ลงทุนอย่างไร ในภาวะสงคราม ?

วันแรกของการบุกยูเครนของรัสเซีย ก็สร้างความปั่นป่วนให้กับตลาดการลงทุนขนานใหญ่ หุ้นตก น้ำมันขึ้น ทองพุ่ง คริปโทร่วง ซึ่งในภาวะความไม่แน่นอนแบบนี้ เราควรปรับพอร์ตการลงทุนนอย่างไรให้เหมาะกับสถานการณ์ หรือ บาดเจ็บจากการลงทุนให้น้อยที่สุด ทีมงาน Spotlight รวมข้อมูลคำแนะนำในการลงทุนมาฝากกัน

ลงทุนทองคำ

แม้ว่าสงครามรัสเซีย ยูเครน จะทำให้เราห็นราคาทองคำปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรง จนทองในประเทศขึ้นไปแตะ 3 หมื่นบาทก็ตาม แต่อย่าเพิ่งชะล่าใจว่าทองคำจะเป็นขาขึ้นได้ตลอด

คำแนะนำจาก ฮั่วเซ่งเฮง

ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคา

ปัจจัยบวก คือ สถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซียยูเครน ส่งผลต่อความกังวลของนักลงทุนให้หันหาสินทรัพย์ปลอดภัย ทำให้เงินไหลกลับเข้าสู่ตลาดทองคำเพิ่มมากขึ้น แต่ปัจจัยนี้ประเมินว่า เป็นแค่ปัจจัยบวกระยะสั้นเท่านั้น หากไม่มีความรุนแรงเพิ่มเติม ราคาทองคำยังไม่ใช่ขาขึ้น

ปัจจัยลบ คือ แรงกดดันจากการเตรียมปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ ที่คาดว่า จะเริ่มปรับตั้งแต่การประชุมในเดือนมีนาคมนี้ หาก FED ขึ้นดอกเบี้ยแรง จะเป็นตัวกดดันราคาทองให้ลดลง

กรอบการเคลื่อนไหว ราคาทองคำในปี 2022 1,600 – 2,000 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์

กลยุทธ์การลงทุน เมื่อราคาขึ้น หาจังหวะแบ่งขายทำกำไรออกมาบางส่วน

ลงทุนหุ้น

บริษัทหลักทรัพย์(บล.) เอเซีย พลัส ระบุ ในวันที่ 24 ก.พ. 2565 เกิดเหตุการณ์รัสเซียเปิดฉากโจมตียูเครนตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวลดลงในวันเดียวมากที่สุดของปี 33.73 จุด หรือ 1.99% คาดว่าหุ้นไทยมีโอกาสฟื้นขึ้นมาได้เช่นเดียวกับตลาดหุ้นอื่นๆ ให้กรอบดังนี้ระยะสั้นวันนี้ที่ 1,655-1,690 จุด

โดยมีมุมมองตลาดหุ้นไทยได้รับผลกระทบจากสงครามรัสเซีย - ยูเครน ค่อนข้างจำกัด เนื่องจากรัสเซียมีสัดส่วนเป็นประเทศคู่ค้ากับไทย 0.8% ของประเทศที่ไทยค้าขายด้วย และมีสัดส่วนนักท่องเที่ยวเป็นชาวรัสเซียเพียง 3.7% รวมถึงบริษัทจดทะเบียน(บจ.) ส่วนใหญ่ไม่ได้ทำการค้ากับรัสเซียโดยตรง ขณะเดียวกันหากเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ไครเมีย ตลาดหุ้นไทยเองก็ปรับฐานเพียงช่วงสั้นๆ

กลยุทธ์เลือกซื้อหุ้นผันผวนต่ำเติบโตแรง อย่าง บมจ.อ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป(M) และแนะนำซื้อสะสมหุ้นคาดหวังการเติบโตตามเทคโนโลยีในอนาคต อย่าง บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) , บมจ. โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่(GPSC)

ลงทุนคริปโทเคอร์เรนซี

ฝ่ายวิจัย Zipmex Group ระบุว่า ราคาคริปโทเคอร์เรนซีที่ปรับตัวลดลงมาเฉลี่ยแล้วประมาณ 40-50% ได้ตอบรับความเสี่ยงตั้้งแต่เกิดประเด็นความขัดแย้งระหว่าง รัสเซีย - ยูเครน รวมถึงล่าสุดที่รัสเซียเริ่มดำเนินการทางการทหารใช้อาวุธหนักโจมตีกับยูเครนไปแล้ว

ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวราคาบิตคอยน์ในปีนี้จะผันผวนสูงระหว่างกรอบราคา 33,000-50,000 ดอลลาร์ต่อเหรียญ มีปัจจัยกดดันจากภาวะความขัดแย้งการเมืองของโลกและการเปลี่ยนนโยบายการเงินของสหรัฐ(เฟด)

มีปัจจัยสนับสนุนคริปโทเคอร์เรนซีคือ ดีมานด์ใช้จริงจากทั้งหลายประเทศที่เริ่มมีนโยบายเปิดให้ใช้คริปโทเคอร์เรนซีแทนสกุุลดเงินหลักได้ อีกทั้งรัสเซียกับยูเครนอาจจะหันมาถือครองเงินคริปโทเคอร์เรนซีเพิ่มมากขึ้นแทนสกุลเงินท้องถิ่นที่จะโดนผลกระทบให้มีมูลค่าลดลงจากภาวะสงคราม

ขณะที่สถาบันการเงิน, องค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ชั้นนำของโลกหลายแห่งทั้งกลุ่มธุรกิจแฟชั่น, บันเทิง, เทคโนโลยี เริ่มมีความร่วมกันนำคริปโทเคอร์เรนซีมาใช้งานในการพัฒนาออก NFT รวมถึงการเตรียมการเตรียมเข้าสู่โลกธุรกิจ Metaverse

คำแนะนำทยอยซื้อบิตคอยน์ในจังหวะที่ราคาปรับลดลงมาใกล้ระดับบริเวณ 33,000 ดอลลาร์ต่อเหรียญ โดยให้จุดตัดขายขาดทุน(Stop Loss) ที่ระดับราคา 30,000 ดอลลาร์ต่อเหรียญ