ข่าวเศรษฐกิจ

สหรัฐทุ่ม 7.5 พันล้านเพื่อรถ EV! สร้างสถานีชาร์จ 5 แสนแห่ง

15 ธ.ค. 64
สหรัฐทุ่ม 7.5 พันล้านเพื่อรถ EV! สร้างสถานีชาร์จ 5 แสนแห่ง

สหรัฐเดินหน้าเต็มสูบ ทุ่มงบ 7.5 พันล้าน เตรียมสร้างโครงข่ายสถานีชาร์จไฟฟ้าเพิ่มกว่า 500,000 แห่งทั่วประเทศ ตั้งเป้ารถ EV ครองสัดส่วน 50% ของยอดขายรถยนต์ใหม่ ภายในปี 2030


กมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา แถลงถึงรายละเอียดความคืบหน้าของแผนการผลักดันประเทศเข้าสู่การใช้พลังงานสีเขียวของประธานาธิบดี โจ ไบเดน ด้วยงบกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ (3.33 ล้านล้านบาท) ที่เพิ่งผ่านสภาคองเกรสไปเมื่อเดินก่อน ว่าจะมีการติดตั้ง สถานีชาร์จไฟสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า 500,000 แห่งทั่วประเทศ ภายใต้วงเงินกว่า 7.5 พันล้านดอลลาร์ (ราว 2.5 แสนล้านบาท) นับเป็นการลงทุนในเรื่องโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีของยานยนต์ไฟฟ้า ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐ

อุปสรรคใหญ่ของการเปลี่ยนผ่านจากการใช้รถยนต์เครื่องยนต์สันดาป มาเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า คือ ปัญหาการขาดแคลนสถานีชาร์จไฟระหว่างทาง ทำให้ผู้ขับขี่ต้องชาร์จไฟจากที่บ้านหรือที่ทำงาน และมีระยะทางการใช้งานรถที่จำกัด นอกจากนี้ ปัญหาความซ้ำซ้อนจากการที่มีสถานีชาร์จไฟจากผู้ประกอบการหลายราย ทำให้ผู้ใช้ต้องโหลดแอปพลิเคชันรวมถึงสร้างบัญชีเพื่อชำระเงินหลายครั้ง สร้างความยุ่งยากในการใช้งาน

การสร้างโครงข่ายสถานีชาร์จไฟที่ดำเนินการโดยรัฐ ที่ใช้ระบบเดียวกันทั่วประเทศ จะช่วยให้ประชาชนใช้และชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าได้อย่างไร้รอยต่อ ส่งผลให้เกิดการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น ตามเป้าหมายของรัฐบาลที่ต้องการให้รถยนต์ไฟฟ้า ครองส่วนแบ่งตลาด 50% ของการซื้อรถยนต์ใหม่ในสหรัฐภายในปี 2030 ซึ่งปัจจุบัน ถ้าเทียบกับอีกหนึ่งประเทศมหาอำนาจอย่า
งจีนแล้ว ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐยังตามหลังจีนอยู่มาก คิดเป็นสัดส่วนเพียง 1 ใน 3 ของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในจีนเท่านั้น แผนในครั้งนี้จะมีส่วนช่วยให้สหรัฐเพิ่มสัดส่วนยอดขายของรถยนต์ไฟฟ้าในตลาดโลกได้


แผนการติดตั้งสถานีชาร์จไฟทั่วประเทศ เพื่อกระตุ้นการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า เป็นส่วนหนึ่งของแผน “Net Zero - ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์” ภายในปี 2050 ของประธานาธิบดี โจ ไบเดน เพื่อรับมือกับวิกฤติการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่กำลังเป็นปัญหาท้าทายทั่วโลกอยู่ในขณะนี้

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT