พิศวงสาวเดินหายขึ้นแท็กซี่ เผยหลอนผีตามฆ่า แฟนเก่าเชื่อเครียดยืนไหว้ศาล (คลิป)

จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก "บิ๊กเกรียน" ลงเรื่องราวตามหาน.ส.รุ่งอรุณ หรือ ริน อายุ 32 ปี ได้หายตัวออกจากคอนโดที่พักย่านลาดพร้าว โดยระบุไทม์ไลน์คนหาย คือวันที่ 31 สิงหาคม 2564 พบว่าก่อนนางสาวรินหายได้ไป ได้มีการยืนไหว้ต้นไม้หน้า สน.ทองหล่อ และมีอาการหูแว่วได้ยินเสียงแปลก ๆ พูดคนเดียวตลอดเวลา

จนกระทั่ง วันที่ 1 กันยายน 2564 ไปไหว้พระที่วัดท่าไม้ อาการเริ่มดีขึ้น วันที่ 2 กันยายน 2564 อาการหูแว่วหายแล้ว ขอไปหาที่พักในกรุงเทพฯ วันที่ 3 กันยายน 2564 เช่าห้องพักที่คอนโดฯ ย่านลาดพร้าวซอย 119

วันที่ 4 กันยายน 2564 ตอนเช้าขอค่ามัดจำคอนโดฯ คืน บอกกับนิติคอนโดฯว่า ไม่สามารถอยู่ที่คอนโดได้ เนื่องจากมีสิ่งลี้ลับตาม ก่อนขนของย้ายออกเรียกแท็กซี่เขียว-เหลืองออกจากคอนโด ไปลงบริเวณกลางซอยลาดพร้าว 12 และหายตัวไป ติดต่อไม่ได้จนถึงปัจจุบันนั้น

ล่าสุด วันที่ 16 ก.ย. 4 น.ส.มุกดา เคหวัตร หรือ อ้อย พี่สาวคนโตของนางสาวริน คนหาย เปิดเผยว่า นางสาวริน น้องสาวของตนเองเริ่มมีอาการที่บ่งบอกถึงสัญญาณว่าป่วยจิต หรือเริ่มอาการไม่ดี ช่วงตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม 2564 มีลักษณะคุยคนเดียว ยิ้มคนเดียว และใช้ชีวิตโดยลำพัง ไม่คุยหรือสื่อสารกับใคร นอกจากตัวของนางสาวรินเอง และตนเองได้มีโอกาสถามน้องสาวช่วงก่อนที่จะหายตัวไป ยอมรับว่าในร่างมี 2 ริน คือ ริน 1 เป็นตัวของน้องสาวเอง ส่วนริน 2 เป็นแฟนหนุ่มที่มาอยู่ในร่าง

โดยทุกครั้งที่คุยหรือสื่อสารคนเดียวก็เป็นการคุยระหว่างริน 1 กับริน 2 แล้วตัวเองยังได้ถามน้องสาวว่า ริน 2 คือใคร เคยได้รับคำตอบ เป็นแฟนคนใหม่ ซึ่งอยู่ต่างประเทศเป็นหนุ่มแคนาดา แต่เมื่อตนเองขอดูหลักฐานการคุย หรือภาพถ่ายของแฟนหนุ่มชาวแคนาดา ตัวของน้องสาวก็ปฏิเสธที่จะเอามาให้ดู เพราะตนเองก็รู้อยู่แล้วว่าไม่ได้มีตัวตนอยู่จริง แต่ก็ไม่คิดว่าอาการของน้องสาวจะหนักถึงขั้นนี้

จากนั้นน้องสาวก็มาเล่าให้ตัวเองฟังว่า ไม่สามารถอยู่ที่คอนโดได้ เพราะมีผีตาม มีสิ่งที่มองไม่เห็นพยายามมาทำร้าย ตนเองจึงได้พานางสาวรินไปรถน้ำรับพรจากพระที่วัดท่าไม้ หลังจากกลับมาก็พบว่าน้องสาวมีอาการดีขึ้น จึงได้ให้น้องสาวกลับไปอยู่ที่คอนโดย่านลาดพร้าว 130 เหมือนเดิม แต่ในเช้าวันรุ่งขึ้น น้องสาวก็มาบอกให้ตนเองทราบว่าเจ้าตัวไม่สามารถอยู่ที่คอนโดที่ลาดพร้าว 130 ได้ เพราะมีผีมาตาม ทำให้อยู่ไม่เป็นสุข จะขอย้ายไปอยู่ที่อื่น ทำให้ในวันที่ 3 กันยายน 2564 น้องสาวแอบไปติดต่อกับคอนโดแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว 119 ขอเช่าห้องแบบรายเดือน หลังจากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อน้องสาวได้อีก ซึ่งก็ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหน

