ธุรกิจการตลาด

Stellantis หุ้นร่วงหนัก! หลังลดคาดการณ์กำไร ปี 67 ตามรอย Volkswagen

1 ต.ค. 67
Stellantis หุ้นร่วงหนัก! หลังลดคาดการณ์กำไร ปี 67 ตามรอย Volkswagen

ดูเหมือนว่า ปี 2567 จะเป็นปีแห่งความท้าทายอย่างแท้จริงสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ เมื่อบรรดาผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ต่างทยอยประกาศข่าวร้าย ล่าสุด Stellantis เจ้าของแบรนด์ดังอย่าง Chrysler, Jeep และ Peugeot ก็ไม่รอดพ้นวิกฤต ราคาหุ้นร่วงลงอย่างหนัก หลังบริษัทออกมาประกาศปรับลดคาดการณ์ผลกำไร และกระแสเงินสดประจำปี โดยให้เหตุผลว่า ยอดขายทั่วโลกซบเซา และการแข่งขันจากผู้ผลิตรถยนต์จีนทวีความรุนแรงขึ้น

สถานการณ์นี้ สอดคล้องกับ Volkswagen ยักษ์ใหญ่จากเยอรมนี ที่เพิ่งปรับลดประมาณการยอดขายลงเช่นกัน สร้างความกังวลให้กับตลาดรถยนต์ทั่วโลก อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ Stellantis ต้องเผชิญกับมรสุมลูกใหญ่เช่นนี้? การแข่งขันจากจีน ปัญหาภายใน หรือเศรษฐกิจโลก? บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึก วิเคราะห์สถานการณ์ และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น พร้อมติดตามทิศทางของอุตสาหกรรมยานยนต์ในอนาคต

Stellantis หุ้นร่วงหนัก! หลังลดคาดการณ์กำไร ปี 67 ตามรอย Volkswagen

Stellantis หุ้นร่วงหนัก! หลังลดคาดการณ์กำไร ปี 67 ตามรอย Volkswagen

จากรายงานของทาง CNN ระบุสถานการณ์ในตลาดหุ้นไม่สู้ดีนักสำหรับ Stellantis ผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่เจ้าของแบรนด์ Chrysler เมื่อราคาหุ้นของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์มิลานร่วงลงเกือบ 14% หลังจากบริษัทประกาศปรับลดประมาณการผลกำไรและกระแสเงินสดสำหรับปีงบประมาณ 2567 โดยระบุถึงปัจจัยลบสำคัญ อันได้แก่ ยอดขายที่ซบเซาในตลาดโลก และการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงขึ้นจากผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีน

Stellantis ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของแบรนด์รถยนต์ชั้นนำมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Ram Trucks, Jeep, Citroen หรือ Peugeot ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงว่า บริษัทคาดการณ์ว่าผลประกอบการในปี 2567 จะต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้าอย่างมีนัยสำคัญ โดยค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานจะสูงกว่ากระแสเงินสดจากการดำเนินงาน

ทั้งนี้ การปรับลดประมาณการดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องมาจาก "มาตรการปรับแก้" ในตลาดอเมริกาเหนือ ซึ่งรวมถึง "การเพิ่มแรงจูงใจในการขาย" สำหรับรถยนต์รุ่นปี 2567 และรุ่นก่อนหน้า ประกอบกับยอดขายที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมายในช่วงครึ่งหลังของปีในหลายภูมิภาคทั่วโลก

นอกจากนี้ Stellantis ยังได้ประกาศแผนการลดระดับสินค้าคงคลังในสหรัฐอเมริกา และจะปรับลดจำนวนรถยนต์ที่จะส่งมอบให้แก่ตัวแทนจำหน่ายในอเมริกาเหนือลง 200,000 คัน ในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา

Stellantis หุ้นร่วงไม่หยุด! เตือนภัยกำไรหด หลัง Volkswagen ส่งสัญญาณลบ

Stellantis หุ้นร่วงหนัก! หลังลดคาดการณ์กำไร ปี 67 ตามรอย Volkswagen

Stellantis ได้เผยแพร่ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยระบุว่า "สภาพแวดล้อมในอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกที่ถดถอยลง สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มตลาดในปี 2567 ที่ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ในช่วงต้นปี ขณะเดียวกัน การแข่งขันในอุตสาหกรรมทวีความรุนแรงขึ้น ทั้งจากปริมาณรถยนต์ในตลาดที่เพิ่มสูงขึ้น และการแข่งขันที่รุนแรงจากผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีน"

การปรับลดประมาณการของ Stellantis เกิดขึ้นภายหลังจากที่ Volkswagen ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของเยอรมนี ได้ประกาศปรับลดประมาณการยอดขายและการส่งมอบรถยนต์สำหรับปีงบประมาณนี้ลงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยให้เหตุผลถึง "สภาพแวดล้อมทางการตลาดที่ท้าทาย" ส่งผลให้ราคาหุ้นของ Volkswagen ปรับตัวลดลง 4.5% ในวันจันทร์

