ฉาว 10 ทรชนขืนใจ ม.1 สี่โจ๋มอบตัวโบ้ยเพื่อนทำ ยอมลงขันจ่ายเงินแสนอุดปากเหยื่อ

18 ก.ย. 64

กรณีผู้ปกครองเด็กหญิงวัย 13 ปี ร้องขอความเป็นธรรมอ้างว่าลูกสาวถูกลวงไปข่มขืนนานถึง 3 วัน แต่กลับมีการยื้อคดี ทั้งที่เหตุเกิดขึ้นมานานร่วมเดือนแล้ว โดยนางเอ (นามสมมติ) อายุ 32 ปี ชาว อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ระุบว่า เมื่อวันที่ 18 ส.ค.64 ลูกสาววัย 13 ปี ได้หายออกไปจากบ้านโดยไม่ทราบสาเหตุ จึงเข้าใจว่าไปนอนบ้านญาติ เหมือนที่ผ่านมา

แต่เมื่อเวลาผ่านไป 2 วัน จึงมาทราบว่าลูกสาวไม่ได้ไปอยู่บ้านญาติ จึงโทรฯ ตามหาแต่ติดต่อไม่ได้ ในวันรุ่งขึ้นลูกสาวกลับมาบ้านในลักษณะซึมเศร้า จึงสอบถามลูกสาวบอกว่าถูกวัยรุ่น อ.พลับพลาชัย ที่อยู่เขตรอยต่อ รู้จักกันในเฟซบุ๊กลวงไปข่มขืน มีมากถึง 10 คน อายุตั้งแต่ 13-50 ปี เปลี่ยนกันเข้ามาข่มขืนนาน 3 วัน โดยจะย้ายสถานที่การล่วงละเมิดไปเรื่อย ๆ จึงตัดสินใจไปแจ้งความกับตำรวจที่ สภ.พลับพลาชัย จ.บุรีรัมย์ ก่อนจะแนะนำให้ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล

ในวันต่อมาตำรวจได้เรียกไปสอบปากคำ พร้อมกับแจ้งว่า "ค่อย ๆ คุยกัน เพราะผู้ก่อเหตุเป็นเยาวชน กลัวจะเสียอนาคต" โดยมีการนัดไกล่เกลี่ยกัน ซึ่งครอบครัวของผู้เสียหายไม่รู้กฎหมายจึงทำตามคำแนะนำของตำรวจ ก่อนจะย้ำว่า “ห้ามแจ้งนักข่าว” 

680598

ล่าสุดวันที่ 18 ก.ย.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่มายัง สภ.พลับพลาชัย จ.บุรีรัมย์ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ พม. ได้สอบสวน ด.ญ.โอ๋ (นามสมมติ) อายุ 13 ปี และนางเอ (นามสมมติ) แม่ของ ด.ญ.โอ๋ โดยสอบแยกห้อง คาดว่าน่าจะใช้เวลาสอบสวนทั้งวัน 

867435

โดยช่วงเช้าของวันนี้ เวลาประมาณ 06.00 น. ทีมข่าวได้โทรศัพท์ สอบถามข้อมูลกับนางเอ กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (17 ก.ย.64) เวลาประมาณ 17.00 น. ครอบครัวของผู้ก่อเหตุ ไปเจรจากับตนที่สภ.พลับพลาชัย และมีการจ่ายเงินค่าเสียหายให้จำนวน 135,000 บาท เพื่อให้เรื่องทุกอย่างจบ และไม่ให้ตัวเองให้ข่าวอีกต่อไป และพ่อแม่ของผู้ก่อเหตุ เขาก็ได้ขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะพวกเขาไม่คิดว่าลูกชายของเขาจะไปก่อเหตุดังกล่าว

จากการสอบถามลูกสาวแล้ว ลูกสาวได้เล่าให้ตนฟังว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุล่อลวงให้ออกไปหา และได้ก่อเหตุขืนใจถึง 3 ครั้ง โดยย้ายสถานที่เกิดเหตุไปเรื่อย ๆ กระทั่งวันที่ 24 ส.ค.64 มีเพื่อนของลูกสาวมาบอกเหตุการณ์ดังกล่าวกับตน และตนสังเกตเห็นว่าลูกสาวมีอาการซึมเศร้า จึงสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ลูกสาวยอมบอกความจริง และก็ได้พาลูกสาวไปแจ้งความที่ สภ.พลับพลาชัย จ.บุรีรัมย์ ตำรวจเรียกทั้งสองฝ่ายมาไกล่เกลี่ย และกำชับว่าอย่าเพิ่งนำเรื่องนี้ไปบอกนักข่าว โดยเมื่อวานนี้ (17 ก.ย.64) ถ้าตนไม่ให้ข่าวกับนักข่าวในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ ก็คิดว่าครอบครัวของผู้ก่อเหตุ เขาคงไม่จ่ายเงินเยียวยาใช้ตนอย่างแน่นอน

114056

สำหรับสภาพจิตใจเด็กหญิง 13 ปี ตอนนี้ก็ดีขึ้นเล็กน้อย แพทย์ก็แนะนำให้ลูกสาวทานยาเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ และการติดเชื้อต่าง ๆ ในวันที่ 23 ก.ย.64 แพทย์ได้นัดให้ตนไปดูผลตรวจร่างกายลูกสาว ทั้งนี้ ลูกสาวยืนยันว่า ผู้ก่อเหตุที่ขืนใจมีประมาณ 10 คน และหนึ่งในนั้นมีชายอายุ 50 ปี ร่วมก่อเหตุด้วย แต่ผู้ก่อเหตุยอมรับแค่ 4 คนเท่านั้น บุคคลที่ยอมรับได้แก่ ด.ช.สังข์ นายแดน นายเอ็ม และ ด.ช.ดูด

704352

แม่ของผู้เสียหาย ให้ข้อมูลนอกรอบกับทีมข่าวว่า สำหรับผู้ก่อเหตุมีทั้งหมดรวม 10 คน ได้แก่ 1.ด.ช.สังข์ อายุ 13 ปี 2.นายแดน 3.นายเอ็ม อายุ 16 ปี 4.ด.ช.ดูด อายุ 13 ปี 5.นายมน อายุ 50 ปี 6.ชายไม่ทราบชื่อ อายุประมาณ 20 - 30 ปี 7.นายชุน 8.นายคิม 9.นายจอม และ 10. นายตง รวมทั้งหมด 10 คน

347310

ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมายังล้านป่าชัน ต.ป่าชัน อ.พลับพลาชัย จ.บุรีรัมย์ ได้พบกับนางแมว (นามสมมติ) ยายของนายแดน หนึ่งในผู้ก่อเหตุ กล่าวว่า เหตุที่เกิดขึ้นจากการสอบถามหลานชายเขาก็บอกว่าไม่ได้ก่อเหตุ ไม่รู้เห็นเหตุการณ์ ตอนเกิดเหตุเขาอยู่กับแฟนสาว และหลานชายก็ไม่ได้บอกว่าใครเป็นผู้ที่ลงมือก่อเหตุบ้าง

ทั้งนี้ตนก็ไม่รู้ว่านายแดน จะรู้จักกับฝ่ายผู้เสียหายหรือไม่ สำหรับหลานชายเป็นเด็กนิสัยปกติทั่วไป ไม่เคยมีเรื่องกับใคร เมื่อคืนนี้ (17 ก.ย.64) ตนก็ไปไกล่เกลี่ยกับครอบครัวผู้เสียหาย ซึ่งฝั่งผู้เสียหายเรียกเงินค่าเสียหาย จำนวน 150,000 บาท และตนก็ได้จ่ายไป จำนวน 15,000 บาท สาเหตุที่ยอมเสียเงินให้กับคู่กรณี เพราะไม่อยากให้หลานชายมีคดีติดตัว และอยากให้เรื่องจบโดยเร็ว

ต่อมาทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมายังบ้านของนายมน ชายอายุประมาณ 50 ปี ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัย โดยบ้านของนายมน ลักษณะเป็นกระท่อมไม้หลังเล็ก ด้านหน้าพบข้าวของเครื่องใช้ อาทิ เสื้อผ้า เตาไฟ ถังน้ำ และยังมีขวดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์วางกระจัดกระจาย ขณะลงพื้นที่ทีมข่าวก็ไม่พบนายมน อยู่บ้านแต่อย่างใด

762182

ทีมข่าวได้พูดคุยกับน.ส.ต้อยติ่ง (นามสมมติ) เพื่อนบ้านของนายมน ให้สัมภาษณ์ว่า ช่วงเดือนส.ค. 64 ที่ผ่านมา ตนเคยเห็น ด.ญ.โอ๋ ผู้เสียหาย มาเล่นที่บ้านของนายมน ในเวลากลางคืน โดยวันดังกล่าวก็เห็นนั่งพูดคุยกันประมาณ 5 คน มีผู้หญิง 2 คน และผู้ชาย 3 คน โดยทั้ง 5 คนก็นั่งพูดคุยหัวเราะกันเสียงดัง