ทั้งนี้ ตนเองทราบว่าน้องสาวแอบไปไหว้พระสงฆ์รูปหนึ่ง ทราบชื่อว่า "พระอาจารย์หนู" น้องสาวได้นำเงินจำนวน 1,000 บาทไปถวาย และได้รับพระพุทธรูปมาจำนวน 7 องค์ องค์ใหญ่ 1 องค์หน้าตัก 7 นิ้ว องค์เล็กหน้าตัก 5 นิ้ว อีก 6 องค์ โดนได้นำมาตั้งเรียงเอาไว้ภายในคอนโด

สำหรับสาเหตุที่ทำให้น้องสาวสติหลุดหรือมีอาการหนักขึ้น ตนเองก็ยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง เพราะโดยปกติน้องสาวจะเป็นคนที่เก็บกดหรือมีเรื่องอะไรแล้วไม่บอกใคร ไม่ทราบว่าจะเกี่ยวข้องกับการคบหากับนายพงษ์ อายุ 25 ปี แฟนหนุ่มชาวจังหวัดตรังหรือไม่

ด้านนายพงษ์ อายุ 25 ปี อดีตแฟนหนุ่มของนางสาวริน ปัจจุบันอาศัยอยู่บ้านที่จังหวัดตรัง เปิดใจผ่านทางโทรศัพท์ว่า ตนเองติดต่อกับนางสาวรินครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2564 โดยยอมรับว่าก่อนหน้านี้ตนเองกำลังสารินคบหาเป็นแฟนกันได้ประมาณ 1ปี ซึ่งรู้จักกันที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง หลังจากที่คบหากันก็ได้ตัดสินใจลาออกจากงานหลักมาทำงานส่วนตัว แต่หลังจากเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา ตนเองกับนางสาวรินก็ได้เลิกกัน ซึ่งก่อนที่จะเลิกกัน พ่อของตนเองป่วย เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลจังหวัดตรัง ตนเองได้เดินทางกลับจากกรุงเทพฯ เพื่อไปดูแลพ่อ เป็นช่วงสภาวะโควิด-19 จึงอยู่ในช่วงกักตัว ไม่ได้กลับมาที่กรุงเทพฯอีก

วันเดียวกันกับที่พ่อของตนเองเสียชีวิต นางสาวรินก็โทรมาบอกเลิก ยอมรับว่าที่ผ่านมาตนเองกับนางสาวรินก็ทะเลาะกันหลายครั้ง เหมือนมีเรื่องทะเลาะกันมาพักหนึ่งแล้ว เหตุผลที่ทำให้ถูกบอกเลิก เป็นเพราะนางสาวรินต้องการให้ตนเองโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นกว่าเดิม แต่ด้วยอายุของตนเองเพียง 25 ปี ห่างจากนางสาวรินเกือบ 7 ปี เจ้าตัวปัจจุบันอายุ 32 ปี ทำให้ความคิดบางอย่างอาจจะโตไม่เท่ากัน แล้วบล็อกเบอร์โทรศัพท์ ช่องทางการติดต่อเกือบทั้งหมด ถึงแม้กระทั่งช่วงระยะหลังตัวเองทักไปหาเจ้าตัวก็ยังไม่อ่านข้อความ

