การบินไทยกำลังก้าวเข้าสู่ช่วงสำคัญของการฟื้นฟูกิจการ โดยมีเป้าหมายในการกลับเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในไตรมาสที่ 2 ของปี 2568 ซึ่งเป็นสัญญาณบวกที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาและกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกถึงแผนการเพิ่มทุนและปรับโครงสร้างของการบินไทย รวมถึงขั้นตอนสำคัญต่างๆ ที่จะนำไปสู่การพ้นจากภาวะฟื้นฟูกิจการ
การบินไทย มุ่งสู่การออกจากแผนฟื้นฟู กลับสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ไตรมาส 2/68 แผนเพิ่มทุนและปรับโครงสร้าง
การบินไทยได้ดำเนินการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงาน ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2567 เพื่อเข้าสู่กระบวนการปรับโครงสร้างทุนตามแผนฟื้นฟูกิจการ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ส่วนของผู้ถือหุ้นกลับมาเป็นบวก ผ่านกลไกหลัก 3 ประการ:
- การแปลงหนี้เดิมเป็นทุน: หนี้เดิมของเจ้าหนี้จะถูกแปลงเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนในจำนวนไม่เกิน 14,862,369,633 หุ้น
- การรองรับการแปลงหนี้เพิ่มเติม: จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนไม่เกิน 4,911,236,813 หุ้น เพื่อรองรับการใช้สิทธิแปลงหนี้เดิมเป็นทุนเพิ่มเติมโดยความสมัครใจของเจ้าหนี้
- การแปลงดอกเบี้ยเป็นทุนและการเสนอขายหุ้นใหม่: จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนไม่เกิน 1,903,608,176 หุ้น เพื่อรองรับการใช้สิทธิแปลงดอกเบี้ยใหม่ตั้งพักเป็นทุน และเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนไม่เกิน 9,822,473,626 หุ้น แก่ผู้ถือหุ้นเดิม, พนักงาน และบุคคลในวงจำกัด
กระบวนการปรับโครงสร้างทุนทั้งหมดนี้ คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2567 หลังจากนั้น บริษัทจะนำส่งงบการเงินประจำปี 2567 ต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ในช่วงต้นปี 2568 และคาดว่าจะสามารถยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายกลางเพื่อขอยกเลิกการฟื้นฟูกิจการได้ภายในไตรมาสที่ 2 ของปี 2568
การบินไทยมุ่งสู่การพ้นฟื้นฟู มั่นใจกลับสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ไตรมาส 2 ปี 68
นาย ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวถึงความคืบหน้าในการฟื้นฟูกิจการของบริษัทฯ ว่า "การบินไทยได้ดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่อง พร้อมทั้งปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารจัดการภายในองค์กร เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามแผนฟื้นฟูที่กำหนดไว้"
ความสำเร็จที่ผ่านมา อาทิ การเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 3.37 แสนล้านบาท เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2565 เพื่อรองรับการปรับโครงสร้างทุนตามแผนฟื้นฟูฯ และการมี EBITDA หลังหักเงินสดจ่ายหนี้สินตามสัญญาเช่าเครื่องบินในรอบ 12 เดือนย้อนหลัง ตั้งแต่กรกฎาคม 2566 ถึงมิถุนายน 2567 เท่ากับ 29,292 ล้านบาท โดยที่บริษัทไม่ผิดนัดชำระหนี้ สะท้อนให้เห็นถึงพัฒนาการเชิงบวกในการฟื้นฟูกิจการ
อย่างไรก็ตาม ส่วนของผู้ถือหุ้นตามงบการเงินเฉพาะกิจการ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 ยังคงติดลบ 40,427 ล้านบาท ดังนั้น การดำเนินการตามแผนปรับโครงสร้างทุน ซึ่งรวมถึงการแปลงหนี้เป็นทุนและการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ลงทุนตามแผนฟื้นฟูกิจการ จึงเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2567
"กระบวนการปรับโครงสร้างทุนนี้ จะช่วยให้โครงสร้างทุนในส่วนของผู้ถือหุ้นของการบินไทยกลับมาเป็นบวก และเปิดโอกาสให้บริษัทฯ สามารถยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายกลางเพื่อขอให้มีคำสั่งยกเลิกการฟื้นฟูกิจการ และนำหุ้นของการบินไทยกลับมาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ภายในไตรมาส 2 ของปี 2568"
"แม้จะมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง แต่การบินไทยยังคงต้องปฏิบัติตามแผนฟื้นฟูกิจการต่อไป โดยจะต้องชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้จนครบถ้วนตามแผนฯ ที่วางไว้"
การบินไทยเผยแผนเพิ่มทุน รองรับการปรับโครงสร้างตามแผนฟื้นฟูฯ
นางเฉิดโฉม เทอดสถีรศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่สายการเงินและการบัญชี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับแผนฟื้นฟูกิจการที่ศาลล้มละลายกลางอนุมัติเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2565 โดยระบุว่าบริษัทฯ มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุนจดทะเบียนเพื่อให้สอดคล้องกับการปรับโครงสร้างทุนตามแผนฯ ดังนี้
