สินทรัพย์ดิจิทัล

สหรัฐยึดคืนบิตคอยน์ครั้งประวัติศาสตร์ 1.2 แสนล้าน!

9 ก.พ. 65
สหรัฐยึดคืนบิตคอยน์ครั้งประวัติศาสตร์ 1.2 แสนล้าน!

 

สหรัฐยึดของกลางบิตคอยน์ได้ครั้งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์ คดีแฮกแพล็ตฟอร์ม Bitfinex ปี 2016 ชี้แกะรอยมา 5 ปี หลังจากทลายดาร์กเว็บ ลั่นคริปโทไม่ใช่ที่กบดานอาชญากร ยังไงก็ตามรอยเจอได้

 


กระทรวงยุติธรรมสหรัฐ (DOJ) แถลงยึดคืนบิตคอยน์มูลค่ากว่า 3.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 120 แสนล้านบาท) ซึ่งนับเป็นการยึดของกลางทางการเงินครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในสหรัฐ และบิตคอยน์ส่วนหนึ่งที่ยึดได้ ยังเชื่อมโยงถึงแพล็ตฟอร์มซื้อขาย Bitfinex ที่เคยถูกแฮกครั้งใหญ่เมื่อปี 2016 อีกด้วย

 

นอกจากยึดคืนของกลางแล้ว DOJ ยังได้จับกุมคู่สามีภรรยาชาวนิวยอร์ก พร้อมตั้งข้อหาร่วมกันฟอกเงินมูลค่านับพันล้านดอลลาร์ และข้อหาหลอกลวงรัฐบาลสหรัฐ แต่ไม่มีการตั้งข้อหาแฮกข้อมูล

 

คดีนี้ นับเป็นคดีใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในวงการคริปโทเคอร์เรนซี เพราะทางการสามารถแกะรอยเส้นทางเงินมูลค่ามหาศาลได้ และตอกย้ำความพยายามของรัฐบาลที่ต้องการประกาศว่า ต่อให้คริปโทเป็นเรื่องใหม่และมีความซับซ้อนยากต่อการติดตาม แต่รัฐบาลก็สามารถตาามล่าจับกุมได้

 

"คริปโทเคอร์เรนซีไม่ใช่สวรรค์กบดานของอาชญากร เพราะเรารู้ และเราจะตามรอยเงินจนเจอ ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบไหนก็ตาม" ลิซ่า โมนาโก รมช.ยุติธรรมสหรัฐ กล่าว

 


เกิดอะไรขึ้นกับ Bitfinex

bitfinex

  • แพล็ตฟอร์มเอ็กซ์เชนจ์จากฮ่องกงรายนี้ ถูกเจาะเข้าระบบและลักลอบโอนบิตคอยน์ออกไปเมื่อปี 2016 โดยมีธุรกรรมโอนเงินออกถึง 2,000 ครั้ง รวมเป็นเงินมูลค่าในขณะนั้นอยู่ที่ประมาณ 71 ล้านดอลลาร์ (ราว 2,300 ล้านดอลลาร์) แต่มูลค่าในปัจจุบันได้ทวีคูณขึ้นถึง 63 เท่า อยู่ที่กว่า 4,500 ล้านดอลลาร์ (ราว 1.49 แสนล้านบาท)

 


รัฐบาลไขคดีนี้ได้อย่างไร

  • หลักๆ แล้วเป็นการตามรอย 2 ทาง ทางแรกคือ ตามจากเงินที่ถูกขโมยไป ซึ่งถูกซอยย่อยออกเป็นหลายสิบก้อน โดยสาวไปถึงนาย อิลยา ลิกเตนสไตน์ ชาวรัสเซียวัย 34 ปี ซึ่งแต่งงานอยู่กินกับภรรยาชาวอเมริกัน ฮีธเธอร์ มอร์แกน ในนิวยอร์ก ทางการพบว่าทั้งคู่ใช้เทคนิคที่ซับซ้อนต่างๆ เพื่อฟอกเงินคริปโทที่ถูกขโมยมาและปกปิดร่องรอยการทำธุรกรรม เช่น สร้างแอคเคาท์โดยใช้ชื่อปลอม, ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ปกปิดการทำธุรกรรม, ฟอกเงินโดยการไปซื้อสินทรัพย์อื่นๆ เช่น ทองคำ NFT และบัตรของขวัญวอลมาร์ท

  • ส่วนอีกทางคือ การขยายผลมาจากการทลายดาร์กเว็บที่ชื่อว่า "อัลฟาเบย์" (AlplaBay) หรืออีเบย์ใต้ดินที่รวมเรื่องผิดกฎหมาย เมื่อปี 2017 ซึ่งเมื่ออัลฟาเบย์แตก ก็ทำให้รัฐบาลสามารถเข้าถึงรายการธุรกรรมต่างๆ ของไซต์นี้ และพบว่ามีธุรกรรมที่เชื่อมไปยังบัญชีคริปโทของนายลิกเตนไสตน์ด้วย เรื่องนี้เข้าข่ายทำนองที่อาชญากรมักจะมีกิจกรรมที่เชื่อมถึงกัน ซึ่งเมื่อทลายเว็บเถื่อนได้ มันก็มักจะเชื่อมโยงสาวไปถึงอาชญากรรายอื่นๆ ด้วย อย่างไรก็ตาม DOJ ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติม

 


รัฐบาลจัดการอย่างไร

  • สองสามีภรรยาถูกจับกุมในแมนฮัตตัน สหรัฐ โดยถูกตั้งข้อหาร่วมกันกระทำการฟอกเงิน จำนวน 119,754 บิตคอยน์ (ราว 5,200 ล้านบาท) และได้ทรัพย์มาจากการฉ้อโกง แต่ไม่ถูกตั้งข้อหาจารกรรมไซเบอร์
  • รัฐบาลสามารถยึดของกลางเป็นบิตคอยน์ได้กว่า 94,000 บิตคอยน์ ซึ่งมีมูลค่าราว 3,600 ล้านดอลลาร์ในขณะที่ถูกยึด (ราว 1.2 แสนล้านบาท) ขณะที่บิตคอยน์ทั้งหมดที่ถูกโจรกรรมมีมูลค่ากว่า 4,500 ล้านดอลลาร์

websl(33)


บิตคอยน์ของกลาง จะตกไปอยู่ที่ไหน

  • Bitfinex ระบุว่า กำลังอยู่ระหว่างประสานกับ DOJ เพื่อขอบิตคอยน์ของกลางที่ถูกโจรกรรมไปกลับคืนมา ซึ่งเบื้องต้นมีรายงานว่า ทำให้เหรียญ Unus Sed Leo ของบิตไฟเน็กซ์ มีราคาขยบับขึ้นทันทีถึง 50%

 

 

advertisement

SPOTLIGHT