุก)

วันที่ 6 พ.ย. 61 ปู่มหามุนี อริยดาบส เปิดเผยว่า พิธีกรรมดังกล่าวนั้นเป็นศาสตร์ที่มีอยู่จริงและเป็นเรื่องที่มีมานานแล้ว แต่เพราะปัจจุบันมีโลกออนไลน์ทำให้สังคมเห็น คนที่เพิ่งเคยเห็นจึงมองว่าเป็นเรื่องแปลก ซึ่งพิธีกรรมที่ปรากฏอยู่ในคลิปจะช่วยเรื่องเพิ่มเสน่ห์ เมตตามหานิยม ให้คนมารัก ให้คนมาหลงกับคนที่ทำ ส่วนประเด็นที่มีการนำเครื่องรางซึ่งเป็นปลัดขิก ตั้งอยู่ใกล้กับอวัยวะเพศหญิงนั้น ตนมองว่าพิธีกรรมจริง ๆ อาจเป็นการนำขาไปโอบเครื่องรางไว้มากกว่า ไม่ใช่การนำเครื่องรางไปชิดกับอวัยวะเพศ

ส่วนการที่ผู้หญิงในคลิปร้องครวญครางนั้น ตนมองว่าอาจจะเป็นพลังงานไปกระทบกับหญิงสาวคนดังกล่าวจึงทำให้แสดงกริยาออกมาเช่นนั้น แต่ยืนยันว่าผู้ร่วมพิธีไม่ได้แสดงออกมาแบบนั้นทุกคน ซึ่งภายในคลิปนั้นตนมองว่า อ.ต้อมน้อย ผู้ทำพิธีไม่ได้มีการล่วงเกินผู้ร่วมพิธีแต่อย่างใด ส่วนผู้ร่วมพิธีจะแสดงออกอย่างไรก็ไม่เกี่ยวกับอาจารย์ ซึ่งพิธีดังกล่าวถือเป็นศาสตร์มืดและมนต์ดำ แต่เรื่องผลกระทบกับคนที่ทำนั้นก็ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติตน ถ้าหากประพฤติตนดีก็จะไม่มีผลกระทบ แต่ถ้าทำไม่ดีก็จะมีผลกระทบในรูปแบบแตกต่างกันไป ซึ่งขึ้นกับวิชานั้น ๆ

ส่วนสิ่งที่ทำให้คนต่างประเทศสนใจในพิธีกรรมดังกล่าวนั้น ตนมองว่าคนต่างประเทศในแถบเอเชียมีความเชื่อในเรื่องการบูชาผีอยู่แล้ว และเมื่อมารวมกับศาสตร์ไทยก็กลายเป็นที่สนใจ อีกทั้งเมื่อเข้าร่วมพิธีกรรมของไทย ก็จะเห็นผลอย่างทันที จึงทำให้คนต่างประเทศเชื่อถือมาก ซึ่งตนมองว่าเป็นสิ่งที่ดีที่คนยุคใหม่ ๆ ได้ศึกษาและเรียนรู้ เพื่อรู้ทันมิจฉาชีพที่จะมาหลอกลวง

นอกจากนี้ พิธีกรรมที่ครูบาอาจารย์นำเลือดไปทำของขลัง หรือตะกรุดนั้น เป็นเรื่องที่มีอยู่แล้วในก่อนหน้านี้ แต่อิทธิฤทธิ์นั้นจะขึ้นอยู่กับคนปลุกเสกว่าจะใส่มนต์แบบไหนลงไป ซึ่งจะทำให้เห็นผลต่างกัน บางอย่างทำให้อยู่ยงคงกระพัน แต่บางอย่างอาจช่วยเรื่องเมตตามหานิยม อย่างไรก็ตาม ตนมองว่าพิธีกรรมทั้งหมดที่ถูกเผยแพร่นั้นเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับคนที่ไม่เคยพบเจออาจจะมองเป็นเรื่องน่าตกใจ ซึ่งสิ่งพวกนี้นั้นอยู่คู่กับสังคมไทยมานานแล้ว แต่อยู่ที่ว่าจะเปิดใจรับหรือไม่