จาก "เทคสตาร์ทอัพ" สู่ "บริษัทยา" Novartis ประกาศเลย์ออฟล็อตใหญ่ 8,000 คนทั่วโลก หวังประหยัดต้นทุน 35,000 ล้านบาท ภายในปี 2567
กระแสการเลย์ออฟ หรือการเลิกจ้าง ที่กำลังถาโถมกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีสตาร์ทอัพทั่วโลก จนมีการเลิกจ้างไปมากกว่า 4 หมื่นคนในปีนี้นั้น ปัจจุบันเริ่มทยอยพบการเลิกจ้างในภาคเศรษฐกิจจริงกันบ้างแล้วตามมา
ล่าสุด Novartis ซึ่งเป็นบริษัทยาและเวชภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลกจากสวิตเซอร์แลนด์ ได้ประกาศเลย์ออฟพนักงานทั่วโลกครั้งใหญ่ 7.4% หรือคิดเป็นประมาณ 8,000 คน จากพนักงานทั้งหมด 108,000 ทั่วโลก เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายประมาณ 1,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 35,000 ล้านบาท) ภายในปี 2567
เป็นที่คาดว่าการเลิกจ้างครั้งนี้น่าจะกระทบพนักงานในสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่ของบริษัทมากที่สุด ซึ่งคาดว่าจะถูกเลย์ออฟถึงราว 1,400 คน จากที่มีพนักงานในบาเซลประมาณ 11,600 คน
ก่อนหน้านี้ บริษัทเคยประกาศปรับโครงสร้างไปเมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา โดยจะรวมกลุ่มธุรกิจเภสัชกรรมและกลุ่มเนื้องอกวิทยา เข้าเป็นกลุ่มธุรกิจเดียวกัน โดยเป็นหนึ่งในการลดโครงสร้างที่ทับซ้อนกันออกไป
ทั้งนี้ Vas Narasim ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอของโนวาร์ทิส ถูกกดดันจากบรรดาผู้ถือหุ้นให้เร่งเพิ่มประสิทธิภาพของบริษัท หลังจากที่ยาใหม่ๆ บางตัวของบริษัทไม่ประสบผลสำเร็จในการทดลองทางคลีนิค และบริษัทยังพ่ายแพ้เรื่องการพัฒนาวัคซีนโรคโควิด-19 ให้กับคู่แข่งอย่างไฟเซอร์ และบริษัทยาที่มีขนาดเล็กกว่า