ข่าวเศรษฐกิจ

ตรุษจีน 66 คึกคักเงินสะพัดมากสุดในรอบ 3 ปี กว่า 45,000 ล้านบาท

19 ม.ค. 66
ตรุษจีน 66 คึกคักเงินสะพัดมากสุดในรอบ 3 ปี กว่า 45,000 ล้านบาท
ไฮไลท์ Highlight
"ยืนยันว่า การเปิดรับนักท่องเที่ยวจีน ไม่มีผลในเชิงลบ ทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภค แต่ผู้บริโภคยังกังวลอยู่" นายธนวรรธน์ กล่าว

ตรุษจีนปี 2566 นี้จะเริ่มในวันพรุ่งนี้แล้ว 20- 22 ม.ค. วันจ่าย วันไหว้ และวันเที่ยว ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้มีการสำรวจตัวเลขเม็ดเงินจับจ่ายใช้สอยของประชาชนเป็นประจำทุกปีพบว่าปีนี้  การจับจ่ายใช้สอยของประชาชนจะขยายตัวเพิ่มขึ้น 13.6% กลับมาเป็นบวกในรอบ 4 ปี คิดเป็นมูลค่ากว่า 45,017.17 ล้านบาท สูงสุดในรอบ 3 ปี

รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจ "ทัศนะของผู้ประกอบการและประชาชน ในช่วงวันตรุษจีน" จากการสำรวจ 1,250 ตัวอย่าง ทั่วประเทศจำนวน ในช่วงวันที่ 9-15 ม.ค. 66 พบว่า กลุ่มตัวอย่างมองว่า การใช้จ่ายในช่วงตรุษจีนไม่เปลี่ยนแปลง-เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ผู้บริโภคเตรียมเงินในการใช้จ่ายมากขึ้น เนื่องจากส่วนใหญ่มองว่าราคาสินค้าจะแพงขึ้น แต่ก็มีส่วนหนึ่งที่มองว่า ภาวะเศรษฐกิจดีขึ้น ได้โบนัสเพิ่มขึ้น มีมาตรการกระตุ้นภาครัฐ และรายได้เพิ่มขึ้น แสดงให้เห็นว่าภาวะเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวดีขึ้น

 

ตรุษจีน2566

อย่างไรก็ดี การจับจ่ายใช้สอยในช่วงตรุษจีนยังเป็นรูป K-shape การฟื้นตัวเกิดขึ้นจากคนชั้นกลางขึ้นไป ที่พร้อมจะจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ขณะที่ผู้ที่มีรายได้ปานกลาง-น้อย ยังระมัดระวังในการจับจ่ายใช้สอย ทั้งนี้ ในส่วนของความคึกคักในช่วงตรุษจีน ส่วนใหญ่มองว่า เท่าเดิม-มากขึ้นกว่าปีก่อน

artboard1copy3_48

คนไทยกังวลโควิดต่ำสุดในรอบ 4 ปี

ในส่วนของความกังวลต่อสถานการณ์โควิด-19 พบว่า คนไทยกังวลโควิดต่ำสุดในรอบ 4 ปี อย่างไรก็ดี ในช่วงตรุษจีนกลุ่มตัวอย่างยังมีความกังวลมาก หากต้องอยู่ในพื้นที่ชุมชนขนาดใหญ่ เช่น การไปสักการบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์

"คนไทยยังเฝ้าระวังสถานการณ์โควิด แต่โควิดไม่ได้มีผลต่อการจับจ่ายใช้สอย ไม่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ แต่คนยังห่วงเรื่องการเข้าไปอยู่ในพื้นที่ชุมชน แต่ถ้าอยู่กับญาติพี่น้องไม่กังวล ดังนั้น ถ้าสถานการณ์โควิดไม่บานปลายไปมากกว่านี้ ไม่น่าจะมีผลกระทบต่อการจับจ่ายใช้สอยในเชิงเศรษฐกิจ" นายธนวรรธน์ กล่าว

ส่วนความกังวลจากการเปิดรับนักท่องเที่ยวจีน อันดับแรกคนไทยกังวลเรื่องการไม่มีมาตรการป้องกัน/ รองรับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ของภาครัฐ รองลงมาคือ กังวลเรื่องความเสื่อมโทรมของสถานที่ท่องเที่ยว และการแพร่ระบาดของโควิดรอบใหม่ ส่วนผลดีของการเปิดรับนักท่องเที่ยวจีน มองว่าการท่องเที่ยวคึกคักขึ้น และเศรษฐกิจดีขึ้น

"สังเกตได้ว่า ยังไม่มีข้อมูลที่บ่งชี้ในโลกโซเชียลว่า การเข้ามาของนักท่องเที่ยวจีน ทำให้โควิดแพร่ระบาดมากขึ้น หรือคนไทยติดโควิดมากขึ้น แต่คนไทยก็ยังกังวลโควิดจากจีน อย่างไรก็ดี มองว่าช่วงนี้เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ เรื่องการผลักให้นักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น และดูว่าการที่คนจีนเข้ามาจำนวนมาก จะมีผลต่อสถานการณ์โควิดหรือไม่ ซึ่งสถานการณ์จะเด่นชัดในช่วงก.พ.-มี.ค. 66 ทั้งนี้ ถ้าไม่มีโควิดแพร่กระจายอย่างรุนแรง การท่องเที่ยวไทยจะกลับมามากขึ้น" นายธนวรรธน์ กล่าว

"ยืนยันว่า การเปิดรับนักท่องเที่ยวจีน ไม่มีผลในเชิงลบ ทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภค แต่ผู้บริโภคยังกังวลอยู่" นายธนวรรธน์ กล่าว

นายธนวรรธน์ กล่าวว่า สิ่งที่น่าสนใจในการสำรวจในช่วงตรุษจีน คือ มีสัดส่วนการชำระสินค้าด้วยการโอนเงินมากขึ้น เนื่องจากคนติดพฤติกรรมการโอนเงินมาจากช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยกำลังก้าวสู่สังคมไร้เงินสด (cashless) ขณะเดียวกัน ยังมีการซื้อสินค้าผ่านบริการ Delivery มากขึ้นด้วย ถือเป็นการถ่ายโอนจาก Analog economy สู่ Digital Economy

สำหรับสภาพหนี้ครัวเรือนในปี 66 เทียบกับปี 65 ส่วนใหญ่มองว่า มีเท่าเดิม-มากขึ้น โดยผู้ที่มีหนี้มากกว่ารายได้ คือ กลุ่มผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 20,000 บาท ทั้งนี้ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มองว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยปี 66 จะขยายตัวอยู่ที่ 2.51-3.00%

 

 

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT