ธุรกิจส่งพัสดุไปต่างประเทศ เป็นอีกหนึ่งกลุ่มของบริการขนส่งที่นับวันจะแข่งกันเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ตามตลาด E-Commerce ที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งปัจจุบันมีหลายบริษัทที่ให้บริการส่งด่วนไปต่างประเทศ รวมถึงไปรษณีย์ไทยที่เป็นเจ้าตลาดการขนส่งพัสดุอยู่ในเวลานี้ก็เปิดบริการนี้แล้วเช่นกัน
แต่ล่าสุดเพื่อให้ตอบโจทย์ลูกค้าผู้ใช้บริการมากขึ้น ทำให้ไปรษณีย์ไทย ขยายน้ำหนักของพัสดุสูงสุดได้ถึง 200กิโลกรัม ณ จุดให้บริการกว่า 234 ปลายทางทั่วโลก ซึ่งดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด บอกว่า บริการ Courier Post ที่ส่งด่วนแบบพรีเมียมไปต่างประเทศได้รับความนิยม ไปรษณีย์ไทยจึงได้ขยายขีดความสามารถให้จัดส่งสิ่งของประเภทชิ้นใหญ่และมีน้ำหนักมาก ได้สูงสุดถึง 200 กก. เพื่อรองรับความต้องการจัดส่งสิ่งของได้หลากหลายรูปแบบมากยิ่งขึ้น อาทิ ล้อแม็กซ์ อุปกรณ์ประดับยนต์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่ ที่นอนสูญญากาศ ของตกแต่งบ้าน งานหัตถกรรม ฯลฯ
จุดหมายปลายทางครอบคลุม 234 ปลายทางทั่วโลก พร้อมทั้งยกเลิกค่าธรรมเนียมพิเศษ (Surcharge) 2,300 บาท/ชิ้น สำหรับสิ่งของฝากส่งที่มีขนาดเกิน 120 เซนติเมตร เปิดให้บริการ ณ ที่ทำการไปรษณีย์กว่า 1,168 ไปรษณีย์ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565ที่ผ่านมา
บริการ Courier Post ส่งด่วนแบบพรีเมียม เป็นบริการที่เน้นการส่งด่วนไปต่างประเทศ พร้อมบริการที่อำนวยความสะดวกแบบครบวงจรโดยไม่คิดค่าบริการเพิ่มเติม อาทิ บริการผ่านพิธีการศุลกากรแบบเบ็ดเสร็จ โดยผู้รับเป็นผู้ชำระภาษี (ถ้ามี)
บริการ On Demand Delivery (ODD) ที่สามารถเลือกรูปแบบการจัดส่งได้ทั้งเวลาและสถานที่ หรือ จัดส่งถึงที่อยู่ผู้รับแบบ Door to Door มาตรฐานการจัดส่ง 2-4 วันทำการ ส่งได้ทั้งเอกสารและสิ่งของ ค่าบริการคิดตามปริมาตรหรือน้ำหนักที่ฝากส่งจริง ไม่มีบวกเพิ่มค่าธรรมเนียมน้ำมันและภาษีมูลค่าเพิ่ม อัตราค่าบริการเริ่มต้น 990 บาท (สำหรับเอกสาร นน.ไม่เกิน 250 กรัม) รับประกันสิ่งของเสียหายหรือสูญหาย สูงสุดไม่เกิน 5,000 บาท (สำหรับเอกสาร) สูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท (สำหรับสิ่งของที่มีน้ำหนักไม่เกิน 30 กก.) และคุ้มครองมากขึ้นสำหรับสิ่งของที่มีน้ำหนัก 30 กก. ขึ้นไป ทุกๆ 1 กก. ชดใช้ไม่เกิน 500 บาท ค่าธรรมเนียมพิเศษ (Surcharge) 1,500 บาท/ชิ้น สำหรับสิ่งของฝากส่งที่มีน้ำหนักจริงหรือน้ำหนักปริมาตร เกิน 70 กก. สามารถตรวจสอบสถานะการจัดส่งได้ตลอด 24 ชม. ผ่านระบบ Track&Trace ทางไลน์ของไปรษณีย์ไทย
ตลาดขนส่งพัสดุแข่งขันดุเดือด
ข้อมูลจากอิปซอสส์ระบุว่า ปี 2564 ตลาดขนส่งพัสดุขนาดเล็กและใหญ่มีมูลค่ารวมอยู่ที่ 5 หมื่นล้านบาท
1.ไปรษณีย์ไทยเป็นเจ้าตลาดด้วยส่วนแบ่ง 40.54%
2. Kerry Express 25.62%
3.Flash Express 6.01%
4. J&T Express 4.58%
ที่เหลือราว 23% คือแบรนด์อื่นในตลาดรวมกัน ซี่งในแง่ของจำนวนชิ้นภาพรวมของตลาดอยู่ที่ 914 ล้านชิ้น ไปรษณีย์ไทยเป็นเจ้าตลาดอีกเช่นกันด้วยส่วนแบ่ง 57.11% รองลงมาเป็น Kerry Express 21.86% ตามด้วย Flash Express 7.30% และ J&T Express 2.91%
ทั้งนี้ผู้ประกอบการในธุรกิจขนส่งต้องเผชิญกับต้นทุนธุรกิจที่สูงขึ้นในปี 2565 ด้วยสถานการณ์ราคาพลังงานที่พุ่งขึ้นในช่วงต้นปีจากสงครามรัสเซียยูเครน นอกจากนี้การแข่งขันในตลาดนี้ที่แสนดุเดือด ทำให้ที่ผ่านมาธุรกิจขนส่งหลายแห่งต้องรัดเข็มขัด และพยายามคิดค้นธุรกิจ และบริการใหม่ๆเพิ่มเติมเพื่อโอกาสที่มากขึ้น