เปิดปมแค้น! หัวหน้ายามบุกยิงลูกน้องดับคาป้อมฉุนโดนออกงาน สลดแม่ปล่อยโฮกอดศพลูก (คลิป)

16 ก.ย. 64

เมื่อเวลาประมาณ 05.30 น. ของวันที่ 16 ก.ย. 64 เกิดเหตุเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ถูกยิงเสียชีวิตคาป้อม ทราบชื่อคือ นายรณกร พงษ์สุด หรือ เฟิร์ส อายุ 21 ปี ถูกนายจีรวัฒน์ โอภาสสถาพร หรือ เล็ก อายุ 58 ปี อดีตหัวหน้า รปภ. ใช้อาวุธปืนยังไม่ทราบขนาดยิงเสียชีวิต ขณะนั่งปฏิบัติหน้าที่อยู่บนเก้าอี้ในป้อม บริเวณหน้าหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ย่านเมืองเอก จ.ปทุมธานี

535654902033

ร.ต.อ.อนันต์ นามโภชน์ ร้อยเวรสอบสวน สภ.ปากคลองรังสิต พร้อมด้วยแพทย์นิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู ได้รับแจ้งจึงตรวจสอบร่างผู้เสียชีวิต พบถูกยิงเข้าที่บริเวณลำคอด้านซ้าย 1 นัด หน้าอกฝั่งซ้าย 1 นัด ก่อนนำศพส่งไปชันสูตรโดยละเอียดอีกครั้งที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ รพ.ธรรมศาสตร์ รังสิต

756320

ล่าสุด ทีมข่าวลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ พบ รปภ.กำลังทำความสะอาด ล้างเลือดในป้อมหน้าหมู่บ้าน ซึ่งมีรอยเลือดอยู่ 3 จุดคือ บนพื้นกระเบื้องในป้อม ผนัง และประตูบานเลื่อน

;0ixbf

นายกรุงศรี อัปปะระทัง หัวหน้า รปภ. เล่าว่า เหตุเกิดขึ้นเวลาประมาณ 05.00 น. ขณะที่ตนเองกับผู้ตายปฏิบัติหน้าที่อยู่ภายในป้อมหน้าหมู่บ้าน ผู้ก่อเหตุสวมเสื้อสีขาว นุ่งกางเกงขาสั้น ขี่รถจักรยานยนต์สีน้ำเงิน-ดำ มาจอดหน้าป้อมก่อนจะเดินเข้ามาภายในป้อมแล้วบอกกับตนว่า "เห้ย มึงออกไปอยากมีเรื่องไหม" ซึ่งตนคิดว่าคงแค่จะมาตบตีกันธรรมดาเพราะไม่เห็นปืน

983987

จากนั้นตน ตนจึงเดินออกมาอยู่หลังป้อมห่างมาประมาณ 8 เมตร ก่อนผู้ก่อเหตุจะเดินเข้าไปและปิดประตูป้อมเข้าไปหาผู้ตายที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ในป้อม และเกิดเสียงดังขึ้น 1 ครั้ง ตนคิดว่าประทัด แต่ตอนนั้นก็ใจไม่ดีคิดว่ามีปัญหากันอีกแน่ และผู้ก่อเหตุก็ออกมาพูดกับตนอีกว่า "ไม่เกี่ยว ไม่ต้องเข้ามายุ่งนะ" ก่อนมีเสียงดังขึ้นเป็นครั้งที่ 2 ตนเองวิ่งไปดู ซึ่งส่วนกับผู้ก่อเหตุออกมาจากป้อมแล้วขี่รถจักรยานยนต์หนีไปทางห้องเช่า ซึ่งตนเมื่อตนเข้าไปในป้อมก็พบว่าเพื่อนร่วมงานถูกยิง ตกใจจึงวิ่งไปหาเพื่อนรปภ.ที่หมู่บ้านใกล้กัน รีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ ซึ่งกว่าร่วมกตัญญูจะมา กว่าตำรวจจะมา คนเจ็บก็เสียชีวิตแล้ว

cg-1

ทั้งนี้ ตนเครียดมากเป็นหัวหน้าแต่ปกป้องลูกน้องไม่ได้เลย ตนยันยันว่าไม่รู้ว่าผู้ก่อเหตุมีปืน การกระทำครั้งนี้ไม่ให้เกียรติกันเลย ก่อเหตุยิงในระยะเผาขน เป็นการจ่อเข้าที่ต้นคอ และจ่อเข้าหน้าอก สำหรับตนมาปฏิบัติหน้าที่ต้นเดือนกรกฎาคม ตอนนั้นรับมอบเป็นรปภ. โดยทำงานคู่กับรปภ.อีกคน แต่จะเห็นผู้ตายสนิทกับผู้ก่อเหตุ เห็นกินข้าวด้วยกัน ผู้ตายมักไปรับมาส่งผู้ก่อเหตุ เพราะก่อนหน้านี้ทั้งคู่เข้ากะคู่กัน ต่อมาวันที่ 18 ก.ค. 64 ทั้งคู่มีปัญหากัน และไม่ยอมกันจนผู้ก่อเหตุใช้อาวุธมีดฟันผู้ตาย ทำให้ผู้ก่อเหตุถูกเชิญออกทันที จากนั้นตนก็รับตำแหน่งหัวหน้าแทนผู้ก่อเหตุ

