ธุรกิจการตลาด

อีลอน มัสก์ ชมคนจีนลุยงานถึง “ตี 3” สวนทางคนอเมริกันชอบหนีงาน

12 พ.ค. 65
อีลอน มัสก์ ชมคนจีนลุยงานถึง “ตี 3”  สวนทางคนอเมริกันชอบหนีงาน

ความเห็นของมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลก เจ้าของกิจการรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง Tesla อาจสร้างความไม่พอใจให้กับทั้งชาวอเมริกันและชาวจีนได้ เนื่องจากการเชิดชูวัฒนธรรมการทำงานหนัก ที่ไม่ใช่กระแสของคนรุ่นใหม่

 

อีลอน มัสก์ ให้สัมภาษณ์พิเศษกับสื่อธุรกิจของอังกฤษอย่าง Financial Times เขาได้เล่าถึงการทำงานของคนงานในโรงงานผลิตแบตเตอร์รีรถอีวี Giga Shanghai ที่ประเทศจีน ในเชิงชื่นชมว่า “ทำงานหนักจนถึงตี 3” ซึ่งตรงกันข้ามกับคนอเมริกันที่ชอบหนีการทำงาน 

 

เขายังมองว่าจีนมีแรงานที่มีทักษะสุดยอดจำนวนมาก ขณะเดียวกันคนจีนยังมีนิสัยที่ทำงานหนัก ทำให้มหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลก ณ เวลานี้เชื่อว่าจีนสามารถมีบางบริษัทที่แข็งแกร่งมากเกิดขึ้นมาได้

 

ด้วยสไตล์การทำงานส่วนตัวของมหาเศรษฐีรายนี้ที่ทำงานหนัก และเคยนอนในโรงงาน ในช่วงการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น Model 3 ซึ่งโรงงานประสบปัญหาการผลิตมาแล้ว จึงไม่น่าแปลกใจที่เขาจะให้ความเห็นทำนองนี้ 

 

อย่างไรก็ดี การชื่นชมคนจีนทำงานหนักขนาดนี้อาจไม่เข้าหูรัฐบาลจีนมากนัก เนื่องจากในปี 2564 ทีผ่านมา รัฐบาลจีนได้เข้ามากำหนดเรื่องการทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัฒนธรรมการทำงานที่เข้าทำงานในช่วง 9 โมงเช้า ออกจากที่ทำงาน 3 ทุ่ม และทำงานเป็นเวลา 6 วัน หรือที่เรียกว่า “996” 

 

มาตรการที่ทางการจีนเข้ามาปราบปรามการทำงานหนักก็คือ แต่ละคนสามารถที่จะทำงานได้สูงสุดสัปดาห์ละ 44 ชั่วโมงเท่านั้น หากมากกว่านั้นจะต้องจ่ายค่าล่วงเวลา และจะเอาจริงเอาจังในเรื่องนี้มากขึ้นกว่าเดิม

 

ไม่เพียงเท่านี้ ประชากรจีนบางส่วนก็เริ่มออกมาต่อต้านการทำงานหนักด้วยปรากฏการณ์ด้วยการอยู่นิ่งๆ หรือ “Lying Flat” ซึ่งมาจากคำว่าถั่ง-ผิง (Tang Ping) โดยชาวจีนบางส่วนที่เลือกวิธีนี้มองว่าต่อให้ทำงานหนักไปก็ไม่มีวันที่จะรวย ฉะนั้นแล้วจึงใช้วิธีใช้ชีวิตไปวันๆ ไม่อยากได้ไม่อยากมีนั้นเป็นทางออกที่ดีกับชีวิต

 

ท้ายที่สุดแล้วการชื่นชมชาวจีน แต่ติงชาวอเมริกันในท้ายที่สุดของ อีลอน มัสก์ อาจได้กระแสตีกลับมาก็เป็นได้



advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT