ล่าหนุ่มหึงโหดแทงสาวพิซซ่าเจ็บ เผยโทรขู่ก่อนลงมือ เปิดวงจรปิดหอบผ้าหนี (คลิป)

ร.ต.อ.ศรชัย สู่บุญ รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองอุบลราชธานี ได้รับแจ้งมีเหตุใช้อาวุธมีดแทงกันอยู่หน้าร้านเดอะ พิซซ่า คอมปะนี สาขาถนนชยางกูร ใกล้เคียงโรงพยาบาลราชเวชอุบลราชธานี ต.ในเมือง จ.อุบลราชธานี ผู้ถูกแทงเป็นผู้หญิงได้รับบาดเจ็บหน่วยกู้ภัยมูลนิธิศิษย์พระจี้กงอุบลราชธานี นำตัวคนเจ็บส่งให้แพทย์ช่วยรักษาแล้ว

เมื่อถึงที่เกิดเหตุพบกองเลือดอยู่ที่ฟุตพาทเยื้องหน้าร้าน ใกล้กันพบผ้าลายสก็อตช์ที่คนร้ายใช้ห่อมีดทิ้งไว้ ส่วนผู้บาดเจ็บทราบชื่อว่า นางสาวพร (นามสมมติ) อายุ 25 ปี เป็นพนักงานของร้านเดอะพิซซ่า มีบาดแผลถูกแทงตามลำตัวบริเวณหน้าอก ราวนม สะโพก รวม 5 แผล

ส่วนผู้ก่อเหตุทราบชื่อว่า นายสรายุ วงค์ดี อายุ 31 ปี เป็นหนุ่มชาวจังหวัดอุดรธานี หลังใช้มีดแทง น.ส.พร ก็ได้ขึ้นรถยนต์เก๋งมาสด้าสีแดง หมายเลขทะเบียน 9 กฌ 5371 กรุงเทพฯ หลบหนีไปทางถนนชยางกรูขาออกนั้น

ตรวจสอบเฟชบุ๊กของคนก่อเหตุ พบว่าวันที่ 7 กันยายน 2564 นายสรายุได้โพสต์ภาพรถยนต์ของเขาพร้อมแคปชั่นว่า "เกือบตายเพราะสาวอุบล" 12 กันยายน ได้โพสต์ข้อความว่า "ทำดีแทบตาย ไม่มีใครเห็น ทำชั่วครั้งเดียว เลวยันเงา" 13 กันยายน ได้โพสต์ข้อความว่า "#แม้ดวงตกต่ำที่สุด เรายังต้องสู้สร้างมันขึ้นมาใหม่ให้ได้อยู่รอดและ ปลอดภัย # ทุกสิ่งย่อมมีอุปสรรคแม้กระทั่งความรัก ยอมมีคนเกลียด และอิจฉา ย่อมมีคนให้ร้าย และ ว่ากล่าว แต่เราต้องอยู่ให้ได้ เดินและสู้ต่อ อย่าแคร์ใครเค้าว่าชีวิตเรามีค่า เพราะเราทำ มีกิน มีใช้ เพราะสู้และสร้างมันขึ้นมา วันนี้ ไม่เห็นค่า วันหน้าก็ไม่มีแล้วนะ

15 กันยายน ได้โพสต์ว่า "จะเลิกกัน กะบ่คิดเหนตอนที่ ฮักกันใหม่ๆ เคยไปไส มาไสนำกัน เคยใช้ชีวิตยุ่นำกันเด้เนาะ" 23 กันยายน หลังก่อเหตุ ได้โพสต์อีกว่า "ปากดีกันจังนะ ไอ้พวกที่ว่ากูนิ่ ถึงกูจะถูกจับติดคุก กูก็ยอมแลกกับคนแบบนี้ ฝากเตือน ผู้หญิงทุกคน
ถ้าคุณไม่รักเขาคุณก็อย่าไปหลอกเขา พอเขาจับได้ว่านอกใจมีใครอีกคน หาทางออกจะแจ้งความดำเนินคดีเขาอีก ว่ามาก่อกวนมาระราน จะหาข้อหาเพื่อจะให้กูติดคุก ทั้งที่กูก็อยู่ของกู ทำงานของกูดีๆ ยังไม่พอพาพวกมาทำร้ายกูอีก ถามว่ากูผิดอะไร กูก็อยู่ของกู แล้วมาหลอกกูเพื่ออะไร มันยังไม่มีจิตสำนึกของความเปนคนเลย ยังไม่พอพาผู้ชายมาเย้ยกูอีก ไอ้พวกที่ไม่รู้มึงอย่ามาโชว์โง่ มึงไม่มาเปนกูมึงไม่รู้หรอก ขนาดมันยังไม่กล้าสู้หน้ากูเลย หลอกกู ทำกูซะขนาดนี้ ไม่รู้เรื่องอะไร ยังมาโชว์โง่อีก ถ้ากูไม่มีอะไร กูคงไม่มาอุบลหรอก"

