ธุรกิจการตลาด

"ไทยเบฟ" กำไรลดลง โควิดกระทบธุรกิจอาหาร

11 ธ.ค. 64
"ไทยเบฟ" กำไรลดลง โควิดกระทบธุรกิจอาหาร

บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) รายงานผลประกอบการปีงบประมาณ 2563-2564 (ต.ค.63-ก.ย.64) มียอดขายรวม 240,543 ล้านบาท ลดลง 5.1% จากปีก่อน ขณะที่มีกำไรสุทธิ 27,339 ล้านบาท ลดลง 4.9% จากปีก่อน โดยสินค้าแต่ละกลุ่มทำยอดขายเป็นสัดส่วนดังนี้ สุรา 47.8%, เบียร์ 41.3%, เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ 6.3%, อาหาร 4.7%, มีธุรกิจที่กำจัดทิ้ง 0.1% ส่วนกำไรสุทธิ สุรายังมีสัดส่วนมากสุด 87.8%, เบียร์ 12.4%, เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ 1.8% อาหารฉุดกำไรหรือติดลบ 2%


ส่วนธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ยอดขายรวม 15,205 ล้านบาท ลดลง 6.6% โดยทำกำไรจากการดำเนินงานได้ 548 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51% เนื่องจากมีการบริหารจัดการต้นทุนที่ดี ต้นทุนวัตถุดิบลดลง ด้านยอดขายเชิงปริมาณอยู่ที่ 1,458 ล้านลิตร ลดลง 7.6% จากปีก่อนขาย 1,578 ล้านลิตร โดยชาเขียวพร้อมดื่มและเครื่องดื่มสมุนไพรจับใจยอดขาย 252 ล้านลิตร ลดลง 2.7% จาก 259 ล้านลิตร น้ำดื่ม 982 ล้านลิตร ลดลง 5.9% จาก 1,044 ล้านลิตรเครื่องดื่มอัดลม 219 ล้านลิตร ลดลง 19.2% จาก 271 ล้านลิตร ส่วนโซดาและน้ำดื่มแบรนด์ช้างยอดขาย 72 ล้านลิตรลดลง 7.6% จากปีก่อนขาย 78 ล้านลิตร

ขณะที่ธุรกิจร้านอาหารได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างหนักจากมาตรการล็อกดาวน์ปิดหน้าร้านเป็นระลอก โดยเฉพาะเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม เป็นช่วงที่ห้ามให้บริการนั่งรับประทานในร้านกว่า 2 เดือน ส่งผลให้ยอดขายธุรกิจอาหารไทยเบฟ ทั้งปีอยู่ 11,280 ล้านบาท หดตัว 14.4% มีผลขาดทุน 488 ล้านบาทหรือติดลบสูงถึง 383.2% จากปี 2563 ขาดทุน 101 ล้านบาท

ปัจจุบัน พอร์ตโฟลิโอธุรกิจร้านอาหารไทยเบฟมีแบรนด์ในมือ 23 แบรนด์ เช่น โออิชิ บุฟเฟต์ ชาบูชิ โออิชิ ราเมน เคเอฟซี โซอาเซียน ราชพฤกษ์ หม่านฟู่หยวน แม็กซ์แอนด์เค้ก เบเกอรี่ ฯ รวมจำนวนร้าน 673 สาขา การปรับตัวช่วงโควิดไม่เพียงมีบริการเดลิเวอรี่ บริหารจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ ระบายสต๊อกวัตถุดิบเพื่อสร้างยอดขาย ยังพลิกโมเดลร้านใหม่ๆเพื่อประชิดลูกค้ามากขึ้น เช่น โมเดลฟู้ดทรัคผ่านแบรนด์เคเอฟซี และโออิชิ ฟู้ด ทรัค เป็นต้น

ทั้งนี้ ดำเนินธุรกิจหลักในประเทศไทย และยังดำเนินธุรกิจในประเทศอื่นๆ ด้วย เช่น ฮ่องกง สิงคโปร์ สหราชอาณาจักร มาเลเซีย กัมพูชา และสหรัฐอเมริกา ฯลฯ ก่อตั้งขึ้นในประเทศไทยในปี 2546 โดยมีจุดประสงค์เพื่อรวมกิจการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเบียร์และสุราชั้นนำของไทยที่เป็นของผู้ถือหุ้นและผู้ร่วมทุนรายอื่นๆ เข้ามาเป็นกลุ่มบริษัท ต่อมาในปี 2549 ไทยเบฟได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ (SGX)

advertisement

SPOTLIGHT