ทั้งนี้ ตนเองเพิ่งจะทราบข่าวล่าสุดว่าเจ้าตัวเหมือนสติหลุด และคล้ายคนมีปัญหาทางสมอง ตอนที่คบหาหรือรู้จักกันเจ้าตัวไม่เคยมีพฤติกรรมแบบดังกล่าว ไม่เคยพูดจาคนเดียว ทุกอย่างเป็นปกติ แต่ก็ไม่รู้เหตุผลว่าหลังจากที่เลิกรากับตนเองแล้วเจ้าตัวเกิดอาการป่วย หรือมีอาการทางจิตหรือไม่ ส่วนพฤติกรรมเรื่องของการเชื่อเรื่องไสยศาสตร์หรือสิ่งลี้ลับ เจ้าตัวเป็นคนที่เชื่อเรื่องของไสยศาสตร์หนักมาก และเป็นคนชอบทำบุญ เจ้าตัวก็เคยเล่าว่ามีผีตามแม่ ทำให้แม่ประสบอุบัติเหตุด้วย

ทีมข่าวเดินทางย้อนกลับไปที่ด้านหน้าโรงพัก สน.ทองหล่อ ทราบข้อมูลว่าในวันที่ 31 สิงหาคม 2564 นางสาวรินมีอาการหนักขึ้น และเริ่มมีอาการหลุด ไปไหว้ต้นไม้ที่ด้านหน้าโรงพัก พร้อมทั้งศาลที่ตั้งอยู่หน้า สน.ทองหล่อ

นายศรยุทธิ์ และเลิศผล หรือ หนุ่ม อายุ 58 ปี ภารโรงของโรงพักทองหล่อ พาทีมข่าวไปดูต้นหว้า 2 ต้นคู่ อยู่บริเวณด้านหน้าโรงพักเล่าว่า ในวันนั้นตัวเองจำได้ว่ามีผู้หญิงหน้าตาดีแต่งกายดี มาที่หน้าโรงพัก แต่มีพฤติกรรมแปลกมายืนไหว้ต้นหว่า ตนเองก็งงว่าทำไมต้องไปไหว้ต้นไม้ ทั้งที่ไม่ใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ หลังจากที่ไหว้เสร็จแล้ว ก็เดินไปยืนไหว้ศาลพ่อปู่เทพมงคล เหมือนไปบ่นพรึงพรำ และขอพรอะไรบางอย่าง ก่อนที่จะถือของพะรุงพะรังเดินหายไป ซึ่งทราบในเวลาต่อมาว่าตำรวจได้มีการประสานกู้ภัยให้ติดต่อญาติและนำกลับไปส่งบ้านย่านลาดพร้าว แต่วันนั้นตนเองก็ไม่รู้เพราะไม่ได้คุยอะไรกันมากนัก แต่ยอมรับมีความสงสัยอยู่บ้างว่าลักษณะการแต่งตัวก็ดี น่าตาก็ดี แต่ทำไมถึงมีพฤติกรรมเช่นนี้ ก็คิดว่าคงจะเหมือนคนทั่วไปที่มาไหว้ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วไปเท่านั้น ตนเองในฐานะคนที่เป็นคนเก่าแก่ที่อยู่กับโรงพักที่นี่มานาน ยืนยันว่าต้นหว้าต้นดังกล่าวไม่ได้มีเรื่องของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และไม่ได้มีโบว์ 3-7 สีผูกติดต้นไม้เอาไว้ จึงเป็นเรื่องแปลกที่มีคนมาไหวั

ส่วนตัวได้เห็นพระพุทธรูปที่อยู่ในห้องนอนของนางสาวริน ก็เชื่อว่าเป็นพระพุทธรูปที่เจ้าตัวไปเก็บเอามาตามต้นไม้หรือศาลเก่า เพราะไม่ใช่พระพุทธรูปที่บูชามาจากวัดอย่างแน่นอน ดังนั้นถ้าหากตัวของนางสาวรินมีการเก็บเอาพระเก่าหรือพระที่เขาทิ้ง เอามาไว้ภายในบ้าน ก็จะเป็นเรื่องไม่ดี ยิ่งเจ้าตัวมีอาการเครียดจากความรักที่ไม่สมหวัง อาจจะอยู่ในขั้นที่ทำให้เครียดหนัก แล้วนำเอาของไม่ดีเข้าบ้าน ก็จะทำให้ของเหล่านั้นเข้าตัว กลายเป็นคนสติไม่ดี เพราะตัวเองยังมีความเชื่อแบบนั้น