positioning

“คมนาคม”เซ็ทอัพระบบขนส่งสาธารณะเปิดประเทศดันผู้โดยสารระบบรางฟื้น 50% คาดธุรกิจการบินทรุดยาวถึงปี 65  

1 พ.ย. 64
“คมนาคม”เซ็ทอัพระบบขนส่งสาธารณะเปิดประเทศดันผู้โดยสารระบบรางฟื้น 50% คาดธุรกิจการบินทรุดยาวถึงปี 65  

ระบบการ คมนาคมขน ส่งถือเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนเพื่อรองรับการเดินทางของนักท่องเที่ยวในการเปิดประเทศวันที่1พ.ย. 2564และเครื่องบินจะเป็นการเดินทางหลักของนักท่องเที่ยว”สนามบิน”จึงเป็นประตูแรกที่ต้องมีมาตรการรองรับและคัดกรองอย่างเข้มแข็งต่อด้วยระบบขนส่งทั้งรถโดยสารสาธารณะลีมูซีนรถบัสแท็กซี่ที่เชื่อมจากสนามบินไปยังโรงแรมที่พักและไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างซึ่งขณะนี้ทุกหน่วยงานมีการเตรียมความพร้อมกันอย่างเต็มที่เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวภายใต้มาตราการสาธารณสุขที่เข้มงวด



“ศักดิ์สยามชิดชอบ”รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมสั่งเตรียมความพร้อมทั้งทางบกรางน้ำและอากาศคุมเข้ม”โควิด-19 “ภายใต้มาตรการสาธารณสุขทั้งการคัดกรองป้องกันควบคุมกำกับดูแลบุคลากรและนักท่องเที่ยวรวมทั้งมาตรการด้านความปลอดภัยตลอดจนการอำนวยความสะดวกและปลอดภัยการให้บริการสำหรับนักท่องเที่ยว

โดยบริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย(บวท.)#8203;คาดการณ์ปริมาณเที่ยวบินเพิ่มขึ้นเฉลี่ยวันละ900 – 1,000เที่ยวบินโดยเปรียบเทียบกับเดือนต.ค. 2564ที่มี26,905เที่ยวบินเป็น27,285เที่ยวบิน(เพิ่มขึ้น1.4%)เพิ่มขึ้นอย่างชะลอตัว

สนามบิน“สุวรรณภูมิและดอนเมือง”ได้กำหนดขั้นตอนตั้งแต่ผู้โดยสารลงจากเครื่องบินมีการใช้แอปพลิเคชันThailand Plusยืนยันข้อมูลโดยมีกระทรวงการต่างประเทศรับรองทำให้ใช้เวลาตรวจสอบลดลงพร้อมกันนี้ได้มีการจัดช่องทางไว้อย่างชัดเจนและหากว่าผู้โดยสารมีความเสี่ยงเช่นมีไข้ทีมของสาธารณสุขจะมีการแยกผู้โดยสารนั้นออกจากผู้โดยสารอื่นๆ ไม่ให้มีการปะปนเด็ดขาด

วันที่1พ.ย.2564สนามบินสุวรรณภูมิมีสายการบินแจ้งทำการบินเที่ยวบินพาณิชย์ประมาณ440เที่ยวบินเป็นเที่ยวบินภายในประเทศ230เที่ยวบินเที่ยวบินระหว่างประเทศ110เที่ยวบินและเที่ยวบินขนส่งสินค้า100เที่ยวบินคาดว่าจะมีผู้โดยสารราว30,000คนแบ่งเป็นผู้โดยสารภายในประเทศ23,000คนและผู้โดยสารระหว่างประเทศ7,000คน

สำหรับสายการบินต่างประเทศพบว่าในช่วงตารางบินฤดูหนาวระหว่าง31ต.ต.2564 - 26มี.ค.2565มีการคืนsLotบินประมาณ70-80%เนื่องจากสายการบินยังมองว่าสถานการณ์ยังมีความไม่แน่นอนสูงและยังไม่ฟื้นตัวโดยที่สนามบินสุวรรณภูมิคืนslotถึง79%ส่วนสายการบินสัญชาติไทยคืนslotมา42%

แหล่งข่าวจากสายการบินระบุว่าการประกาศเปิดประเทศวันที่1พ.ย. 2564ไม่ได้หมายความจะมีสายการบินเที่ยวบินและผู้โดยสารกลับมาในทันทีเพราะก่อนที่สายการบินจะกำหนดตารางบินต้องมีกระบวนการในการขายตั๋วล่วงหน้าส่วนผู้โดยสารหรือนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาจะต้องมีปัจจัยอีกหลายเรื่องประกอบการตัดสินใจหากการเดินสะดวกปลอดภัยไม่กักตัวจริงสถานที่พักโรงแรมแหล่งท่องเที่ยวระบบทัวร์เอเย่นต์จะทำงานประสานกันและไม่มีเหตุปัจจัยลบหรือมีการติดเชื้ออย่างรุนแรงระลอกใหม่เชื่อว่าจะเห็นการเดินทางท่องเที่ยวฟื้นตัวกลับมาคึกคักในช่วงปี2565

@ ”สุวรรณภูมิ-ดอนเมือง”เร่งซ่อมรันเวย์คาดเที่ยวบินไม่ฟื้นเร็ว

สำหรับสนามบินสุวรรณภูมินั้นปัจจุบันมีการซ่อมแซมพื้นผิวทางขับและถนนภายในเขตการบินคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนพ.ย. 2564นอกจากนี้มีแผนปรับปรุงพื้นผิวทางบริเวณหัวทางวิ่ง(Runway)ทางขับ(Taxiway)และทางขับเข้าสู่หลุมจอดอากาศยาน(Taxilane)เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและลดปัญหาความล่าช้าและการติดค้างของเครื่องบนบนทางขับจากการซ่อมบำรุงพื้นผิวในระยะยาวที่มแผนจะดำเนินการปี2565-2569)



ขณะที่สนามบินดอนเมืองปัจจุบันกำลังดำเนินการปรับปรุงผิวทางวิ่งซึ่งจะมีการปิดทางวิ่ง21R-03Lบางส่วนไปถึงวันที่27ก.พ. 2565คาดว่าจะแล้วเสร็จบางส่วนเดือนมิ.ย. 2565ซึ่งช่วงนี้ดอนเมืองยังไม่มีเที่ยวบินระหว่างประเทศจึงไม่มีผลกระทบใดๆ

@“สนามบินกระบี่”เนื้อหอมโลว์คอสต์”เริ่มจองSlot

สำหรับกรมท่าอากาศยาน(ทย.)มีสนามบินในกำกับดูแล28 +1โดยมีสนามบินเปิดให้บริการเที่ยวบินพาณิชย์จำนวน22แห่งและมี4แห่งที่จะรองรับเที่ยวบินระหว่างประเทศในระยะที่1ได้แก่สนามบินกระบี่,สนามบินสุราษฎร์ธานี,สนามบินหัวหิน,สนามบินบุรีรัมย์

ซึ่งปัจจุบันมีสายการบินต่างประเทศแจ้งแผนทำการบินมายังสนามบินกระบี่แล้วตามนโยบายเปิดประเทศคือสายการบินScoot Tiger (เส้นทางทางสิงคโปร์-กระบี่)โดยจะทำการบินตั้งแต่วันที่3ธ.ค. 2564-26มี.ค. 2565ทำการบินทุกวันอังคารศุกร์เสาร์

นอกจากนี้ยังมีสายการบินแอร์เอเชียแจ้งทำการบินเส้นทางสิงคโปร์-กระบี่ตั้งแต่วันที่1ธ.ค. 2564-26มี.ค. 2565ทำการบินทุกวัน และเส้นทางสิงโปร์-หัวหินตั้งแต่วันที่1ธ.ค. 2564-26มี.ค. 2565ทำการบินทุกวันจันทร์พุธศุกร์และอาทิตย์

ทั้งนี้ทย.ได้มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารจัดการสนามบินที่สนามบินกระบี่เช่นระบบCommon Use Passenger Processing System (CUPPS)ระบบCommon Use Self Service(CUSS)ระบบCommon Use bag Drop (CUBD)และระบบFlight Information Display System ( FIDS)ซึ่งเป็นระบบที่ให้บริการแก่สายการบินเชื่อมต่อกับระบบลงทะเบียนบัตรโดยสารและระยะต่อไปจะให้บริการที่สนามบินสุราษฏร์ธานีอุบลราชธานีขอนแก่น

