นายกฯ สั่งการให้กระทรวงเศรษฐกิจออก "มาตรการอุ้มราคาน้ำมัน-ก๊าซหุงต้ม สินค้าแพง" รองรับผลกระทบจากวิกฤตรัสเซีย-ยูเครน หลังจากราคาน้ำมันในรอบ 7 วัน พุ่งขึ้นมาก เฉพาะดีเซลแพงขึ้นแล้ว 1.2 บาท!
วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2565 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ติดตามสถานการณ์วิกฤต รัสเซีย-ยูเครน อย่างใกล้ชิด และย้ำทุกส่วนราชการ โดยเฉพาะกระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานส่งเสริมการลงทุน (BOI) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้ติดตามผลกระทบต่อประเทศไทย จากการสู้รบระหว่างรัสเซีย-ยูเครน
“โดยเฉพาะราคาพลังงาน น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ สินค้าโภคภัณฑ์ที่สำคัญ รวมทั้งผลกระทบจากเงินเฟ้อและอัตราแลกเปลี่ยนที่อาจผันผวนและมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้มีผลต่อราคาสินค้าภายในประเทศอาจมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยต้องกำหนดแผนและมาตรการรองรับ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนให้น้อยที่สุด ขณะที่ไทยยังต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด- 19″นายธนกร กล่าว
ทั้งนี้ จากการติดตามการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันในช่วง 7 วันที่ผ่านมา ตั้งแต่วันที่ 19 ก.พ. ซึ่งเป็นครั้งล่าสุดที่มีการลดน้ำมันกลุ่มเบนซิน จนถึงวันที่ 26 ก.พ. ซึ่งมีการปรับขึ้นราคาน้ำมันครั้งล่าสุด ทีมข่าว SPOTLIGHT พบว่า ราคาน้ำมันมีการปรับขึ้นทุกรายการ โดยเฉพาะกลุ่มดีเซลที่เพิ่มขึ้นมากสุด ดังนี้
- ดีเซล 29.14 / +1.2 บาท
- ดีเซล B7 29.14 / +1.2 บาท
- ดีเซล B20 29.14 / +1.2 บาท
- โซฮอล์ 95 36.55 / +0.8 บาท
- โซฮอล์ 91 36.28 / +0.8 บาท
- E20 35.44 / +0.8 บาท
- E85 28.94 / +1.0 บาท
ก่อนหน้านี้ นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ได้แสดงความกังวลว่า สงครามรัสเซีย-ยูเครนนั้น กรณีเลวร้ายอาจทำราคาน้ำมันดิบพุ่งถึง 120 ดอลลาร์ต่อบาเรล ซึ่งจะส่งผลให้ราคาน้ำมันของไทย พุ่งขึ้นลิตรละ 6 บาท โดยทุก 1 ดอลลาร์ต่อบาเรล จะทำให้ราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศไทยปรับขึ้น 50 สตางค์ต่อลิตร
อย่างไรก็ตาม ภาคเอกชนมองว่าคงจะไม่เกิดกรณีเลวร้ายแน่นอน เพราะคงไม่มีใครอยากให้เกิดสงคราม และจากการติดตามสถานการณ์และพูดคุยกับนักธุรกิจที่อยู่ในยูเครน ยังพบว่า สถานการณ์ไม่เลวร้ายอย่างที่หลายฝ่ายเป็นกังวล และภาคเอกชนยังมั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวได้ตามเป้าหมาย 3.5 – 4% แต่ยังคงเสนอให้รัฐบาลอัดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ผ่านการขยายเวลามาตรการช้อปดีมีคืน และเพิ่มวงเงินในโครงการคนละครึ่งด้วย