Logo site Amarintv 34HD
อมรินทร์ทีวีแจกใหญ่ส่งท้ายปี ดูทั้งวันแจกทุกวันLogo Seagame2025Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
"ไชยชนก" เดินหน้ารับมือ "ยุคอากาศสุดขั้ว" ทดลองใช้เทคโนโลยีดาวเทียม-AI

"ไชยชนก" เดินหน้ารับมือ "ยุคอากาศสุดขั้ว" ทดลองใช้เทคโนโลยีดาวเทียม-AI

2 ธ.ค. 68
18:22 น.
แชร์

"ไชยชนก" เผยเดินหน้ารับมือ "ยุคอากาศสุดขั้ว" จับมือบริษัท Tomorrow.io ทดลองใช้เทคโนโลยีดาวเทียม-AI คาดช่วยเตือนภัยแม่นยำขึ้นในทุกพื้นที่

นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า โลกกำลังเผชิญความเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของสภาพอากาศ ซึ่งไม่ใช่เหตุการณ์เฉพาะหน้าอีกต่อไป โดยข้อมูลจาก NOAA หรือ สำนักงานบริหารบรรยากาศและมหาสมุทรแห่งชาติ ชี้ชัดว่า ปี 2024 เป็นปีที่ร้อนที่สุดตั้งแต่มีการบันทึกเมื่อปี 1850 และยังพบแนวโน้มการละลายของแผ่นน้ำแข็งเพิ่มขึ้นในปี 2025 ส่งผลให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นและเกิดอุทกภัยบ่อยครั้งทั่วโลก รวมถึงในไทย

นายไชยชนก ยังกล่าวอีกว่า นี่สะท้อนว่าไทยกำลังเผชิญ "New Normal ของความแปรปรวนด้านภูมิอากาศ" ทำให้รัฐบาลภายใต้การนำของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ต้องเร่งปรับตัว โดยนายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายให้ทุกหน่วยงานเตรียมรับมืออย่างทันท่วงที รวมถึงเร่งปรับกฎหมายประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อให้สามารถเตือนภัยได้ก่อนเกิดเหตุ ไม่ใช่หลังเหตุการณ์เริ่มขึ้น

ซึ่งในส่วนของกระทรวงดีอีได้เดินหน้าความร่วมมือกับบริษัท Tomorrow.io ผู้นำโลกด้านเทคโนโลยีพยากรณ์อากาศที่ใช้งานโดย NASA และกองทัพสหรัฐฯ ในการทำแอปพลิเคชั่น เพื่อยกระดับการพยากรณ์อากาศ และการแจ้งเตือนภัยพิบัติด้วยประสิทธิภาพสูง โดยไทยจะเริ่มทดลองใช้จริง เป็นเวลา 3 เดือนโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ก่อนเสนอเข้า ครม. เพื่อพิจารณางบประมาณหากผลพิสูจน์แล้วว่ามีประโยชน์

ทั้งนี้บริษัท Tomorrow.io มีจุดเด่นด้านการใช้ดาวเทียม 11 ดวง ตรวจวัดสภาพอากาศด้วยเทคโนโลยี Microwave Sounding ที่สแกนทะลุหลายชั้นบรรยากาศ เห็นความชื้น เมฆ และปรากฏการณ์อย่าง Rain Bomb หรือ Atmospheric River ได้ละเอียดและต่อเนื่อง พร้อมทั้งวิเคราะห์ด้วย AI อัปเดตข้อมูลทุก 15 นาที และสามารถจำลองสถานการณ์หลายโมเดล เพื่อประเมินความเป็นไปได้และระดับความมั่นใจ (Confidence Level) ของเหตุการณ์ล่วงหน้าเป็นสัปดาห์

นอกจากนี้ แพลตฟอร์มนี้ยังสามารถสรุปผลเป็นรายพื้นที่ ตั้งแต่ระดับจังหวัด ตำบล ไปจนถึงระดับตลาด ทำให้ประชาชนสามารถใช้ประกอบการตัดสินใจในชีวิตประจำวัน ขณะที่หน่วยงานรัฐ เช่น ปภ. สามารถใช้ประกอบการประกาศเตือนภัยได้อย่างแม่นยำขึ้น

อย่างไรก็ดี นายไชยชนก ระบุว่า ไทยจะเริ่มโฟกัสพื้นที่ภาคใต้ก่อน เนื่องจากสภาพอากาศยังไม่นิ่งและมีความเสี่ยงเกิดเหตุซ้ำ หากการทดลองประสบผล คาดว่าจะขยายครอบคลุมทั้งประเทศได้ภายใน 6 เดือน

นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างหารือถึงการเชื่อมข้อมูลกับระบบบริหารจัดการน้ำในเขื่อน เพื่อให้ AI ประมวลข้อมูลปริมาณน้ำฝนและปริมาณน้ำในเขื่อน ช่วยคำนวณการกักเก็บหรือการระบายน้ำได้แม่นยำยิ่งขึ้นในอนาคต

พร้อมย้ำว่า แม้เทคโนโลยีนี้จะแม่นที่สุดในโลกในปัจจุบัน แต่สภาพอากาศยังมีความแปรปรวน จึงต้องพัฒนาและประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับบริบทไทย เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุดและเพิ่มความพร้อมของประเทศในการรับมือภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

Advertisement

แชร์
"ไชยชนก" เดินหน้ารับมือ "ยุคอากาศสุดขั้ว" ทดลองใช้เทคโนโลยีดาวเทียม-AI