นอกจากนี้ ยังมีคลิปเสียงที่คนก่อเหตุโทรศัพท์มาข่มขู่ถึงชีวิต และจะบุกไปถึงที่ทำงานร้านพิซซ่าด้วยนั้น

ล่าสุด วันที่ 23 กันยายน 2564 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่มายังจังหวัดอุบลราชธานี นางสาวบัว (นามสมมติ) เพื่อนสนิทของผู้บาดเจ็บ เล่าว่า ตอนเกิดเหตุนางสาวพร เพื่อนของตัวเองกำลังจะเอาขยะมาทิ้งหน้าร้านพิซซ่า โดยเดินมากับพนักงานชายคนหนึ่ง จากนั้นนายสรายุ ซึ่งจอดรถรอที่หน้าร้านอยู่แล้ว ได้เข้าไปฉุดกระชากเพื่อนของตัวเอง โดยดึงกันไปมา จากนั้นผู้ก่อเหตุได้ใช้มีดที่เขาพกมา โดยห่อมากับเสื้อ แล้วผู้ก่อเหตุก็ได้ใช้มีดจ้วงแทงนางสาวพร ประมาณ 6 ครั้ง ก่อนที่เขาจะขึ้นรถยนต์ของเขาหลบหนีไป

ก่อนหน้าวันเกิดเหตุ 5 วัน นางสาวพร เพื่อนของตัวเองก็ได้โพสต์เฟชบุ๊กว่ามีคนมาขู่ฆ่าเขา ตัวเองจึงสอบถามนางสาวพรว่าทำไมถึงโพสต์แบบนั้น นางสาวพรจึงบอกกับตัวเองว่า "เขาถูกผู้ชายคนหนึ่งขู่ฆ่า" สำหรับนางสาวพรก็เคยเล่าให้ตัวเองฟังว่าปี 2563 ตอนที่เขาย้ายไปทำงานประจำสาขาใน จ.อุดรธานี พบเจอกับนายสรายุ พูดคุยกัน 2 เดือนก่อนขอห่างกันไป

จากนั้นนายสรายุก็ตามมาขู่จะฆ่านางสาวพรหลายครั้ง ตัวเองก็ไม่คิดว่าเขาจะก่อเหตุจริง ก่อนเกิดเหตุนายสรายุก็เคยมาที่ทำงานนางสาวพรหลายครั้ง โดยคนก่อเหตุก็มาสอบถามเวลาเข้า-ออกงานของผู้เจ็บ ล่าสุดตอนนี้อาการนางสาวพรก็ปลอดภัยแล้ว แต่ยังไม่สามารถพูดคุยได้ ตัวเองอยากให้ตำรวจจับคนก่อเหตุให้ได้ เพราะเขาเป็นบุคคลอันตราย

ทีมข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิดจากห้องพักแห่งหนึ่ง ที่ผู้ก่อเหตุมาเช่า ก่อนไปก่อเหตุ โดยคลิปดังกล่าวจะเห็นวินาที ผู้ก่อเหตุเดินออกจากหอ ในมือถือกระเป๋าเดินทาง 2 ไป วันที่ 22 กันยายน เวลา 17.53 น. โดยคาดว่าผู้ก่อเหตุน่าจะเก็บกระเป๋าเสื้อผ้า ก่อนจะไปก่อเหตุแล้วหลบหนี

อีมมุมเป็นวินาทีคนก่อเหตุถือกระเป๋า 2 ใบออกมาในรอบแรก จากนั้นก็กลับไปเอาตระกร้า 1 ใบ ในห้องพักชั้น 3 เพื่อเอาของไปเก็บที่รถยนต์ จากนั้น คนก่อเหตุขับรถยนต์ออกจากหอพักดังกล่าวไป

นายต้อม (นามสมมติ) ช่างตัดผม ที่เคยตัดผมให้กับผู้ก่อเหตุ กล่าว่า ก่อนเกิดเหตุประมาณ 1 สัปดาห์ นายสรายุได้มาตัดผมที่ร้านตัวเอง แล้วเล่าให้ตัวเองฟังว่าเขามาจาก จ.อุดรธานี เพื่อมาตามหาแฟนของเขา นายสรายุยังอ้างอีกว่าแฟนของเขาถูกชายอื่นทำคุณไสยใส่ ทำให้นางสาวพร คนเจ็บหนีเขามา นายสรายุเลยตามมาหาแฟนของเขาที่นี่ นายสรายุเขายังถามตัวเองอีกว่า "พี่รู้จักที่ทำคุณไสยบ้างไหม ผมจะไปทำใส่แฟนผม" ตัวเองก็บอกว่าตัวเองไม่รู้จัก และยังงงว่าคนไม่รู้จักกัน ทำไมถึงมาเล่าเรื่องแบบนี้ให้ตัวเองฟัง