- การแปลงหนี้เดิมเป็นทุน (Mandatory Conversion): เจ้าหนี้ตามแผนฯ จะได้รับสิทธิในการแปลงหนี้เดิมเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนได้ในจำนวนไม่เกิน 14,862,369,633 หุ้น ในราคา 2.5452 บาทต่อหุ้น โดยกระทรวงการคลัง (เจ้าหนี้กลุ่มที่ 4) จะได้รับชำระหนี้เต็มจำนวนเป็นเงิน 12,827,461,287 บาท ผ่านการแปลงหนี้เป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนในจำนวนไม่เกิน 5,039,896,007 หุ้น ในขณะที่เจ้าหนี้กลุ่มที่ 5, 6 และ 18-31 (เจ้าหนี้ผู้ถือหุ้นกู้) จะได้รับชำระหนี้คิดเป็น 24.50% ของมูลหนี้เงินต้นคงค้างทั้งหมด ผ่านการแปลงหนี้เป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนในจำนวนไม่เกิน 9,822,473,626 หุ้น
- การแปลงหนี้เป็นทุนเพิ่มเติม (Voluntary Conversion): เจ้าหนี้กลุ่มที่ 5, 6 และผู้ถือหุ้นกู้ตามแผนฯ มีสิทธิที่จะแปลงหนี้เงินต้นคงค้างเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนได้เพิ่มเติมตามความสมัครใจ ในจำนวนไม่เกิน 4,911,236,813 หุ้น ในราคา 2.5452 บาทต่อหุ้น
- การแปลงดอกเบี้ยใหม่ตั้งพักเป็นทุน: เจ้าหนี้กลุ่มที่ 4, 5, 6 และผู้ถือหุ้นกู้ตามแผนฯ ได้รับสิทธิในการแปลงหนี้ดอกเบี้ยใหม่ตั้งพักเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนได้ตามความสมัครใจ ในจำนวนไม่เกิน 1,903,608,176 หุ้น ในราคา 2.5452 บาทต่อหุ้น โดยมีเงื่อนไขว่าการใช้สิทธิแปลงหนี้ดอกเบี้ยใหม่ตั้งพักเป็นหุ้นสามัญจะต้องกระทำในจำนวนเต็มของยอดดอกเบี้ยใหม่ตั้งพักทั้งหมด และไม่อนุญาตให้เลือกใช้สิทธิบางส่วน
การเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ THAI
ในการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งนี้ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) จะดำเนินการออกหุ้นสามัญใหม่จำนวนไม่เกิน 9,822,473,626 หุ้น โดยมีลำดับการจัดสรรสิทธิ์การจองซื้อดังนี้:
- ผู้ถือหุ้นเดิม: ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ ก่อนการปรับโครงสร้างทุน จะได้รับสิทธิ์ในการจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนเป็นลำดับแรก อย่างไรก็ตาม ผู้ถือหุ้นที่จะทำให้บริษัทฯ มีหน้าที่ตามกฎหมายต่างประเทศจะไม่ได้รับสิทธิ์ดังกล่าว
- พนักงาน: พนักงานของบริษัทฯ จะได้รับสิทธิ์ในการจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนเป็นลำดับถัดมา
- บุคคลในวงจำกัด (Private Placement): ในกรณีที่ยังมีหุ้นเหลือจากการเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมและพนักงาน บริษัทฯ จะดำเนินการเสนอขายหุ้นที่เหลือให้แก่บุคคลในวงจำกัด
- ราคาเสนอขายจะถูกกำหนดโดยผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ โดยมีเงื่อนไขว่าราคาเสนอขายจะต้องไม่ต่ำกว่า 2.5452 บาทต่อหุ้น
มาตรการ Lock-up
การปรับโครงสร้างทุนเป็นไปตามแผนฟื้นฟูกิจการ และเพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาหุ้นภายหลังจากที่หุ้นของบริษัทฯ กลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ผู้บริหารแผนได้กำหนดมาตรการห้ามขายหุ้น (Lock-up) โดยเจ้าหนี้ที่ได้รับหุ้นสามัญเพิ่มทุนจากการแปลงหนี้เป็นทุนในราคา 2.5452 บาทต่อหุ้น จะถูกห้ามขายหุ้นดังกล่าวเป็นระยะเวลา 1 ปี นับจากวันที่หุ้นของบริษัทฯ กลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ
อย่างไรก็ตาม หลังจากครบกำหนดระยะเวลา 6 เดือนนับจากวันที่หุ้นของบริษัทฯ กลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เจ้าหนี้แต่ละรายจะได้รับอนุญาตให้ขายหุ้นในสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 25 ของจำนวนหุ้นที่ถูกห้ามขาย ทั้งนี้เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดโดยตลาดหลักทรัพย์ฯ
การบินไทยกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญของการฟื้นฟูกิจการ การดำเนินการตามแผนปรับโครงสร้างทุนและการเพิ่มทุนถือเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยให้บริษัทฯ สามารถกลับมาดำเนินธุรกิจได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน แม้ว่าเส้นทางสู่การฟื้นฟูจะยังคงมีความท้าทาย แต่ความมุ่งมั่นและความพยายามของการบินไทยในการแก้ไขปัญหาและปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน เป็นสัญญาณบวกที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการกลับมาเป็นสายการบินแห่งชาติที่แข็งแกร่งและประสบความสำเร็จอีกครั้งในอนาคต