รพ.สุราษฎร์ธานี แถลงเสียใจ รถพยาบาลถอยหลังทับหญิงดับ หลังมาบริจาคเลือด

17 ก.ย. 64

ผอ.รพ.สุราษฎร์ธานี แถลงแสดงความเสียใจกับทุกฝ่ายจากอุบัติเหตุรถพยาบาลถอยหลังทับหญิงตาย ยืนยันไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ติดต่อช่วยเหลือและคุยกับญาติตั้งแต่วันแรก พร้อมหารือวางแนวทางป้องกันอุบัติเหตุเพิ่มเติม

จากกรณี น.ส.เสาวณีย์ อรชร อายุ 36 ปี อดีตพนักงานบริษัทมือถือค่ายหนึ่งใน จ.สุราษฏร์ธานี เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถรับ-ส่งผู้ป่วยทับร่างขณะเดินทางกลับจากบริจาคเลือด ก่อนที่ญาติจะรับศพกลับไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด จ.นครศรีธรรมราช ในช่วงวันจันทร์ที่ผ่านมานั้น และทางผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงพยาบาลสุราษฎร์ธานีได้ออกมาชี้แจงเบื้องต้นไปเมื่อช่วงวันที่ผ่านมาแล้วนั้น โดยในช่วงวันจันทร์ที่เกิดเหตุเวลาประมาณ 10.30 น. ขณะที่รถตู้ฉุกเฉินรับ-ส่งผู้ป่วยโควิค-19 ได้เข้ามาส่งผู้ป่วยเสร็จสิ้นและกำลังออกไปรับผู้ป่วยรายใหม่ ขณะที่กำลังถอยรถออกจากจุดรับส่งซึ่งมีรถจอดอยู่หลายคันทำให้ต้องถอยยาวด้วยข้อจำกัดของสถานที่ ขณะนั้นผู้เสียชีวิตได้เดินลงมาจากตึกและเดินหันหลังให้รถคันที่ชนตรงจุดอับที่คนขับไม่สามารถมองเห็นได้ประกอบกับการใส่ชุดป้องกันโควิดเต็มรูปแบบยิ่งทำให้เป็นอุปสรรคส่วนหนึ่งในการขับขี่แต่ก็จำเป็นในสถานการณ์เช่นนี้

1631861961160

อีกทั้งบริเวณดังกว่ามีเครื่องจักรทำงานเสียงดังอาจทำให้คนที่เดินไม่ได้ยินเสียงรถที่ถอยมาอย่างช้าจนทับร่างเข้าไปอยู่ใต้ท้องรถ จากนั้นจึงใช้ความพยายามช่วยผู้บาดเจ็บที่ขาหักและบาดเจ็บที่สมองมาดำเนินการช่วยทำซีพีอาร์นานร่วม 30 นาทีแต่ไม่ตอบสนองจึงแจ้งญาติให้รับทราบและพูดคุยเรื่องการเยียวยาโดยใช้เงินประกันที่ทางโรงพยาบาลจ่ายเพิ่มเติมเพื่อให้ได้ความคุ้มครองที่สูงแต่เงินจำนวนเท่าไรก็ไม่คุ้มค่ากับหนึ่งชีวิตที่เสียไป ซึ่งญาติขอที่ 3 ล้านบาทแต่ทาง รพ.ก็แจ้งให้ทราบถึงความจำเป็นว่า รพ.ไม่ได้มีงบเยียวยามากขนาดนั้น ก่อนจะตกลงทำสัญญารับเงินเยียวยาที่ 1.5 ล้านบาท ซึ่งได้จากเงินประกันและจาก รพ.อีกหนึ่งส่วน พร้อมดำเนินการอำนวยความสะดวกส่งร่างผู้เสียชีวิตไปบำเพ็ญกุศลศพที่บ้านให้เร็วที่สุด

1631861343036

ล่าสุด นายแพทย์ศักดิ์ชัย ตั้งจิตวิทยา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี พร้อมด้วยนายแพทย์สมศักดิ์ นิลพงศ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ได้ออกมาให้ข้อเท็จจริงในอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นอีกครั้ง โดยนายแพทย์ศักดิ์ชัยเปิดเผยว่า ในกรณีที่เกิดขึ้นที่ไม่ได้มีการแถลงข่าวนั้น เนื่องจากเป็นความสูญเสียที่ส่งผลกระทบถึงจิตใจของญาติผู้สูญเสียและพนักงานขับรถที่ไม่ได้ต้องการให้เกิดเหตุร้ายจนทำให้เกิดการเสียชีวิตเช่นนี้ แต่หลังจากมีการให้ข้อมูลในสื่อสังคมโซเชียลไปต่างๆ นานาจนสร้างภาพลักษณ์ที่ไม่ดีและเกิดการเข้าใจผิดในสังคม ทางโรงพยาบาลต้องขอยืนยันว่าติดต่อรับผิดชอบต่ออุบัติเหตุที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันแรก ไม่ได้นิ่งนอนใจ และประสานทางประกันภัยให้เร่งดำเนินการจ่ายเงินเยียวยาให้กับญาติโดยเร็ว เพราะจริงๆ แล้วรถยนต์ของราชการส่วนใหญ่จะไม่มีระบบประกันภัยแต่ทาง รพ.ก็ต้องหาเงินมาทำเพื่อให้ได้สิทธิ์การคุ้มครองในกรณีเกิดอุบัติเหตุเช่นนี้ ส่วนของอนาคตได้หารือกับแผนกดูแลความปลอดภัยภายในสถานที่จัดระบบการรับ-ส่งผู้ป่วย รวมถึงขั้นตอนอื่นๆ ภายใน รพ.เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุให้มากที่สุด

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