ส่วนนิสัยผู้ตายเป็นคนทำงานดี ลูกบ้านชอบและชื่นชม ด้านผู้ก่อเหตุเป็นคนนิสัยขี้โวยวาย และมีปัญหากับลูกบ้านบ่อยครั้ง จนลูกบ้านไม่เอา และร้องเรียนผู้จัดการ ก่อนมีการออกใบเตือน 2 ครั้ง จนมีเหตุถูกให้ออก อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่าผู้ก่อเหตุคงไม่มามอบตัว ตนจึงอยากบอกผู้ก่อเหตุแค่ว่า "หัวหน้ามามอบตัวเถอะ เวรกรรมมีจริง ไม่ต้องไปถึงชาติหน้า"

210335

ด้านนายรุ่งโรจน์ พงษ์สุด อายุ 43 ปี พ่อผู้ตาย เปิดเผยว่า ตนไม่ค่อยได้คุยกับลูก เพราะตนทำงานเช้ากลับมืด ยิ่งลูกทำงานกลางคืนก็ไม่ค่อยเจอ เมื่อคืนก็ทำงาน แม้เป็นวันเกิดตนแต่ก็ต่างคนต่างทำงาน ตนรู้ว่าลูกรักตน เพราะลูกจะบอกตลอดว่าน้องก็จะบอกรักพ่อ ไม่ว่าจะวันพ่อหรือวันสำคัญก็บอกรักกัน โดยเฉพาะวันนี้วันเกิดตน จริง ๆ ก็ว่าจะซื้ออะไรมากิน แต่ปีนี้ต้องมาจัดงานศพให้ลูก ซึ่งก็พูดไม่ออกเหมือนกัน ส่วนเรื่องทำงานแม้ไม่ได้อยู่ใกล้ลูกแต่รู้ว่าลูกทำงานดี กลับบ้านมาลูกบ้านให้ของกลับมากินตลอด

ส่วนเรื่องที่ทะเลาะกันมาก่อนมันก็เล็กน้อย ตนรู้แค่ว่าทั้งคู่ทำงานด้วยกัน และผู้ก่อเหตุหลับ ลูกจึงไปปลุกให้มาช่วย แต่กลับโมโหคว้ามีดมาฟันลูก จึงโดนไล่ออก ซึ่งจริง ๆ เรื่องนี้ก็ไม่ใช่เพราะลูกตนด้วยซ้ำ เพราะผู้ก่อเหตุมีพฤติกรรมไม่ดี ซึ่งตนไม่ได้ว่าหรือเอามาพูดเอง แต่รู้มาว่าบริษัทจะให้ออกหลายครั้งแล้ว ลูกบ้านก็ไม่ชอบ ดังนั้นไม่เกี่ยวกับปัญหาที่มีกับลูกตน เพราะทะเลาะกันก็จบกันไป ลูกไม่ชอบให้ใครเอาเปรียบ ลูกบ่นเหนื่อยเสมอที่ร่วมงานกับอดีตหัวหน้า รปภ. ตนก็บอกให้ลูกอดทนและระวังตัว

ซึ่งวันที่ผู้ก่อเหตุขู่ไว้ ตนก็รู้แค่ไม่ยอมความกันจึงให้ลูกระวังตัว และตนไม่คิดเลยว่าสุดท้ายจะจบแบบนี้ อีกอยากผู้ก่อเหตุคงได้ใจด้วยที่ครั้งนั้นตำรวจไม่ได้จัดการ ทำให้คนร้ายไม่ได้กลัวหรือสำนึก เพราะถ้าจัดการจับไปลูกคงไม่ตาย สำหรับตนคิดว่าลูกคงมีบุญแค่นี้ เสียใจ แต่ไม่อยากให้ลูกทุกข์อยากให้ลูกไปสบาย ส่วนคนทำก็ให้รับกรรมที่ก่อเวรกรรมมีจริง หากตนทำอะไรไปก็เข้าตัวเองอยู่ดี อยากให้ตำรวจจับให้ได้ไว ๆ ตนจะได้ถามว่า "แค่ทะเลาะกันไม่ได้มีอะไรมากมายทำไมต้องฆ่ากัน ลูกตนไม่มีโอกาสสู้เลย"

136880

ด้านนายอนุรักษ์ เพิ่มโพธิ์กลาง อายุ 26 ปี รปภ. ที่สนิทกับผู้ตาย เปิดเผยว่า น้องมาทำงานได้ 1 ปีเต็ม เป็นคนตั้งใจทำงาน รับผิดชอบงานดี จนลูกบ้านรักและชื่นชม ยอมรับว่าทั้งคู่มีปัญหากันจริงเมื่อ 2 เดือนก่อน แต่ตนไม่รู้รายละเอียด ผู้ก่อเหตุนิสัยเป็นคนอารมณ์ร้อน และอายุเยอะจึงหงุดหงิดง่ายตามวัย แต่หลังมีปัญหากันก็ต่างคนต่างอยู่ โดยเฉพาะผู้ก่อเหตุไม่ได้วกกลับมาวิวาทกันอีก ส่วนผู้ตายก็จบไม่ได้เอาเรื่อง ทุกคนที่ทำงานก็คิดว่าจบกันแล้ว

ซึ่งก่อนเกิดเหตุในเย็นวันที่ 15 ก.ย. 64 ผู้ตายอยู่เวรกลางคืนเป็นคืนสุดท้าย และวันที่ 16 ก.ย. 64 จะต้องเข้าเวรกลางวัน แต่ผู้ตายมาขอให้ตนไปทำงานแทนในช่วงเที่ยงเป็นต้นไป เพราะจะพาแม่ไปหาหมอ และเป็นวันเกิดของพ่อ จากนั้นเช้ามืดตนตื่นขึ้นมาหน้าหน้า รปภ.บอกให้ตนมารับเวรแทนน้องผู้ตาย เพราะน้องเสียแล้ว ตอนนั้นตนก็ตกใจมาก ตนคิดว่าน้องโดนยิงข้างนอก ไม่คิดว่าถูกอดีตหัวหน้า รปภ. มายิงถึงป้องขณะปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งตนคิดว่าผู้ก่อเหตุคงแค้นที่ถูกให้ออกจากงาน

776380

ล่าสุด ที่วัดรังสิตหลังครอบครัวเดินทางไปรับศพนายรณกรมาที่วัด มีการจัดพิธีรดน้ำศพเมื่อเวลา 16.00 น. นางลำปาง แดงนา แม่ผู้ตาย ร่ำไห้ขณะรดน้ำศพลูก ก่อนกอดและหอมแก้มเป็นครั้งสุด เช่นเดียวกันนายรุ่งโรจน์ พงษ์สุด พ่อผู้ตาย รดน้ำศพลำดับรองสุดท้าย ก่อนจูบที่หน้าผากของลูก และน้องสาวรดน้ำศพพี่ชาย ก่อนกอดพี่ชายและร้องไห้ โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า

591502

นางลำปาง แดงนา อายุ 40 ปี แม่ผู้ตาย เปิดเผยว่า เรื่องลูกโดนอดีตหัวหน้าร ปภ. ฟันที่นิ้วชี้ข้างซ้ายตอนแรกน้องไม่บอก แต่ตนมารู้ทีหลัง จึงพาหาหมอและก็ไปแจ้งความ และจำได้ว่าผู้ก่อเหตุพูดว่า "เรื่องนี้กูไม่จบ กูจะเอาให้มึงตาย มึงเตรียมดูข่าวได้เลย" ลูกก็ยังบอกว่า "ถ้ามันเอาหนูถึงตายทำไง" ตนเลยพาลูกแจ้งความไว้ เพราะถ้าเป็นอะไรก็คือชายคนนี้เป็นคนทำ ซึ่งจากนั้นทุกคนก็ตายใจ ตนก็ไม่ได้ให้น้องย้ายงาน และน้องไม่อยากเปลี่ยนงานด้วย แต่คดีนั้นเงียบไป ซึ่งตำรวจไม่ได้ดำเนินเรื่อง จึงเป็นเหตุให้คนร้ายวนกลับมาทำร้ายลูกตน

ตนยังไม่คิดเลยว่าลูกทะเลาะกับอดีตหน้าหน้าทำไม เพราะจริง ๆ ทั้งคู่สนิทกัน พูดด่ากันหยอกกันธรรมดามาก อีกอย่างวันที่ลูกไปเกณฑ์ทหารก็ยังไปให้กำลังใจกัน ไปแก้บนพร้อมกัน และมาล่าสุดลูกก็พาไปฉีดวัคซีนไปห้างฯ ด้วยกัน ไม่น่าทะเลาะกันและฆ่ากันแบบนี้ ขณะเดียวกันยอมรับว่าวันนี้วันเกิดพ่อยังวางแผนกันอยู่ว่าหากลูกพาไปหาหมอเสร็จจะทำอะไรกินดี และลูกยังบอกตนเองว่าถ้าเงินออกจะพาตนไปทำผม "น้องรักแม่นะ" และลูกก็กอดและหอมตนเสมอ แต่เมื่อวานไม่กอดกันเลย ตนเสียใจ ตนรักลูกมาก ไม่อยากให้ลูกตาย

อยากให้ตำรวจจับให้ได้ และเอาผิดตามกฎหมาย เพราะตนกลัวไม่ปลอดภัย กลัวจะมาทำร้ายครอบครัว เพราะคนก่อเหตุค่อนข้างแค้น

329771

นางอิม พี่สาวคนก่อเหตุ อายุ 70 ปี เปิดเผยทั้งน้ำตา ยอมรับว่าน้องเป็นคนอารมณ์ร้อน และน้องคงไม่ได้เครียดเรื่องตกงาน เพราะตั้งแต่ถูกไล่ออก เพื่อน ๆ ชวนไปทำงาน เพราะน้องทำงานดี เป็นคนซื่อตรง ไม่ชอบคนโกหก อีกทั้งน้องทำอาชีพนี้มา 6 ปีแล้ว ก่อนหน้านี้อยู่โครงการอื่น โครงการนี้เปิดก็ทำมาได้ 5 ปี ดังนั้นหัวหน้าต้องเห็นว่าทำงานดีถึงให้น้องทำงานมายาวนาน อีกทั้งน้องไม่เคยมีปัญหากับใคร นอกจากผู้ตาย

ซึ่งวันที่น้องทะเลาะกับผู้ตาย จริง ๆ ตนไม่รู้เรื่อง แต่ผู้ตายมาฟ้องตนว่าถูกฟัน และเพื่อนน้องก็มาเล่าให้ฟังอีกทีว่าผู้ตายบอกน้องในฐานหัวหน้า รปภ.ว่าคนไหนรู้จักก็ปล่อย ๆ ไปบ้าง แต่น้องบอกว่าไม่ได้ต้องจดทุกคันที่เข้าออกหมู่บ้าน เพราะหมู่บ้านข้าง ๆ โละ รปภ. ชุดเดิมไปแล้ว เพราะไม่เข้มงวด ดังนั้นก็ต้องเข้มงวด ไม่งั้นก็อาจจะถูกถอดได้ จึงมีปัญหากัน และน้องตนถูกต่อยก่อนสู้ไม่ได้จึงฟัน แต่ผู้ตายก็ฟ้องตนแค่ว่าโดนฟัน และไม่พูดความจริงว่าเป็นคนต่อยน้องตนก่อน ซึ่งเรื่องราวก็คือการทะเลาะวิวาทกัน แต่น้องตนโดนไล่ออกคนเดียว ตนยังมองว่าลำเอียง ซึ่งน้องก็คงแค้น แต่เงียบ ไม่มาปรึกษาอะไรตน น้องคงแค้นในใจ ตนรู้ตอนนั้นก็ตักเตือนน้องแล้วว่าเรื่องที่ทะเลาะวิวาทกันนิดหน่อย ก็ปล่อยแล้วกันไป อย่างหมางใจ น้องก็เงียบไม่ได้ตอบอะไร ทำหน้าเฉย ๆ ใส่ แล้วลุกหนีไป

ส่วนที่น้องไปยิง รปภ. อีกคนตาย ก่อนเกิดเรื่องน้องก็ไม่มาปรึกษาอะไรเลย ตนคิดว่าน้องมีเพื่อนเยอะเพื่อนที่เป็น รปภ. คิดว่าคงไปหาเพื่อน เพราะน้องไม่มีลูกเมีย ห้องเช่าที่น้องอยู่เป็นของตน ซึ่งจริง ๆ มีพี่น้อง 7 คน แต่ตายไปหมด เหลือน้องคนนี้คนเดียวเป็นน้องคนเล็ก นอกจากนี้ ยอมรับว่าห่วงน้องถ้าตนเจอจะรีบบอกน้องให้มอบตัว ตอนนี้พยายามติดต่อ แต่คิดว่าต้องรอให้น้องใจเย็นก่อน ตอนนี้คงอารมณ์ร้อน ส่วนปืนตนไม่รู้เลยว่าน้องเอาปืนจากไหน และก็ไม่เคยเห็นน้องพกอาวุธอะไรเลย

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส