การเงิน

หุ้นไทยดิ่งแรงกว่า 10 จุด! ผวารัสเซียโจมตีโรงไฟฟ้ายูเครน หวั่นสถานการณ์รุนแรงขึ้น

4 มี.ค. 65
หุ้นไทยดิ่งแรงกว่า 10 จุด! ผวารัสเซียโจมตีโรงไฟฟ้ายูเครน หวั่นสถานการณ์รุนแรงขึ้น
ไฮไลท์ Highlight
  นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์(บล.) ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ระบุว่า ติดตามความคืบหน้าในการเจรจา หลังรัสเซียเริ่มมีไพ่ในมือ การรบช่วงที่ผ่านมาเพิ่มความรุนแรงขึ้นตามคาด โดยรัสเซียประสบความสำเร็จในการบุกเข้าเมืองขนาดใหญ่ทางใต้อย่าง เคอร์ซอน และล่าสุดสามารถควบคุมพื้นที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ชาโปริซเซีย ที่เป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ทำให้เริ่มมีไพ่ในมือที่เป็นแต้มต่อในการเจรจา

ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลดลงแรงกว่า 10 จุด โดยระหว่างการซื้อขายลงไปทำจุดต่ำสุดของวันที่ 1,680.50 จุด ซึ่งเป็นการปรับตัวลงตามตลาดต่างประเทศ จากความกังวลหลังรัสเซียโจมตีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของยูเครน โดยข่าวรัสเซียโจมตีโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ที่ชื่อ Zaporizhzhia ขนาด 950 MW ของยูเครน

 
 
บริษัทหลัก(บล.) เคทีบีเอสที ดัชนีอ่อนตัวหลังมีข่าวรัสเซียโจมตีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของยูเครน โดยข่าวรัสเซียโจมตีโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ที่ชื่อ Zaporizhzhia ขนาด 950 MW ของยูเครน เช้าวันนี้ ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลงทันที่ 2-3% และมีผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยน่าจะได้รับผลกระทบนี้ด้วย แม้คืนที่ผ่านมา จะมีข่าวว่าสองฝ่ายมีการเจรจารอบสองไปแล้วก็ตาม ข่าวที่เกี่ยวกับยูเครน เวลานี้ยังมีผลให้ตลาดหุ้นผันผวนสูง คือ พร้อมขึ้นและลงได้ตลอดเวลา
 
 
 
นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์(บล.)โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ดัชตลาดหุ้นไทยเช้าวันนี้ปรับตัวลง ตามทิศทางตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย เนื่องจากปัจจัยกดดัดกรณีสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนที่มีความรุนแรงมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเดือนมี.ค. นี้ รวมทั้งปรับลดขนาดของงบดุลภายในปีนี้ จากปัจจุบันที่ระดับ 8.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้กดดันบรรกาศการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกให้ปรับลดลง โดยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวดัชนี ประเมินแนวรับที่ 1,670-1,680 จุด และแนวต้าน 1,700 จุด
 
 
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์(บล.) ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ระบุว่า ติดตามความคืบหน้าในการเจรจา หลังรัสเซียเริ่มมีไพ่ในมือ การรบช่วงที่ผ่านมาเพิ่มความรุนแรงขึ้นตามคาด โดยรัสเซียประสบความสำเร็จในการบุกเข้าเมืองขนาดใหญ่ทางใต้อย่าง เคอร์ซอน และล่าสุดสามารถควบคุมพื้นที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ชาโปริซเซีย ที่เป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ทำให้เริ่มมีไพ่ในมือที่เป็นแต้มต่อในการเจรจา
 
 
ทำให้เรามองการเจรจาในรอบที่ 2 วันนี้ มีความเป็นไปได้ของการบรรลุข้อตกลงเบื้องต้นอย่างหยุดยิง หรือสงบศึก โดยที่รัสเซียสามารถรักษาดินแดนบางส่วนทางตะวันออกของแม่น้ำดนีเปอร์ได้
 
 
ราคาน้ำมันอ่อนตัวจากการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน ราคาน้ำมันดิบเริ่มอ่อนตัวลงหลัง ราฟาเอล มาริเอโน กรอสซี ผู้อำนวยการสำหนักงานพลังงานปรมาณูสากล (IAEA) เตรียมเดินทางไปอิหร่าน ซึ่งจะเป็นการส่งสัญญาณถึงแนวโน้มความคืบหน้าข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านที่อาจเปิดทางให้อิหร่านกลับมาส่งออกน้ำมันได้ จากกำลังการผลิต 2.4 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2564 อาจเพิ่มเป็น 3.8 ล้านบาร์เรล/วัน
 
 
หากมีการยกเลิกคว่ำบาตร สถานการณ์ดังกล่าวทำให้นักลงทุนอาจต้องเริ่มระมัดระวังว่าความผันผวนเชิงบวกของราคาน้ำมันจาถความตึงเครียดรัสเซีย-ยูเครน ที่อาจเริ่มลดระดับลง รวมถึงอุปทานน้ำมันจากอิหร่าน (หากมีการยกเลิกคว่ำบาตร) อาจทำให้ราคาน้ำมันดิบและโภคภัณฑ์ด้านพลังงาน ชะลอตัวลงในช่วง 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า
 
 
สำหรับภาพรวมกลยุทธ์: แกว่งตัวในกรอบ 1,680-1,700 วันนี้ตลาดอาจย่อจากความคืบหน้า ในการรุกของรัสเซีย และราคาน้ำมันดิบที่ชะลอ แต่ยังประเมินบรรยากาศลงทุน จะทยอยปรับดีขึ้น กลยุทธ์ยังเน้นเลือกเก็งกำไรรายตัวโดยเลือกหุ้นที่ยังมีความน่าสนใจในเชิงของมูลค่าและมีทิศทางการเติบโตของกำไรเป็นบวก
 
 
นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์(บล.) กสิกรไทย ระบุว่า ตลาดหุ้นต่างประเทศ ทั้งตลาดหุ้นฝั่งประเทศพัฒนาแล้วปรับลงในทิศทางเดียวกัน ทั้งตลาดหุ้นสหรัฐที่ติดลบประมาณ 0.30-1.56% ส่วนยุโรปปรับลดลงประมาณ 1.84-2.57% เนื่องจากตลาดรอรายงานการจ้างงานวันนี้ รวมถึงติดตามความตึงเครียดสงคราม และตัวเลข PMI สหรัฐเดือน ก.พ. ปีนี้ออกมาต่ำกว่าตลาดคาด
 
 
โดยปัจจัยต่างประเทศในช่วงนี้ มุมมองให้น้ำหนัก ประเด็นดังนี้ คือ สถานการณ์ความตึงเครียดรัสเซีย-ยูเครน ติดตามต้นเดือนจนถึง 8 มี.ค. นี้ สหรัฐส่งแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐไปยุโรป เพื่อเปิดโต้ะเจรจากับปูติน เฟส ที่ 2 ในช่วงนี้ติดตามสถานการณ์ความคืบหน้า เพราะปัจจุบันสหรัฐเลื่อนการทดลองนิวเคลียร์ โดยบล. กสิกรไทย ยังมองประเด็นความตึงเครียดสงครามต่อตลาดหุ้นเป็นกลางถึงบวก
 
 
อีกทั้งประเด็นธนาคารสหรัฐ หลังจากเมื่อวานที่ประธานเฟดแถลงต่อสภาคองเกรสจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในรอบการประชุมเดือน มี.ค. นี้เดิมก่อนหน้าตลาดคาดจะขึ้น 0.50% และขึ้นอัตราดอกเบี้ย อีก 0.50% ในการประชุมรอบถัดไป คือ 3-4 พ.ค. นี้รวมจะเริ่มแตะแผนลดงบดุล Balance sheet คาดเริ่มในรอบเดือน มิ.ย.นี้ เร็วกว่าแผนเดิมและใช้เวลาทำ 3 ปี
 

advertisement

SPOTLIGHT