สกูตเตอร์เป็นเหตุแทงกันไส้ไหล มือฆ่าร่ำไห้เปิดปากไม่ตั้งใจ เมียรุดขมาเจอญาติตะเพิด (คลิป)

กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.อุดมสุข และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวช พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุชายถูกแทงเสียชีวิต ภายในตรอกเล็ก ๆ ระหว่างคอนโดมิเนียมปลูกติดกันหลายอาคาร บนถนนรามคำแหง 2 แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กรุงเทพฯ เวลา 21.45 น. ของวันที่ 13 ก.ย.64 ที่ผ่านมา  

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบผู้เสียชีวิตทราบชื่อ นายอาทร ไผ่ล้อม อายุ 33 อาชีพช่างแอร์ในชุมชนดังกล่าว สภาพบาดแผลถูกของมีคมแทงที่บริเวณหน้าอก ท้อง แผ่นหลังจนไส้ทะลัก และยังถูกฟันที่แขนซ้าย เบื้องต้นนำส่งร่างผู้เสียชีวิตไปชันสูตรที่สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะรวบรวมพยานหลักฐาน และสอบปากคำพยานในชุมชนดังกล่าว รวมถึงจะต้องไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดในพื้นที่โดยรอบ เพื่อติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีต่อไป

ล่าสุดวันที่ 14 ก.ย.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ พบว่าเป็นตรอกคอนโดฯ อยู่ตรงตลาดนัมเบอร์วัน กลางซอยพบรอยเลือดเต็มพื้น ขณะเดียวกันเมื่อมองทางขวา ซึ่งเป็นร้านขายของจิปาถะมีรอยเลือดที่พื้นหน้าร้าน และมีรอยเลือดเป็นรูปมือคนติดอยู่ที่ผนัง

ทีมข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิดใกล้จุดเกิดเหตุ พบชายขี่สกูตเตอร์ไฟฟ้า มุ่งหน้าไปทางร้านขายของเวลา 21.38 น. ก่อนจะทราบว่าชายดังกล่าวคือนายภูเบศ เมืองโคตร อายุ 43 ปี ซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัย จากนั้นฝั่งผู้ตาย เดินตามไปที่ร้านขายของนายภูเบศ 

ทีมข่าวพบนางลำดวน (นามสมมติ) ผู้ที่เห็นเหตุการณ์ เปิดเผยว่า เวลาประมาณ 21.00 น. ผู้ตายเมา และเดินไปหาเรื่องนายภูเบศขณะที่เขากำลังจะปิดร้าน แต่ผู้ตายเข้าไปดึงประตูร้าน และจะไปขอยืมสกูตเตอร์ไฟฟ้า โดยอ้างว่าได้เอ่ยปากขอยืมจากกับน้องชายผู้ก่อเหตุแล้ว แต่ผู้ก่อเหตุบอกว่าสกูตเตอร์เป็นของเขาและไม่ให้ยืม จากนั้นคงจะมีการชกต่อยกัน ทำให้ผู้ก่อเหตุปิดประตูหน้าร้าน แต่ผู้ตายไม่ยอมกลับบ้าน แต่ทุบประตูพร้อมกับถอดกางเกงเพื่อตั้งใจจะฉี่ใส่ประตูหน้าร้าน ผู้ก่อเหตุเลยต้องเปิดประตูออกมาและใช้มีดแทงดังกล่าว 

โดยขณะเกิดเหตุมีผู้เห็นเหตุการณ์หลายคน ทั้งคนที่อยู่บนชั้น 2 และคนข้างห้องยืนยันว่าเหตุการณ์เป็นอย่างที่ตนเล่า ดังนั้นพวกตนจึงไม่แน่ใจว่าคนก่อเหตุกระทำไปเพื่อป้องกันตัวหรือไม่ สำหรับตนไม่ทราบมาก่อนว่าทั้งคู่มีปัญหากันมาก่อน แต่ผู้ตายชอบตั้งวงกินเหล้าหน้าห้องเป็นประจำทุกวัน ช่วงเย็นเวลาประมาณ 17.00-18.00 น. แต่ก็ไม่เคยได้ยินว่าจะไปสร้างปัญหาให้ใคร อย่างไรก็ตาม ตนก็ไม่รู้สาเหตุว่าทำไมถึงทำกันขนาดนี้ ส่วนเรื่องคนเมาสุราและชอบมีปัญหากัน ตนเห็นแบบนี้บ่อยครั้งแล้ว แต่ก็ไม่เคยมีใครแก้ไขเรื่องนี้ได้ เวลาเกิดเหตุทุกคนมักจะบอกว่าขาดสติและกระทำลงไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ 

พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ นาคามาตย์ ผกก.สส.บก.น.4, พ.ต.อ.อรรถวินทน์ เกษแก้ว ผกก.สน.อุดมสุข พร้อมด้วยชุดสืบสวนนครบาล 4 สามารถจับกุมนายภูเบศ เมืองโคตร อายุ 43 ปี ผู้ต้องหาก่อเหตุใช้อาวุธมีดแทงช่างแอร์ได้ที่ห้องพัก โดยนายภูเบศ ให้การยอมรับสารภาพอ้างว่า ตนเป็นผู้ก่อเหตุใช้อาวุธมีดแทงนายอาทร หลังจากก่อเหตุได้หลบเข้าไปภายในร้าน ก่อนจะเปิดประตูออกทางด้านหลังร้านแล้วหลบขึ้นไปอยู่บนห้องพัก และถูกตำรวจจับกุมตัวได้ดังกล่าว 

จากนั้นทีมข่าวได้เข้าไปตรวจสอบเฟซบุ๊กของผู้ก่อเหตุ พบว่ามีการไลฟ์สดขณะตำรวจเข้าควบคุมตัว เวลา 23.31 น. เป็นการไลฟ์สดความยาว 2 นาที 38 วินาที ใจความว่าสั้น ๆ ว่า "ทุกคนดึกดื่นแล้ว ตำรวจมาเชิญตัวไปโรงพัก ก็พร้อมให้ความร่วมมือ"

ทีมข่าวพบกับน.ส.มายาวี (นามสมมติ) ภรรยาผู้ต้องหา กล่าวว่า เมื่อตนทราบว่าก็รู้สึกช็อกมากและยังทำใจไม่ได้ เพราะตอนที่ตำรวจเข้ามาควบคุมตัวสามี ก็ยังไม่ทันได้พูดคุยอะไรกัน สามีบอกแค่ว่า “ผมไม่ผิด ผมแค่ป้องกันตัว เขาเหมือนจะทำร้ายผม ผมก็เลยป้องกันตัว” ก่อนตนจะทำได้แค่กอดกัน และบอกทิ้งท้ายว่า “ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมมา ไม่มีอะไร ผมจะบอกกับตำรวจทุกเรื่อง”

ทั้งนี้ตนยืนยันว่าขณะเกิดเหตุ ตนได้แยกกันขายของ ส่วนคนตายเป็นใครตนก็ยังไม่รู้จัก ตอนนี้ตนรู้สึกผิดที่สามีทำเกินกว่าเหตุ แต่ตนไม่รู้ว่าเหตุการณ์เป็นอย่างไร ตนจึงอยากบอกญาติผู้เสียชีวิตว่าตนขอโทษและตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ หากญาติผู้เสียชีวิตมีอะไรตนก็พร้อมเข้าไปช่วยเหลือ

"สามีเป็นคนไหว้พระทุกวัน แม้จะเป็นคนอารมณ์ร้อน แต่ก็ไม่เคยทำใครหนักขนาดนี้ อย่างมากก็แค่ถกเถียง แต่เหตุการณ์ก็เกิดขึ้นไปแล้ว ดังนั้นในส่วนของคำให้การของสามี ก็คงต้องไปตรวจสอบกันอีกครั้งหนึ่ง ว่าข้อเท็จจริงเป็นยังไง ฉันขอโทษญาติครอบครัวผู้เสียชีวิตทุกอย่าง ยอมรับว่าเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก ๆ"

จากนั้น น.ส.มายาวี พร้อมญาติ ๆ ได้เดินทางเข้าไปเยี่ยมนายภูเบศ ด้วยข้าวผัดกระเพราและก๋วยเตี๋ยว โดยเข้าไปเยี่ยมในช่วงเวลา 12.00-13.00 น.

นายภูเบศ ผู้ต้องหา เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า ตนไม่มีเจตนาฆ่า ยืนยันว่าบริสุทธิ์ใจ โดยก่อนเกิดเหตุตนได้ขี่สกูตเตอร์มาปิดร้าน สักพักผู้ตายเดินตามมาด้วยอาการมึนเมา จะขอยืมสกูตเตอร์ไฟฟ้า ตนจึงตอบกลับไปว่า “ดึกแล้ว พรุ่งนี้ค่อยมายืม” แต่เขาไม่ยอมพยายามจะแย่ง ก่อนที่ตนจะโมโหและชกต่อยกัน จากนั้นตนจึงตัดสินใจเข้าไปในร้าน แต่ผู้ตายพยายามตามเข้ามาในร้าน ซึ่งตนสังเกตเห็นว่าในมือของเขามีผ้าพันสิ่งของบางอย่าง จึงเกิดความกลัวว่าจะถูกทำร้าย จากนั้นตนได้คว้ามีดในบ้านเพื่อป้องกันตัว ผู้ตายได้เข้ามาแย่งมีด ตนก็พยายามแย่งกลับก่อนที่มีดจะบาดแขนของผู้ตาย และตนได้ตัดสินใจแทงผู้ตาย

ทั้งตลอดระยะเวลาดังกล่าวมีเพื่อนผู้ตายมาเห็น ตนยังพูดเลยว่า "มาเอาเพื่อนกลับไปเถอะ" ดังนั้นเพื่อนผู้ตายรู้ดีว่าเขาทำอะไรกับตนก่อนจะเกิดเหตุ ซึ่งหลังจากที่ตนได้ลงมือแล้ว เพื่อนของเขาก็พยายามมาลากตัวผู้ตายกลับไป โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นแค่นาทีกว่า ๆ เท่านั้น ตนยอมรับว่าก่อเหตุจริง แต่ตนไม่ผิด เพราะตนบริสุทธิ์ใจและเชื่อว่าเมืองไทยต้องมีความยุติธรรมให้กับตน

จากนั้นน.ส.มายาวี ได้เดินทางไปยังคอนโดฯ ที่เกิดเหตุ เพื่อไปพบญาติและเพื่อน ๆ ของผู้ตาย เมื่อไปถึงก็ได้กล่าวคำว่า “ขอโทษ พี่เสียใจ พี่ไม่อยากให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ส่วนสามีพี่ยังไม่พูดอะไร เพราะยังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่เหมือนกัน เขาบอกเพียงว่ามีเหตุการณ์หลายหลายอย่างเกิดขึ้นในเวลานั้น ส่วนตัวพี่เองก็จะมาขอโทษในมุมของพี่นะ”

กลายเป็นสาเหตุทำให้เพื่อน ๆ ของผู้ตายมีอารมณ์ฉุนเฉียว ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงดุดันว่า “น้องหนูตาย น้องไม่มีสิทธิ์พูดเลย หนูเชื่อว่าไม่ใช่การป้องกันตัวนะ แต่เป็นการทะเลาะวิวาทและต้องการทำให้น้องหนูเสียชีวิต จริง ๆ หากมีอะไรก็เดินมาคุยกัน หากจะบอกว่าเป็นการแย่งสกูตเตอร์เป็นไปไม่ได้แน่ ๆ ทำไมต้องทำกันขนาดนี้”