พี่ออกโรงป้อง “แม่เลี้ยง” ไม่โหด เด็ก 14 น่วมรอยสัตว์กัด - รร. เผยเห็นแผลทุกวัน (คลิป)

17 ต.ค. 61
จากกรณีเด็กชายอายุ 14 ปี ถูกแม่เลี้ยงทำร้ายร่างกายจนมีแผลทั้งตัว โดนถูกตี ใช้ฟุตเหล็กฟาด เตารีดนาบ ไฟฉายทุบตี บีบคอและคีมหนีบที่ปากและนิ้ว ซึ่งพ่อแท้ ๆ ก็ทราบเรื่อง แต่ไม่ห้ามปราม จนเจ้าตัวต้องปั่นจักรยานเพื่อหนีเอาชีวิตรอดไปที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และส่งข้อความขอความช่วยเหลือจากนางสาวนฤกมลวรรณ ฉาบพลอย แม่ที่อยู่ จ.ระยอง และได้ประสานรับตัวเด็กไปเรียบร้อยแล้วนั้น
เจ้าหน้าที่คุมตัว นายอัครเศรษฐ์พรเชิญสุวรรณรัตน์และน.ส.นรินทร แขกกาฬ ผู้ต้องหา
ล่าสุด วันที่ 16 ต.ค. 61 เจ้าหน้าที่ควบคุมตัว นายอัครเศรษฐ์พร เชิญสุวรรณรัตน์ อายุ 47 ปี และน.ส.นรินทร แขกกาฬ อายุ 32 ปี ได้แล้ว โดยแจ้งข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายและจิตใจ, หน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร้างกาย และกระทำการอันเป็นความรุนแรงในครอบครัว แต่น.ส.นรินทร ยังคงปฏิเสธ (อ่าน : รวบแล้ว! พ่อและเมียใหม่คีมหนีบปาก เตารีดนาบลูกวัย 14 – แม่เลี้ยงยังปฏิเสธ)
นายสกล เกศตุสุวรรณ พี่ชายของน.ส.นรินทร
ด้านนายสกล เกศตุสุวรรณ พี่ชายของน.ส.นรินทร ยืนยันว่าน้องสาวไม่มีพฤติกรรมรุนแรงตามที่เป็นข่าว ไม่เป็นความจริงตามที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่เลี้ยงใจยักษ์ เชื่อมั่นว่าน้องสาวไม่มีทางทำร้ายลูกเลี้ยงอย่างแน่นอน อีกทั้งตนไว้วางใจน้องสาว ฝากให้ดูแลลูกให้ตนด้วย นอกจากนี้เมื่อเดือนที่ผ่านมา เด็กชายวัย 14 ปี โดนแมลงต่อยที่หูจนเกิดอาการบวม จนต้องพาเด็กไปรักษาถึงขั้นผ่าตัด อีกทั้งเด็กมักจะมีบาดแผลง่าย เนื่องจากน้ำเหลืองไม่ดี กระแทกนิดหน่อยก็เขียวช้ำ ทั้งนี้ เด็กชาย 14 ปี ชอบมีพฤติกรรมชอบโกหก ไม่มีความรับผิดชอบในตัวเอง ดูแลตัวเองไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้มีพฤติกรรมรุนแรงก้าวร้าว (อ่าน : พี่ชายป้องน้องสาว ถูกกล่าวหาเป็น “แม่เลี้ยงใจร้าย” ผิดจริงยอมให้ประหาร ชี้เด็ก 14 ชอบโกหก) นอกจากนี้ ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปที่โรงเรียน ย่านคลองหลวง จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำที่เด็กชาย อายุ 14 ปี เรียนอยู่ โดยขณะนี้เป็นช่วงปิดภาคเรียน จึงมีเพียงนักเรียนบางส่วนที่มาเล่นกีฬา และวิ่งเล่นอยู่ที่โรงเรียนเท่านั้น ส่วนครูมีเพียงครูเวรที่มาประจำการอยู่ที่โรงเรียน
นายกิตติศักดิ์ กรดนวม ครูประจำวิชาการงานอาชีพและเทคโนโลยี
โดยนายกิตติศักดิ์ กรดนวม ครูประจำวิชาการงานอาชีพและเทคโนโลยี เปิดเผยว่า ตนมักจะเจอกับนักเรียนคนดังกล่าวเป็นประจำในช่วงเข้าแถวเคารพธงชาติ ซึ่งท้ายแถวก็จะมีครูประจำชั้นยืนประจำทุกแถวเพื่อตรวจสอบนักเรียนทุกคน ซึ่งครูประจำชั้นมักจะเห็นรอยบาดแผลตามร่างกายของเด็ก 14 ปี บ่อยครั้ง ทำให้ตนในฐานะครูประจำวิชา ส่วนใหญ่ที่เห็นเด็กก็จะมีบาดแผลที่เกิดขึ้นที่บริเวณนอกร่มผ้า ส่วนบาดแผลที่อยู่ในเสื้อผ้านั้นจะมองไม่เห็น เพราะเด็กไม่เคยมาถอดให้ดู ส่วนลักษณะของบาดแผลก็จะคล้ายกับรอยขีดข่วน บางครั้งบริเวณใบหน้าก็จะมีรอยช้ำเขียว แม้กระทั่งใบหู และศีรษะก็จะเป็นแผลฉีกขาด ทั้งนี้ ครูประจำชั้นมักจะถามเด็กว่าไปทำอะไรมา ซึ่งเด็กตอบว่าเป็นอุบัติเหตุหรือรถล้มตลอด ไม่เคยบอกว่าเกิดอะไรขึ้น บางครั้งตนยังสังเกตเห็นว่าศีรษะของเด็กมีรอยแผลเจาะลึกเข้าไป เวลาถามทุกครั้ง เด็กก็ตอบว่ารถล้ม เพราะเจ้าตัวปั่นจักรยานมาโรงเรียน ส่วนนิสัยของเด็ก เวลามาเรียนจะสังเกตได้ว่าเป็นคนที่ค่อนข้างเงียบและเก็บตัว
น้องเอส (นานสมมติ) เพื่อนร่วมชั้น ม.2
ด้านน้องเอส (นานสมมติ) เพื่อนร่วมชั้นของเด็กชายวัย 14 ปี  เปิดเผยว่า เพื่อนเป็นคนอารมณ์ดี เฮฮา เข้ากับคนอื่นง่าย แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อนไม่เคยมาเล่าอะไรให้ฟัง แต่อาจจะมีกลุ่มเพื่อนสนิทที่เขาอาจเล่าให้ฟังบ้างก็ได้ ส่วนลักษณะของบาดแผลที่เห็นตามลำตัว ส่วนมากจะเป็นสะเก็ดแผลที่แห้งแล้ว และมักจะมีรอยช้ำที่ใบหน้าบ่อยที่สุด นอกจากนี้ก็จะมีบาดแผลที่ใบหู รวมไปถึงบนหัว น้องเอส เล่าว่า เวลามาเรียน เพื่อนคนดังกล่าวมักจะมาสาย เพราะต้องปั่นจักรยานมาจากบ้านซึ่งอยู่อีกฝั่งของโรงเรียนค่อนข้างไกล และตลอดช่วงที่ผ่านมา ตนไม่เคยเห็นผู้ปกครอง พ่อหรือแม่ของเพื่อนแวะมาส่ง โดยเพื่อนปั่นจักรยานมาเพียงลำพัง ประกอบกับวันสำคัญที่โรงเรียนจัดขึ้น อาทิ วันพ่อ หรือ วันแม่ ผู้ปกครองของเพื่อนก็ไม่เคยมาร่วมงาน แต่เพื่อนก็ไม่เคยแสดงอาการหรือแสดงความเก็บกดให้คนอื่นเห็น และไม่เคยแสดงความซึมเศร้าหรือวิตกหวาดกลัวออกมา
บาดแผลบนร่างกายของเด็กชาย อายุ 14 ปี
รอยบาดแผลของเด็กชาย 14 ปี
ขณะที่ครูมนตรี ครูประจำชั้นของเด็กชายอายุ 14 ปี เปิดเผยว่า ส่วนใหญ่น้องเป็นคนที่ตั้งใจเรียน เรียนดี ส่งการบ้านสม่ำเสมอ แต่มีบางครั้งที่น้องไม่สามารถมาเรียนได้ ซึ่งส่วนมากพ่อจะเป็นคนโทรมาลาให้กับน้อง โดยให้เหตุผลว่าน้องประสบอุบัติเหตุ รถล้ม ตกบันได ตกต้นไม้ จากนั้นในวันรุ่งขึ้นเมื่อเด็กกลับมาเรียนตามปกติ ตนก็มักสอบถามกับน้องว่าไปทำอะไรมา น้องก็จะตอบตรงกับที่ผู้ปกครองโทรมาแจ้ง ส่วนตัวจึงไม่เคยสงสัย จนกระทั่งทราบว่าพ่อและแม่เลี้ยงทำร้ายเด็ก จึงเข้าใจว่าเป็นการบังคับ และวางแผนให้เด็กตอบตามที่ผู้ปกครองแจ้งไว้ และเชื่อว่าเด็กมีอาการที่เจ็บปวด จากบาดแผลที่เกิดขึ้น จึงไม่สามารถมาเรียนได้ตามปกติ
นางแพร ฉัตรอินทร์ ยายของเด็กชาย 14 ปี
นอกจากนี้ นางแพร ฉัตรอินทร์ ยายของเด็กชาย 14 ปี เปิดเผยว่า ลูกชายของตน พ่อของเด็กชาย 14 ปี เข้ามาหาตนที่บ้าน และกล่าวขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยขอว่าอย่าดำเนินการทางคดีและเอาเรื่อง แต่ตนมองว่าเรื่องนี้เป็นข่าวใหญ่ดังไปทั่วประเทศแล้ว อีกทั้ง ตนรู้สึกโมโหที่พ่อแท้ ๆ กระทำกับลูกชายในสายเลือด ซึ่งตนก็เกือบจะตบเขาเพื่อสั่งสอนแล้ว

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