@บขส.เดินรถเพิ่มระหว่างประเทศ15เส้นทาง

ด้านการขนส่งทางบกนั้นรถโดยสารบขส.เป็นอีกการเดินทางทั้งภายในประเทศและการเดินทางข้ามพรมแดนไปยังประเทศเพื่อนบ้านที่ได้รับความนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวซึ่งบริษัทขนส่งจำกัด(บขส.)ได้เตรียมพร้อมด้านพนักงานได้รับวัคซีนครบ3เข็ม100%ตรวจATKทุก7วันขณะที่ความพร้อมของรถโดยสารมีการทำความสะอาดฆ่าเชื้อตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดต่อเนื่อง

นอกจากนี้ได้เปิดเดินรถระหว่างประเทศเชื่อมไปยังสปป.ลาวกัมพูชาได้แก่นครหลวงเวียงจันทน์หลวงพระบางปากเซวังเวียงและเสียมราฐรวม15เส้นทางจำนวน64เที่ยวประกอบด้วย

1.หนองคาย-เวียงจันทน์6เที่ยว/วัน2.อุดรธานี-เวียงจันทน์8เที่ยว/วัน3.อุบลราชธานี-ปากเซ2เที่ยว/วัน4.มุกดาหาร-สะหวันนะเขต12เที่ยว/วัน5.ขอนแก่น-เวียงจันทน์2เที่ยว/วัน

6.กรุงเทพฯ-เวียงจันทน์1เที่ยว/วัน7.นครพนม-เมืองท่าแขก8เที่ยว/วัน8.เชียงใหม่-หลวงพระบาง1เที่ยว/วัน9.อุดรธานี-วังเวียง1เที่ยว/วัน10.กรุงเทพฯ-ปากเซ2เที่ยว/วัน

11.เชียงราย-แขวงบ่อแก้ว-สะพานมิตรภาพไทย-ลาว15เที่ยว/วัน12.กรุงเทพฯ-เสียมราฐ1เที่ยว/วัน13.กรุงเทพฯ-พนมเปญ1เที่ยว/วัน14.เลย-หลวงพระบาง2เที่ยว/วัน15.น่าน-หลวงพระบาง1เที่ยว/วัน

ส่วนเส้นทางภายในประเทศก่อนล็อกดาวน์ประเทศเมื่อปี2563บขส.มีการเดินรถรวม115เส้นทางมีเที่ยววิ่ง474เที่ยวเป็นเส้นทางในประเทศ100เส้นทางจำนวน390เที่ยววิ่งเส้นทางระหว่างประเทศ15เส้นทางจำนวน84เที่ยววิ่ง

ช่วงมีมาตรการเคอร์ฟิวมีการเดินรถรวม39เส้นทางมีเที่ยววิ่ง99เที่ยวเป็นเส้นทางในประเทศ39เส้นทางจำนวน99เที่ยววิ่งไม่มีการเดินรถเส้นทางระหว่างประเทศ

แผนรองรับเดินทางเปิดประเทศวันที่1พ.ย. 2564จะมีการเดินรถเส้นทางในประเทศ75เส้นทางจำนวน207เที่ยววิ่ง

ส่วนรถร่วมบขส.มีการเดินรถรวม199เส้นทางจำนวน1,149เที่ยว/วันเพิ่มจากช่วงล็อกดาวน์ที่มี193เส้นทางจำนวน259เที่ยว/วัน

ขณะที่จำนวนผู้โดยสารรถบขส./รถร่วมช่วงต้นเดือนต.ค.2564มีจำนวน12,100คนล่าสุดแนวโน้มเพิ่มขึ้นโดยวันที่29ต.ค. 2564มีผู้โดยสารจำนวน18,669คน

@ขสมก.เพิ่มความถี่Airport Bus

องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.)เตรียมเพิ่มความถี่การเดินรถเชื่อมท่าอากาศยานทั้ง6เส้นทางให้เพียงพอต่อความต้องการใช้บริการโดยปัจจุบันมีรถบริการรวม57คันความถี่361เที่ยวเพิ่มเป็น60คันความถี่544เที่ยวประกอบด้วย

สายA1ท่าอากาศยานดอนเมือง-BTSจตุจักรปัจจุบันมีรถ16คันความถี่122เที่ยวเพิ่มเป็น160เที่ยว

สาย A2ท่าอากาศยานดอนเมือง-อนุสาวรีย์ชัยฯปัจจุบันมีรถ162คันความถี่68เที่ยวเพิ่มเป็น120เที่ยว

สายA3ท่าอากาศยานดอนเมือง-สวนลุมพินีปัจจุบันมีรถ8คันความถี่48เที่ยวเพิ่มเป็น80เที่ยว

สายA4ท่าอากาศยานดอนเมือง-สนามหลวงปัจจุบันมีรถ8คันความถี่50เที่ยวเพิ่มเป็น80เที่ยว

สายS1ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-สนามหลวงปัจจุบันมีรถ6คันความถี่21เที่ยวเพิ่มเป็น24เที่ยว

สาย555รังสิต-ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิปัจจุบันมีรถ7คันความถี่52เที่ยวเพิ่มรถเป็น.10คันความถี่80เที่ยว

โดยพนักงานขสมก.ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้วกว่า12,952คนคิดเป็น98%เหลือเพียง2%ส่วนรถโดยสารมีการทำความสะอาดก่อน-หลังให้บริการทุกครั้ง

@ระบบรางเข้มโชว์เอกสาร”ฉีดวัคซีน-ตรวจเชื้อ”ก่อนขายตั๋ว

ด้านระบบรางทั้งรถไฟฟ้าในเมืองและรถไฟระหว่างเมืองมีระบบคัดกรองผู้โดยสารตามวิถีNew Normalอยู่แล้วส่วนกรณีเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติจะมีการตรวจเอกสารยืนยันการฉีดวัคซีนผลตรวจ(ATK)หรือRT-PCRไม่พบเชื้อภายใน72ชม.และตรวจวัดอุณหภูมิก่อนเข้าใช้บริการ

และก่อนจำหน่ายตั๋วโดยสารให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเจ้าหน้าที่จำหน่ายตั๋วจะต้องตรวจสอบสอบเอกสารก่อนคือหลักฐานการได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด–19ครบ2เข็มหรือครบโดสตามจำนวนวัคซีนแต่ละชนิดหรือหลักฐานจากโรงพยาบาลแสดงว่าเป็นผู้ที่หายจากอาการป่วยด้วยโรคติดเชื้อไวรัสโควิด–19มาแล้วณวันเดินทางโดยจะต้องไม่เกิน90วัน



กรณีตรวจพบว่าไม่ได้รับวัคซีนและไม่มีผลตรวจATK/RT-PCRหรือมีอาการเสี่ยงในการติดเชื้อสงวนสิทธิ์การให้บริการในระบบขนส่งทางราง

@รถไฟฟ้าผู้โดยสารแตะ6แสนคน/วันหวังเปิดเมืองกระตุ้นเดินทาง

สำหรับรถไฟฟ้าMRTให้บริการภายใต้มาตรการสาธารณสุขซึ่งปรับความจุรองรับผู้โดยสารเป็น100%โดยสายสีน้ำเงินขบวนรถรองรับได้886คน/ขบวนส่วนชานชาลารองรับ192คน/ชานชาลาสามารถรองรับผู้โดยสารขั้นต่ำได้500,000คน/วันสายสีม่วงรองรับได้921คน/ขบวนและ192คน/ชานชาลาสามารถรองรับผู้โดยสารขั้นต่ำได้350,000คน/วัน

ขณะที่ปริมาณผู้โดยสารระบบรางโดยรวมเริ่มฟื้นตัวมา50%แล้วโดยวันที่29ต.ค. 2564พบว่ามีผู้โดยสารรวม605,431คนแบ่งเป็นรฟท.23,070คน/แอร์พอร์ตเรลลิงก์26,381คน/รถไฟชานเมืองสายสีแดง8,188คน/รถไฟฟ้าMRTสีนำ้เงินและสีม่วง191,406คน/รถไฟฟ้าBTS356,386คน

“เทียบกับช่วงก่อนเกิดโควิด-19ที่ระบบรางมีผู้โดยสารรวม1,228,822คน/วันผู้โดยสารยังหายไป50 %แต่มีสัญญาณที่ดีเพราะหากเป็นช่วงเดือนก.ค.-ก.ย.ที่มีเคอร์ฟิวเข้มข้นมีผู้โดยสารเฉลี่ยเพียง315,000คน/วันเท่านั้น”

@รฟท.เตรียมเลิกวิ่ง22ขบวนแบบถาวร สวนทางเปิดประเทศ

สำหรับการรถไฟแห่งประเทศ(รฟท.)มีแผนเดินรถรองรับผู้โดยสารทั่วประเทศโดยก่อนเกิดโควิด-19มีบริการรถโดยสาร236ขบวนแบ่งเป็นรถเชิงพาณิชย์84ขบวนรถเชิงสังคม152ขบวนปัจจุบันมีการเดินรถรวม108ขบวนแบ่งเป็นรถเชิงพาณิชย์26ขบวนรถเชิงสังคม82ขบวน

เปิดประเทศวันที่1พ.ย. 2564จะเดินรถเพิ่มเป็น154ขบวนโดยเดินรถรถเชิงพาณิชย์เพิ่มอีก12ขบวนรวมเป็น38ขบวนเดินรถรถเชิงสังคมเพิ่ม34ขบวนรวมเป็น116ขบวนและเดินรถไฟข้ามสะพานมิตรภาพฯแห่งที่1จากวันละ2ขบวนเป็น7ขบวน

แต่ในทางกลับกันก็มีแผนที่จะงดเดินรถถาวร22ขบวนโดยเป็นรถเชิงพาณิชย์14ขบวนรถเชิงสังคม8ขบวนเช่นสายเหนือกรุงเทพ-เชียงใหม่/กรุงเทพ-ศิลาอาสน์/สายอีสานกรุงเทพ-หนองคาย/กรุงเทพ-อุบลราชธานี/สายตะวันออกแก่งคอย-ลำนารายณ์/กรุงเทพ-ฉะเชิงเทรา/สายใต้กรุงเทพ-ยะลา/กรุงเทพ-นครศรีธรรมราช/รถชานเมืองกรุงเทพ-รังสิต/อยุธยา-ลพบุรี



สำหรับการคมนาคมทางน้ำมีมาตรการตรวจคัดกรองผู้โดยสารก่อนการใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะทุกท่าเรือพร้อมกันนี้กรมเจ้าท่าได้มีการตรวจสอบสภาพความมั่นคงแข็งแรงปลอดภัยของท่าเทียบเรือต่างๆตรวจสอบอุปกรณ์ช่วยชีวิตประจำเรือขณะที่เรือด่วนเจ้าพระยาได้ปรับเพิ่มเที่ยวเรือด้วยพร้อมกับเพิ่มความเข้มข้นในการดูแลพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวทางน้ำจำนวน10จังหวัดในการให้บริการแก่นักท่องเที่ยวด้วยความปลอดภัย

จากปริมาณนักท่องเที่ยวในปี2564ซึ่งประเทศไทยมีสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19ค่อนข้างรุนแรงมีมาตรการปิดประเทศการเดินทางท่องเที่ยวหยุดชะงักโดยข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทยชี้ว่าการเปิดประเทศในวันที่1พ.ย. 2564จะกระตุ้นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วง2เดือนสุดท้ายของปีนี้เพิ่มขึ้นประมาณ64%เมื่อเทียบกับการไม่มีมาตรการเปิดประเทศ

โดยรัฐบาลได้คาดการณ์เป้าหมายรายได้รวมการท่องเที่ยวในปี2565อยู่ที่1.5ล้านล้านบาทแบ่งเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยจ้านวน15ล้านคนสร้างรายได้ประมาณ6แสนล้านบาทนักท่องเที่ยวไทยสร้างรายได้รวมประมาณ8แสนล้านบาทและประเมินรายได้ของตลาดรวมจะคิดเป็น50%ของปีปกติก่อนเกิดการระบาดโควิด-19หรือปี2562ที่มีรายได้จากการท่องเที่ยวรวมอยู่ที่3.4ล้านล้านบาท...เปิดประเทศ ความหวังฟื้นเศรษฐกิจ!!

Powered By : Positioning

advertisement

SPOTLIGHT