ธุรกิจการตลาด

เปิดเหตุผลเม็ดเงินตลาดโฆษณาฟื้นแรง เดือนก.ค. ทะลุ 1 หมื่นล้าน โต 14%

14 ส.ค. 65
เปิดเหตุผลเม็ดเงินตลาดโฆษณาฟื้นแรง เดือนก.ค. ทะลุ 1 หมื่นล้าน โต 14%

ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้หลายธุรกิจโดนกระแสพายุโควิด-19 แพร่ระบาด มีหลายรายสู้ไม่ไหวก็โบกลาไป ส่วนรายไหนที่พอสู้ไหวก็พยายามปรับเพื่อเอาตัวรอด จนถึงวันนี้เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวในหลายๆ ธุรกิจจากพิษของโควิดหนึ่งในนั้นคือ วงการธุรกิจสื่อโฆษณาต่างๆ ที่เริ่มมีเม็ดเงินที่ไหลกลับเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในเดือนก.ค. ปีนี้ ข้อมูลจะเป็นอย่างไรไปติดตามกัน

 

โดยล่าสุด บริษัท นีลเส็น ประเทศไทย ได้เปิดเผยถึง มูลค่าของเม็ดเงินโฆษณาประจำเดือน ก.ค. 2565 ที่ผ่านมา พบว่าเม็ดเงินโฆษณามีการเติบโตอย่างมาก โดยเฉพาะในสื่อที่เกี่ยวข้องกับการเปิดประเทศและเดินหน้ากลับมาใช้ชีวิตตามปกติ ทำให้มีม็ดเงินโฆษณารวมในเดือน ก.ค. 2565 อยู่ที่ 10,076 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับเดือน ก.ค. 2564

 

 

เม็ดเงินโฆษณา 'โรงหนัง' โตสุดๆ พุ่ง 1,510% รับเปิดเมือง

เม็ดเงินโฆษณาฟื้นแรง

สื่อโฆษณาที่มีมูลค่าเติบโตเพิ่มขึ้นสูงสุดในเดือน ก.ค.2565 ได้แก่ สื่อในโรงภาพยนตร์ (Cinema) สะท้อนการกลับมาใช้ชีวิตตามปกติโดยมีโควิดเป็นส่วนหนึ่ง มีมูลค่า 612 ล้านบาท ขยายตัว 1,510% เมื่อเทียบกับ 38 ล้านบาท ในช่วงเดือน ก.ค.2564 เช่นเดียวกับ สื่อนอกบ้านและสื่อขนส่งมวลชน (Outdoor & Transit) เติบโต 52% ที่มูลค่า 1,216 ล้านบาท และสื่อในห้าง อาคาร (Indoor) โต 42% ที่ 81 ล้านบาท


ขณะที่ภาพรวมเม็ดเงินโฆษณา 7 เดือนแรกของปี (ม.ค.- ก.ค.2565) มีมูลค่า 68,462 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 9% โดยสื่อทีวียังคงเป็นสื่อที่มีสัดส่วนของการใช้เม็ดเงินโฆษณาสูงสุดอยู่ที่ 54% ที่มูลค่า 37,061 ล้านบาท รองลงมาเป็นสื่ออินเตอร์เน็ต 15,773 ล้านบาท โต 13% และสื่อนอกบ้านและสื่อขนส่งมวลชน มูลค่า 7,350 ล้านบาท โต 28%

 

ส่วน 10 แบรนด์ที่ใช้เงินโฆษณาสูงที่สุดในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่าแพลตฟอร์มช็อปปิ้งออนไลน์ถล่มงบซื้อโฆษณาติดท็อปเทนถึง 3 แบรนด์ ได้แก่ 29 Shopping ของค่ายโมโนทีวี จีเอ็มเอ็มโอช็อปปิ้งของแกรมมี่ และลาซาด้า

 

UNILEVER เทใช้เงินโฆษณาหนักสุด แต่ลดลงจากปีที่แล้ว

unilever

 

โดยแบรนด์ที่ใช้เงินมากที่สุด 10 อันดับแรก ได้แก่ บริษัท UNILEVER THAI TRADING CO., LTD. มูลค่า 2,150 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 31%, บริษัท NESTLE (THAI) CO., LTD. มูลค่า 1,678 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 4% และบริษัท PROCTER & GAMBLE
(THAILAND) มูลค่า 1,304 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 5%


ลำดับที่เหลือประกอบด้วยบริษัท Mass Marketing ซึ่งช่วยทำตลาดให้สินค้าที่คุ้นหน้าคุ้นหูอย่างยาสีฟันเทพไทย แชมพูปิดผมขาว โอเค เฮอเบิล แป้งน้ำรองพื้นแฮปปี้ ครีมจุฬาเฮิร์บ และสบู่อาเซปโซ เป็นต้น, 29 Shopping ของค่ายโมโนทีวี, เครื่องดื่มโคคา-โคล่า, อีซูซุ, จีเอ็มเอ็มโอช็อปปิ้ง, โตโยต้า และลาซาด้า

advertisement

SPOTLIGHT