ในวันเดียวกัน Aston Martin Lagonda ผู้ผลิตรถยนต์หรูสัญชาติอังกฤษ เปิดเผยว่า กำไรจากการดำเนินงานในปีนี้น่าจะต่ำกว่าระดับของปีที่แล้ว และบริษัทจะผลิตรถยนต์ลดลง 1,000 คัน ซึ่งเป็นผลมาจากปัญหาการหยุดชะงักในห่วงโซ่อุปทาน และ "ภาวะเศรษฐกิจมหภาคที่ยังคงอ่อนแอในประเทศจีน" โดยข่าวนี้ส่งผลให้ราคาหุ้นของ Aston Martin ในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอนร่วงลงเกือบ 21%

จากสถานการณ์ดังกล่าว สะท้อนให้เห็นว่า ผู้ผลิตรถยนต์จากชาติตะวันตกกำลังเผชิญกับความท้าทายอย่างมาก ทั้งจากอุปสงค์ที่ลดลงทั่วโลก และการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงขึ้นจากผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของจีน

รถยนต์จีนบุกยุโรป! Stellantis เผชิญศึกหนัก ยอดขาย-กำไรทรุด

การแข่งขันในอุตสาหกรรมยานยนต์ทวีความรุนแรงขึ้น โดยผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) สัญชาติจีน เช่น BYD และ Xpeng กำลังแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดจากผู้ผลิตรถยนต์ต่างชาติในประเทศจีน ซึ่งถือเป็นตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลขนาดใหญ่ที่สุดในโลก พร้อมกับขยายฐานการผลิตเข้าสู่ตลาดยุโรป ซึ่งกำลังเผชิญกับภาวะการหดตัวของอุปสงค์

Volkswagen ได้รายงานสถานการณ์ดังกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ โดยระบุว่ายอดขายรถยนต์ในยุโรป ลดลงประมาณ 2 ล้านคันต่อปี เมื่อเทียบกับช่วงก่อนการระบาดใหญ่ ส่งผลให้ยอดขายของ Volkswagen ในภูมิภาคลดลง 500,000 คันต่อปี ซึ่งเทียบเท่ากับกำลังการผลิตรถยนต์ของโรงงานประมาณ 2 แห่ง

ในขณะนี้ Volkswagen ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับสองของโลก กำลังอยู่ระหว่างการเจรจาข้อตกลงด้านค่าแรงกับ IG Metall ซึ่งเป็นหนึ่งในสหภาพแรงงานที่มีอำนาจมากที่สุดของเยอรมนี โดยการเจรจาดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของแผนการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ ซึ่งอาจนำไปสู่การปิดโรงงานในประเทศเยอรมนีเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของบริษัท

"เพื่อธำรงไว้ซึ่งขีดความสามารถในการแข่งขัน เราจำเป็นต้องดำเนินการปรับโครงสร้าง Volkswagen อย่างครอบคลุม ... เนื่องจากสถานการณ์ในปัจจุบัน มีความร้ายแรง" Volkswagen ได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา "Volkswagen จำเป็นต้องเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน และลดต้นทุนการผลิต"

สำหรับ Stellantis การประกาศปรับลดประมาณการผลกำไรในครั้งนี้ นับเป็นข่าวร้ายล่าสุดที่บริษัทต้องเผชิญ หลังจากที่เพิ่งดำเนินการเรียกคืนรถยนต์ Ram 1500 กว่า 1.2 ล้านคัน เนื่องจากปัญหาระบบซอฟต์แวร์ขัดข้องในระบบเบรก ABS

นอกจากนี้ เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา Stellantis ยังได้ประกาศแผนการเลิกจ้างพนักงานในโรงงานผลิตรถยนต์ชานเมืองดีทรอยต์ จำนวน 2,450 คน เนื่องจากบริษัทจะยุติการผลิตรถกระบะ Ram 1500 Classic ยิ่งไปกว่านั้น บริษัทยังมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับการประท้วงจากสหภาพแรงงาน United Auto Workers ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งกล่าวหาว่า Stellantis มิได้ปฏิบัติตามข้อตกลงที่ให้ไว้ในการเจรจาแรงงานเมื่อปีที่แล้ว

สรุป

จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายครั้งใหญ่ที่ Stellantis และผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นๆ กำลังเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันที่ดุเดือดจากผู้ผลิตรถยนต์จีน ปัญหาเศรษฐกิจโลก และปัญหาภายในองค์กร การปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง และการวางกลยุทธ์ที่เฉียบคม จะเป็นกุญแจสำคัญสำหรับ Stellantis ในการฝ่าฟันวิกฤตครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการเร่งพัฒนานวัตกรรม ลดต้นทุน ปรับปรุงประสิทธิภาพ และสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์

อนาคตของ Stellantis และอุตสาหกรรมยานยนต์โลก จะเป็นอย่างไร? คงต้องติดตามกันต่อไป แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือ การแข่งขันจะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น และผู้ที่ปรับตัวได้เร็วที่สุดเท่านั้น จึงจะอยู่รอด และประสบความสำเร็จในระยะยาว

ที่มา CNN

advertisement

SPOTLIGHT