ส่วนเรื่องก่อเหตุขืนใจนั้น ตนก็ไม่ได้ยินเสียงเด็กผู้หญิงขอความช่วยเหลือ ทราบแต่ว่าเช้าวันถัดมา นายมน มาบอกว่าเปลที่ผูกไว้หน้าบ้านขาด เท่าที่ตนรู้จักนายมน ก็คิดว่าเขาน่าจะไม่ได้ก่อเหตุ เพราะนายมน เป็นเหมือนคนสติไม่ดี โดยนายมน ก็อาศัยอยู่บ้านคนเดียว ไม่มีครอบครัว เนื่องจากภรรยาเพิ่งเสียชีวิตได้ 2 ปี ส่วนตัวแล้วก็ยังไม่ได้พูดคุยกับนายมน 

ทีมข่าวได้เดินทางต่อมายังบ้านของ ด.ช.สังข์ หนึ่งในผู้ที่มีรายชื่อร่วมก่อเหตุขืนใจ ด.ญ.โอ๋ ซึ่งเมื่อทีมข่าวลงพื้นที่ที่บ้านหลังดังกล่าว สังเกตได้ว่ามีคนอยู่ในบ้าน แต่ไม่มีใครออกมาให้ข้อมูลทีมข่าวแต่อย่างใด

970572

ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้พูดคุยกับนายเอ็ม หนึ่งในผู้ที่มีรายชื่อลงมือก่อเหตุขืนใจ โดยนายเอ็ม กล่าวว่า ตนไม่ได้ขืนใจ ด.ญ.โอ๋ แต่อย่างใด เพราะว่า ด.ญ.โอ๋ เป็นฝ่ายที่สมยอมเอง ซึ่งในวันที่ 18 ส.ค.64 ที่ผ่านมา กลุ่มของพวกตัว 4 คนได้ก่อเหตุจริง แต่ไม่ได้เป็นการขืนใจ ตนขอยืนยันว่าไม่ได้ก่อเหตุ 3 วัน 3 คืน ส่วนอีก 2 เหตุการณ์ที่เหลือ ตนไม่รู้ว่า ด.ญ.โอ๋ ไปถูกใครขืนใจที่ไหน

ส่วนนายมน ชายอายุ 50 ปี ตนก็ไม่รู้ว่าเขามีส่วนร่วมในการก่อเหตุหรือไม่ เพราะว่าตนไม่ค่อยสนิทกับเขา ในวันเกิดเหตุพวกตนไม่ได้ดื่มสุราแต่อย่างใด ตนดื่มแค่น้ำอัดลมเท่านั้น นั่งดื่มกันได้สักพัก ด.ช.ดูด ก็ไปรับ ด.ญ.โอ๋ มายังที่เกิดเหตุ หลังเกิดเหตุ แม่ของตนก็ได้ไปจ่ายเงินให้กับผู้เสียหาย แต่ตนก็ไม่รู้ว่าแม่จ่ายไปจำนวนเท่าไร ตนยอมรับว่าตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก

701662

ด้านนางมะลิ (นามสมมติ) ป้าของ ด.ช.ดูด ให้สัมภาษณ์ว่า จากการสอบถามหลานชาย เขาก็บอกว่าไม่ได้ก่อเหตุ เขาไปนั่งเล่นเกมในโทรศัพท์มือถือเฉย ๆ ส่วนด.ญ.โอ๋ เขาก็อยู่กับ ด.ช.สังข์ ซึ่งสองคนนั้นเขาสนิทกัน หลานชายยังบอกกับตนอีกว่า ไม่มีเรื่องรุมโทรมเกิดขึ้นแต่อย่างใด ตนจึงเชื่อว่าหลานชายยังบริสุทธิ์ แต่ที่ยอมจ่ายเงินให้ฝ่ายหญิงก็เพราะอยากให้เรื่องจบเร็ว ๆ หลังเป็นข่าว ด.ช.ดูด เขาก็ร้องไห้เสียใจ และยืนยันคำเดิมว่าไม่ได้ก่อเหตุ ปกติแล้วหลานชายตนเป็นคนดี เล่นแต่เกม ตอนนี้ครอบครัวของตนก็รู้สึกเครียดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส