กรณีที่ตำรวจ สภ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ ได้รับแจ้งจาก น.ส.นันท์นภัส เขมรินทร์ธนาทัต อายุ 39 ปี เจ้าของร้านเสริมสวย "แพน ซาลอน" ที่ตั้งอยู่ภายในตลาดสดอำเภอหนองกี่ จังหวัดบุรีรัมย์
โดยที่เจ้าตัวเองได้นำหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิดเข้าแจ้งความ ให้ช่วยติดตามตัวหญิงสาว อายุประมาณ 40 ปี ผิวขาว รูปร่างท้วม เข้ามาใช้บริการทำผม ทำเล็บ ตั้งแต่เวลาประมาณ 09.30 - 14.00 น. ของวันที่ 13 ต.ค. 64 แต่สุดท้ายพอทำเสร็จแล้วทางเจ้าตัวกลับไม่ยอมจ่ายเงิน ยังออกอุบายขอเข้าห้องน้ำ ก่อนจะฉกเงินของเจ้าของร้านอีกกว่า 3,000 บาท ซิ่งรถจักรยานยนต์เผ่นหนี
ล่าสุด วันที่ 15 ต.ค. 64 ทีมข่าวเดินทางไปยังร้านที่เกิดเหตุ ตำบลทุ่งกระดาดพัฒนา อำเภอหนองกี่ จังหวัดบุรีรัมย์ ร้านเสริมสวยที่อยู่ภายในตึกแถวตลาด จำนวนกว่า 20 คูหาติดกัน
น.ส.นันท์นภัส เขมรินทร์ธนาทัต หรือ แพน เจ้าของร้านเสริมสวย เล่าว่า ช่วงที่เกิดเหตุผู้ก่อเหตุได้สวมเสื้อสีชมพู กางเกงขายาวสีดำ เดินทางมาที่ร้านของตนช่วง 09.00 น. ก่อนที่จะเข้ามาสอบถามเรื่องการทำสีผม อยากทำสีผมบรอนซ์สว่าง แต่ด้วยวันนั้นคิวลูกค้าเยอะ ตนเลยตัดสินใจบอกว่าต้องรอคิวก่อน น้องเองก็บอกว่ารอได้ เวลาผ่านไปประมาณ 10.00 น. ตนเองก็ได้เริ่มทำสีผม ทำเล็บ ระหว่างที่ทำอยู่นั้นผ่านไปประมาณ 4 ชั่วโมง ระหว่างขั้นตอนการทำสีผมอยู่ เจ้าตัวเองทำทีขอเข้าห้องน้ำ ประจวบกับตนเองต้องออกไปก็ดูร้านขายเสื้อผ้าซึ่งอยู่ติดกัน
ในจังหวะที่ตนเดินออกมาที่ร้านเสื้อผ้า ลูกค้าคนดังกล่าวก็เดินออกมาอย่างรวดเร็ว และหนีหายไปทันที โดยที่ไม่ได้จ่ายเงินสักบาท หนำซ้ำพอมาตรวจสอบเงินที่เก็บไว้ในกระปุกเก็บของ ที่ตั้งอยู่บริเวณหน้าห้องน้ำก็พบว่าเงินสดจำนวน 3,000 กว่าบาทได้หายไปจากที่เก็บ ยอมรับว่าตกใจและงง เชื่อว่าผู้ก่อเหตุเองน่าจะเตรียมการมาเป็นอย่างดี เพราะจังหวะที่ทำผมอยู่ก็ไม่ได้มีพิรุธหรือข้อสงสัยว่าจะเป็นมิจฉาชีพ
ทั้งนี้ ส่วนตัวรู้สึกเข่าอ่อน ทำอะไรไม่ถูก หลังเจอเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะปกติแล้วตนจะให้ทางลูกน้องเป็นคนทำ แต่เคสนี้ด้วยที่เขาต้องการผลิตภัณฑ์ดี ๆ รวมไปถึงเป็นเคสที่ค่อนข้างทำยาก ตนเลยยอมอดข้าว ยืนทำสีให้นานกว่า 4-5 ชั่วโมง แต่กลับพบว่าเขาคือมิจฉาชีพ ตั้งแต่เปิดร้านมาตลอดระยะเวลา 3 ปี เป็นครั้งแรกที่เจอเหตุการณ์แบบนี้
ล่าสุด ตำรวจได้มีการจับกุมตัวผู้ก่อเหตุ ทราบว่าน้องเขาเองเพิ่งจะอายุ 18 ปี มีการแจ้งข้อกล่าวหาลักทรัพย์ ยืนยันว่าที่ผ่านมาตนเองไม่เคยเห็นหน้าน้องคนดังกล่าวมาก่อน ตนก็เตรียมจะดำเนินการเข้าแจ้งความ ที่ไม่น่าเห็นใจ เพราะส่วนหนึ่งที่ได้พูดคุยกับทางน้องพบว่าน้องเองเอาเงินที่โขมยไปใช้จ่ายชีวิตติดหรูเพียงวันเดียวหมด ไปนั่งทานข้าวร้านอาหารแพง ๆ และใช้จ่ายฟุ่มเฟือย หนำซ้ำน้องเองยังไม่รู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำเลย
ด้านนางสาวภัทราทิพย์ ภักดีกลาง ร้านขายเสื้อผ้าภายในตลาด เปิดใจเล่าเหตุการณ์ว่า ช่วงประมาณ 9.00 น. ของวันที่ 2 ต.ค. ทางผู้ก่อเหตุรายดังกล่าวได้เดินทางที่ร้านของตนเป็นคนแรกของร้าน เลือกเสื้อผ้ากว่า 10 ชุด เป็นมูลค่ากว่า 1,500 บาท ให้ตนใส่ถุงเพื่อคิดเงิน
จังหวะนั้นทางผู้ก่อเหตุเองก็ทำทีเป็นคุยโทรศัพท์เพื่อให้แม่โอนเงินมาให้จำนวน 1,000 บาท เป็นจังหวะเดียวกับทางลูกค้าอีกรายเข้ามาใช้บริการพอดี ตนเลยชะล่าใจคิดว่าเขาคงรอเงินจากแม่ เดินไปบริการลูกค้าอีกราย ไม่ทันได้สังเกตเขา พอหันมาดูอีกที พบว่าทางผู้ก่อเหตุหยิบเสื้อไป 1 ตัว ราคา 350 บาทหายไป ตนเองก็ไม่ทันเห็นว่าเขาเดินไปทางไหน และหลบหนีอย่างไร ประจวบกับไม่มีกล้องวงจรปิดด้วย
ทีมข่าวได้เดินทางไปยัง สภ.หนองกี่ อำเภอหนองกี่ จังหวัดบุรีรัมย์ มีการคุมตัว นางสาวอาทิติญา อายุ 18 ปี ผู้ก่อเหตุ มาสอบปากคำเพิ่มเติม รวมไปถึงมีการเรียกตัวผู้ปกครอง แม่และพี่สาวของนางสาวอาทิติญามาให้ข้อมูลเพิ่มเติม เจ้าตัวไม่ได้มีสีหน้าตึงเครียดแต่อย่างใด
พี่สาวของผู้ก่อเหตุ ยอมรับว่า ส่วนตัวไม่ได้เจอน้องมานานแล้ว หลังจากที่น้องเองมีครอบครัวและย้ายออกจากบ้านอ้างว่ามีสามีฝรั่งด้วย โดยไปตั้งแต่ช่วง 6 ปี ที่แล้ว ประจวบกับตนเองก็ออกไปทำงานที่จังหวัดอื่น นาน ๆ จะกลับมาบ้านสักครั้ง ยอมรับว่าหลังทราบข่าวก็ค่อยข้างตกใจ เพราะน้องของตนก่อนหน้านี้ที่อยู่ด้วยกันเขาเองก็ไม่เคยมีนิสัยแบบนี้ ไม่เคยลักเล็กขโมยน้อยมาก่อน แม้ว่าจะให้เดือดร้อนแค่ไหนเขาเองก็ไม่ทำ ซึ่งก็ยังสงสัยว่าทำไมน้องเองถึงก่อเหตุเเบบนี้ ทั้งที่ครอบครัวของแฟนน้องเองก็ดูแลเป็นอย่างดี ทางคุณแม่เองพอทราบข่าวท่านก็เสียใจ รวมไปถึงคุณยายที่บ้านเองก็ร้องไห้ รับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น
หลังจากนี้ ทางครอบครัวเองก็คงปล่อยให้เป็นเรื่องของคดีความ ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามกฎหมาย ส่วนของค่าเสียหายนั้นทางครอบครัวเองก็ได้ยืมเงินญาติมาคืนส่วนหนึ่งให้กับทางผู้เสียหายที่มาแจ้งความไว้ก่อนนี้