นายต้อม เล่าให้ทีมข่าวฟังอีกว่า ก่อนเกิดเหตุประมาณ 5 วัน นายสรายุ คนก่อเหตุ ได้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายชายวัย 60 ปี จนชายคนดังกล่าวเสียชีวิตในวันต่อมา เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2564 นายสรายุได้มานั่งดื่มเบียร์ที่ร้านชำของชายวัย 60 ปี หลังดื่มเสร็จ นายสรายุ เขาไม่จ่ายค่าเบียร์ จำนวน 58 บาท ชายวัย 60 ปี จึงทวงถามและมีปากเสียงกัน กระทั่งชายวัย 60 ปี ได้บอกนายสรายุว่าเขามีปืน ถ้าไม่จ่ายเงินค่าเบียร์จะเอาปืนมายิง ทำให้นายสรายุต่อยชายวัย 60 ปีจนล้มลงหมดสติ ภายในซอยชนางกูร อ.เมือง จ.อุบลราชธานี

กระทั่งต่อมาวันที่ 19 กันยายน ชายวัย 60 ปีได้เสียชีวิต และครอบครัวได้รับศพไปบำเพ็ญกุศลทางศาสนาที่ จ.มุกดาหาร ตอนนี้ตัวเองก็ยังติดต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตไม่ได้ ตัวเองขอยืนยันว่านายสรายุคนที่ก่อเหตุแทงพนักงานพิซซ่า คือคนเดียวกันที่มาก่อเหตุชายวัย 60 ปีจริง

ด้านนายโอ๋ (นามสมมติ) คนรู้จักกับนายสรายุ ผู้ก่อเหตุ และเป็นบุคคลที่อยู่หอพักเดียวกับชายวัย 60 ปี ที่ถูกผู้ก่อเหตุทำร้ายร่างกาย จนเสียชีวิต ก่อนที่จะมาก่อเหตุแทงนางสาวพรนั้น เล่าว่า ก่อนที่นายสรายุจะไปแทงนางสาวพร ประมาณ 7 วัน นายสรายุ เขาจะมานั่งดื่มเหล้าเบียร์ที่ร้านชำของชายวัย 60 ปี โดยตอนนั้นนายสรายุ เขาได้มาระบายให้ตัวเองฟังว่า เขาแค้นแฟนสาวของเขามาก เพราะแฟนของเขาหนีมากับชายรายอื่น และเขาก็ได้ขอยืมอาวุธปืนกับชายวัย 60 ปี แต่ชายวัย 60 ปีก็ไม่ได้ให้เขายืม ส่วนตัวเองก็มีอาวุธปืน ตัวเองก็ไม่ได้ให้สรายุยืมปืนเช่นเดียวกัน

สาเหตุที่สรายุมายืมอาวุธปืนกับพวกตัวเอง เขาบอกว่าจะเอาปืนไปยิงแฟนสาวของเขา ตัวเองจึงคิดว่าถ้าตัวเองหรือชายวัย 60 ปี ให้นายสรายุยืมปืนไปในวันนั้น นางสาวพรอาจถูกยิงเสียชีวิตไปแล้วก็ได้ ที่เขาอยากเอาปืนไปยิงแฟนของเขานั้น ตัวเองคิดว่าอาจเป็นเพราะความแค้นส่วนตัว และเขาก็บอกว่าเขาทะเลาะกับแฟนของเขากระทั่งเลิกกันได้สักระยะหนึ่ง กระทั่งนายสรายุได้ตามมาง้อหญิงคนดังกล่าว แต่ฝ่ายหญิงไม่กลับไปคืนดี เขาจึงลงมือก่อเหตุใช้มีดแทง

นายโอ๋ บอกว่า สำหรับชายวัย 60 ปี เจ้าของร้านชำที่ถูกนายสรายุต่อยจนหมดสติเสียชีวิตในวันต่อมานั้น แต่ทางครอบครัวผู้เสียชีวิตเขาก็ไม่มีหลักฐานเอาผิด ตอนนี้ตัวเองก็ยังติดต่อญาติของชายวัย 60 ที่เสียชีวิตไม่ได้ ยอมรับว่าตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก