เศรษฐกิจตุรกีส่อวิกฤติหนัก หลังเงินเฟ้อพุ่ง20% แต่ธนาคารกลาง กลับลดดอกเบี้ยนโยบายลงถึง 1% ขณะที่ผู้นำตุรกี ประกาศ ขึ้นค่าแรงตั้งแต่ปีใหม่อีก 50% นักวิเคราะห์เตือน ซ้ำเติมปัญหาเงินเฟ้อ ส่วนค่าเงินร่วงหนักกว่า50%ตั้งแต่ต้นปี
18 ธ.ค.64 ประธานาธิบดีของตุรกี เรเซป ตอยยิบ เออร์โดกัน ประกาศเมื่อวานที่ผ่านมาว่า เริ่มตั้งแต่ปี 2565 แรงงานในตุรกีจะได้รับค่าแรงเพิ่มขึ้น 50% จากเดิมที่ระดับ 2,825 ลีราต่อเดือน หรือราว 5,600 บาท สู่ระดับ 4,250 ลีรา หรือราว 8,400 บาท และคาดว่าแรงงานจำนวน 10 ล้านคน หรือราว 1 ใน 3 จากแรงงานทั่วประเทศจะได้รับประโยชน์จากการปรับขึ้นค่าแรงนี้
เออร์โดกันประกาศมาตรการดังกล่าว เพื่อหวังเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าที่พุ่งขึ้น หลังจากที่ค่าเงินลีราดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง บรรดานักวิเคราะห์ออกมาเตือนว่า มาตรการดังกล่าวของรัฐ จะยิ่งเป็นการซ้ำเติมปัญหาเงินเฟ้อในประเทศ ซึ่งขณะนี้พุ่งขึ้นทะลุ 20% แล้ว โดยบริษัทต่างๆจะพากันขึ้นราคาสินค้าต่อไปเพื่อผลักภาระต้นทุนที่สูงขึ้นจากการจ่ายค่าแรงคนงานไปให้แก่ผู้บริโภค
ด้านธนาคารกลางตุรกีเข้าแทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตรา เพื่อสกัดการทรุดตัวของลีราซึ่งยังคงดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ธนาคารกลางประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเมื่อวันที่ 16 ธันวาคมที่ผ่านมา สวนทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้นของหลายประเทศ ผลที่ตามมาคือ ค่าลีรา ของตุรกีร่วงลง 6.27% สู่ระดับ 17.14 เทียบดอลลาร์ในวันที่17 ธันวาคม ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ ก่อนที่ธนาคารกลางจะเข้าแทรกแซงตลาด
ค่าเงินลีราของตุรกี ดิ่งลงแล้วถึง 55% นับตั้งแต่ต้นปีนี้ ถือเป็นสกุลเงินในตลาดเกิดใหม่ที่ปรับตัวย่ำแย่ที่สุด ท่ามกลางแรงเทขายของนักลงทุนต่างชาติที่ไม่มั่นใจต่อความเป็นอิสระของธนาคารกลาง เพราะก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีเรเซป ตอยยิบ เออร์โดกัน ผู้นำตุรกี ได้ปลดผู้ว่าการธนาคารกลางหลายคน เพราะไม่สนองนโยบายผ่อนคลายทางการเงินของรัฐบาล
สำหรับธนาคารกลางตุรกีประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดยปรับลดลง 1% สู่ระดับ 14% เมื่อวานนี้ สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อในตุรกีพุ่งขึ้นทะลุ 20% โดยสูงกว่าระดับเป้าหมาย 5% ที่ธนาคารกลางกำหนดไว้ถึง 4 เท่า