เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 16 ก.ย. 64 พ.ต.ท.ธนัญชัย นวลนิรันดร์ รอง ผกก.ปพ.บก.สส.ภ.8 นำกำลังเข้าจับกุมตัวนายไสว ขันผักแว่น อายุ 60 ปี อดีตนายก อบต.โพธิ์กลาง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครราชสีมา ข้อหาฆ่าคนตาย
หลังก่อเหตุยิงนางวนิดา เสตะปุตตะ หรือ สจ.หมู อดีต ส.อบจ.เขต 5 จ.นครราชสีมา คนสนิทของนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรคชาติพัฒนา เสียชีวิตพร้อมเจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชนเมื่อปี 54 แล้วหนีมากบดานในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี ด้วยทำงานก่อสร้าง กับบริษัทรับเหมารายหนึ่ง โดยเจ้าหน้าหน้าที่สามารถเข้าควบคุมตัวได้ขณะนำรถยนต์ของบริษัทมาปะยาง ที่ร้านซ่อมริมถนนธราธิบดี เขตเทศเมืองท่าข้าม อ.พุนพิน
สืบเนื่องจาก เมื่อเวลา 06.30 น. วันที่ 20 พ.ค. 54 ขณะนั้นนายไสวดำรงตำแหน่ง นายก อบต.โพธิ์กลาง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ได้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงภรรยาของตัวเองคือ นางวนิดา เสตะปุตตะ หรือ สจ.หมู อายุ 49 ปี ส.อบจ.เขต 5 จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นคนสนิทของนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรคชาติพัฒนา เสียชีวิตพร้อมนายเจษฎา เสตะปุตตะ อายุ 29 ปี เจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชน อบต.บ้านเกาะ ลูกชายของ สจ.หมู รวม เป็น 2 ศพ แล้วหลบหนีไป เหตุเกิดภายในร้านอาหารบ้านลานตะวันถนนเดชอุดม ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา
วันที่ 16 ก.ย. 64 นางสาวชุติมา เสตะปุตตะ อายุ 61 ปี พี่สาวของผู้ตาย เปิดเผยทางโทรศัพท์ว่า หลังเกิดเรื่องครอบครัวไม่สามารถติดต่อทางผู้ก่อเหตุได้ กระทั่งมาถูกจับได้ กรณีที่ผู้ก่อเหตุให้ข่าวว่าป้องกันตัว แต่ก่อเหตุฆ่าน้องสาวของตน และลูกชายจะวิ่งมาช่วยก็ถูกยิง 6 นัดซ้อน น้องสาวที่ถูกยิงแต่ยังไม่เสียชีวิตก็คลานมากอดลูก และถูกยิงซ้ำ ตนมองว่าไม่ใช่การป้องกันตัวเอง หลังก่อเหตุ ผู้ก่อเหตุได้บอกน้องสาวของพ่อตนว่าให้โทรหาตน เพื่อที่จะให้ตนเข้าไปและฆ่าตนอีก อีกทั้งเมื่อก่อเหตุยิงเสร็จ ได้ล็อกห้องขังศพผู้ตายไว้ กระทั่งวลา 5.00 น. ของอีกวัน ตนกับแม่มาที่ร้านและเกิดสังหรณ์ใจจึงปีนห้องดู และพบภาพศพแม่นั่งกอดลูกชายอยู่ และพบจดหมายซึ่งสิ่งที่เขียนไว้ กับสิ่งที่ให้ข่าวคนละเรื่องกัน โดยเขียนจดหมายสารภาพไว้ 5 แผ่น ปัจจุบันเป็นหลักฐาน น่าจะอยู่ที่ตำรวจ ทั้งพ่อและแม่รับไม่ได้ แม่เครียดจนเส้นเลือดในสมองแตก ส่วนพ่อเสียใจจนควบคุมสติไม่ได้ และปัจจุบันนี้ทั้งคู่เสียชีวิตแล้ว
ด้านนายขุนพล ขันผักแว่น อายุ 71 ปี พี่ชายคนโตของผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า นายไสวไม่ค่อยเล่าอะไรให้ฟัง แต่ก่อนเกิดเรื่องตนทราบว่าทั้งคู่ทะเลาะกันอยู่บ่อยครั้ง และนายไสวเคยหนีไปบวชอยู่ครั้งหนึ่ง ซึ่งตนก็เตือนว่าถ้าจะเลิกกัน ก็ให้จบกันไปเลย เท่าที่ตนทราบ ทั้งคู่มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องสมบัติกัน ส่วนเรื่องชู้สาวคาดว่าน่าจะไม่ใช่ ตั้งแต่เกิดเรื่องนายไสวไม่เคยติดต่อมาหาเลย เพราะปกติแล้วก็ไม่ค่อยได้พูดคุยกัน จึงไม่มีใครทราบว่าหนีไปอยู่ที่ไหน แม้แต่จุดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไปจับได้ ตนก็ไม่เคยทราบว่ามีเพื่อนฝูง
นายไสวเป็นคนที่นิสัยดี สาเหตุที่ทำไป ตนเชื่อว่าทำไปเพราะป้องกันตัวเอง เพราะฝั่งผู้ตายใช้ไม้เบสบอลตีจนแขนของน้องชายแขนหัก ถ้าไม่ทำ นายไสวก็คงเป็นฝ่ายที่เสียชีวิต
อย่างไรก็ตาม ตนรู้สึกเสียใจกับครอบครัวของผู้ตายที่น้องชายไปก่อเหตุเช่นนั้น ถึงแม้ว่าน้องชายไม่ค่อยเอาพี่เอาใคร แต่ก็ยังเป็นน้องชายของเราอยู่วันยังค่ำ และตลอด 10 ปีที่หายไปตนก็รู้สึกเป็นห่วงมาก ทั้งนี้ ตนขอบคุณอมรินทร์ทีวีมาก เพราะลูกสาวเคยเสียชีวิตในเคสกราดยิงโคราช และทีมข่าวอมรินทร์เป็นทีมงานเดียวที่มาช่วยทำข่าวให้