ธุรกิจการตลาด

อวสานแชร์รหัส Netflix เตรียมตรวจเข้ม IP ผู้ใช้ ให้เพื่อนยืมได้ แต่ต้องเสียค่าธรรมเนียม!

17 มี.ค. 65
อวสานแชร์รหัส Netflix เตรียมตรวจเข้ม IP ผู้ใช้ ให้เพื่อนยืมได้ แต่ต้องเสียค่าธรรมเนียม!
ไฮไลท์ Highlight
 เฉิงอี หลง ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนานวัตกรรมของเน็ตฟลิกซ์ โพสต์ในบล็อกส่วนตัวว่าของเธอว่า “แม้การแชร์รหัสเน็ตฟลิกซ์จะเป็นสิ่งที่ผู้ใช้นิยมทำกัน แต่ก็ยังไม่ชัดเจนว่าบัญชีเน็ตฟลิกซ์ควรแชร์ได้เมื่อไรและอย่างไร ผลที่ตามมาก็คือ สมาชิกในบ้านแชร์รหัสให้กันและกัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อรายได้ที่เราจะนำไปใช้พัฒนาภาพยนตร์และซีรีส์ดีๆ ให้กับสมาชิกของเรา”

เน็ตฟลิกซ์ไม่ใจดีแล้ว! เตรียมตรวจเข้ม IP และ ID อุปกรณ์ของผู้ใช้ คนไหนใช้รหัสเพื่อนต้องเสียรายเดือนเพิ่ม อีกหนึ่งความพยายามดึงเม็ดเงินเข้าแพลตฟอร์ม หลังขึ้นราคาค่าสมาชิกรายเดือนเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา

 

screenshot2022-03-17at18-3
 

นอกจากค่ากิน ค่าใช้ ค่าบ้าน ค่ารถในแต่ละเดือนแล้ว รายจ่ายประจำอันใหม่ที่คนสมัยนี้ไม่มีไม่ได้คือ “ค่าสมัครสมาชิก” ทั้งยูทูบ สปอติฟาย อ้ายฉีอี้ แอปเปิลมิวสิค ดิสนีย์พลัส และแน่นอน “เน็ตฟลิกซ์” และหลายคนเลือกที่จะใช้วิธี “สีเทา” โดยการหารค่าบริการกับเพื่อน แล้วแชร์รหัสดูด้วยกัน (หรือร้ายกว่านั้น ก็ขอเพื่อนดูฟรีซะเลย)

ใช่ว่าเน็ตฟลิกซ์จะไม่รู้ แต่ที่ผ่านมา บริษัทก็หยวนให้มาโดยตลอด แต่ด้วยสถานการณ์การแข่งขันช่วงนี้ที่ดุเดือด และยอดผู้ใช้ที่ตกลงต่อเนื่อง เน็ตฟลิกซ์จึงเตรียมใช้ไม้แข็ง เรียกเก็บค่าบริการจากการแชร์รหัสกับผู้อื่น ที่ไม่ใช่สมาชิกที่ลงทะเบียนไว้ตอนแรก (สมาชิกแบบสแตนดาร์ด ล็อกอินได้ 2 เครื่อง สมาชิกแบบพรีเมียมล็อกอินได้ 4 เครื่อง)
 

(s)istock-1208675422

แล้วเน็ตฟลิกซ์จะรู้ได้อย่างไรว่าเรา แอบบอกรหัสเพื่อน?

เน็ตฟลิกซ์จะใช้ข้อมูล IP Address (หมายเลขประจำเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้เชื่อมต่อกับระบบอินเตอร์เน็ต เปรียบเสมือนบ้านเลขที่ของเรา) ID ของอุปกรณ์ (รหัสที่ผูกติดมากับสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตของเราตั้งแต่ครั้งแรกที่เปิดเครื่อง และจะไม่เปลี่ยนแปลงจนกว่าเราจะรีเซ็ตระบบ) รวมไปถึงข้อมูลเฉพาะเจาะจงอื่นๆ ที่จะสามารถยืนยันได้ว่า กำลังมีคนอื่นที่ไม่ใช่สมาชิกที่เสียเงิน และลงทะเบียนอย่างถูกต้อง แอบล็อกอินและเพลิดเพลินกับหนังหรือซีรีส์ของเน็ตฟลิกซ์อยู่

โดยระบบที่เน็ตฟลิกซ์ออกมาแก้เกมนี้ คือการสร้างตัวเลือกให้สร้าง “บัญชีย่อย” สำหรับผู้ใช้งานสมัครสมาชิกแบบ สแตนดาร์ด และ พรีเมียม โดยสร้างได้มากสุด 2 บัญชีย่อย แน่นอนว่า บัญชีย่อยเหล่านี้ต้องเสียเงินรายเดือนด้วยเช่นกัน แต่เสียในเรตราคาที่ถูกกว่า ที่ประมาณ 2.99 ดอลลาร์ (99.39 บาท)

 

 netflixprice

 

ในขณะที่การสมัครมาชิกแบบปกติ จะมีค่าใช้จ่ายรายเดือนอยู่ที่ 9.99 ดอลลาร์ (332 บาท) สำหรับแบบเบสิก 15.49 ดอลลาร์ (515 บาท) และแบบพรีเมียม 19.99 ดอลลาร์ (664 บาท) ซึ่งนี่เป็นราคาใหม่ที่ เพิ่งปรับขึ้นในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา ที่ 1-1.5 ดอลลาร์ ในแต่ละประเภทสมาชิก

ฟีเจอร์ใหม่ที่ไม่ค่อยถูกใจผู้ใช้ แต่ดีต่อใจบริษัทเน็ตฟลิกซ์นี้ จะเริ่มออกใช้ใน ชิลี คอสตาริกา และเปรู เป็น 3 ประเทศแรก แต่ยังไม่ได้ระบุว่าจะออกใช้จริงทั่วโลกเมื่อไร ซึ่งหากเทียบกับการจ่ายราคาเต็มแล้ว ก็จ่ายเงินบัญชีย่อยก็ยังถูกกว่า 3 ถึง 6 เท่า เลยทีเดียว โดยค่าใช้จ่ายบัญชีย่อย จะถูกเรียกเก็บจากผู้ถือบัญชีหลัก เป็นหน้าที่ของบัญชีหลักที่จะต้องไปเรียกเก็บต่อเองอีกทอดหนึ่ง
 

 
เฉิงอี หลง ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนานวัตกรรมของเน็ตฟลิกซ์ โพสต์ในบล็อกส่วนตัวว่าของเธอว่า “แม้การแชร์รหัสเน็ตฟลิกซ์จะเป็นสิ่งที่ผู้ใช้นิยมทำกัน แต่ก็ยังไม่ชัดเจนว่าบัญชีเน็ตฟลิกซ์ควรแชร์ได้เมื่อไรและอย่างไร ผลที่ตามมาก็คือ สมาชิกในบ้านแชร์รหัสให้กันและกัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อรายได้ที่เราจะนำไปใช้พัฒนาภาพยนตร์และซีรีส์ดีๆ ให้กับสมาชิกของเรา”

 

1647086942553
 
นอกจากมาตรการสุดโหดที่กำลังจะออกใช้งานนี้แล้ว เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา เน็ตฟลิกซ์ก็เพิ่งปรับราคาเพิ่มสำหรับทุกประเภทสมาชิก ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะต้องการระดมทุน เพื่อมาพัฒนาแพลตฟอร์ม คอนเทนต์ และออริจินัลซีรีส์ที่มีเฉพาะในเน็ตฟลิกซ์ ให้มีคุณภาพยิ่งขึ้น ดึงดูดสมาชิกใหม่ให้เข้ามา และทำให้สมาชิกเดิมยังคงหลงรักและภักดีต่อเน็ตฟลิกซ์อยู่
 
ปลายปี 2021 ที่ผ่านมาเป็นช่วงที่ไม่ค่อยราบรื่นสำหรับเน็ตฟลิกซ์ หลังจากยอดสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นเพียง 18 ล้านราย เทียบกับปลายปี 2020 ที่มียอดสมาชิกใหม่สูงถึง 37 ล้านราย และรายได้ไตรมาสสุดท้ายของปี 2021 ที่ไม่สวยเท่าใดนัก เนื่องจากในปี 2020 ผู้คนส่วนใหญ่ยัง Work from Home หรือหยุดงาน ทำให้มีเวลาดูภาพยนตร์และซีรีส์ แถมการแข่งขันระหว่างผู้ให้บริการสตรีมมิ่งก็ยังไม่ดุเดือด

 

istock-828501618
 
ต่างกับภาพในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ที่ภาพยนตร์และซีรีส์ของแอพสตรีมมิ่งเจ้าอื่นๆ ก็เข้มข้น และสร้างฐานแฟนคลับได้ไม่แพ้กัน และคนก็เริ่มกลับไปทำงาน และออกไปใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องหาความบันเทิงจากโทรทัศน์หรือสมาร์ทโฟนเพียงอย่างเดียว ทำให้หุ้นเน็ตฟลิกซ์เริ่มหมดเสน่ห์ และมีมูลค่าหุ้นร่วงลงแล้วราว 50% เทียบกับจุดสูงสุดที่เคยทำไว้ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2021

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT