เมื่อวันที่ 9 ก.ย. 64 เวลา 15.30 น. ตำรวจสภ.เมืองอุทัยธานี พร้อมด้วยแพทย์โรงพยาบาลอุทัยธานี เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และอาสากู้ภัยได้รุดไปที่เกิดเหตุหลังจากมีผู้แจ้ง ว่าพบศพคนผูกคอตายอยู่หน้ากระท่อมกลางป่าท้ายหมู่บ้าน หมู่ที่ 6 ตำบลน้ำซึม อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี
เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบศพนายสัมพันธ์ นกเอี้ยง อายุ 62 ปี มีผ้าขาวม้าพันไว้กับเสาของกระท่อม เสียชีวิตในลักษณะคุกเข่า ไม่ใส่เสื้อ สวมกางเกงขาสั้นสีเทา ข้างศพนั้นมีรองเท้าอยู่ 1 คู่ ภรรยาบอกว่าไม่ใช่รองเท้าของนายสัมพันธ์ จากการตรวจสอบพบศีรษะด้านหลังและท้ายทอยมีรอยของมีคมฟันที่หัวเป็นแผลกว้าง
วันที่ 10 ก.ย. 64 ทีมข่าวเดินทางลงพื้นที่ไปยังหมู่ 6 ตำบลน้ำซึม อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี บ้านจุดเกิดเหตุล้อมรอบด้วยทุ่งนาทีมข่าวสังเกตพบเห็นฟรอยสีเงิน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ถ่ายบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐาน แต่ยังไม่ได้เก็บออกจากพื้นที่
นางสมคิด บัวบาน อายุ 62 ปี น้องสาวของภรรยาคนตาย ในฐานะคนที่มีบ้านอยู่ใกล้กับที่เกิดเหตุ เปิดเผยว่า ลักษณะศพตอนที่เข้ามาเห็นมีการผูกผ้าขาวม้าไว้ที่คอ ส่วนปลายอยู่ที่คานไม้ ไม่มีการผูกยึด เห็นเลือดติดตามตัว ตนไม่ทันได้สังเกตเห็บาดแผลที่อยู่บริเวณหัว จนกระทั่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มาสอบถามตนว่าเห็นเลือดที่ติดอยู่บริเวณขาหรือไม่ ทำให้ตนเองรู้ว่ามีเลือดติดอยู่บริเวณส่วนอื่นของศพด้วย รวมทั้งยังพบมีดที่มีคราบเลือดติดอยู่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ เป็นมีดที่เจ้าตัวใช้ประจำ
ส่วนตัวตนก็ยังไม่รู้สาเหตุการตาย แต่ที่ตนเองสังเกตเพิ่มเติมจากศพนายสัมพันธ์ คือตัวไม่ได้สวมใส่เสื้อ มีดินติดอยู่ด้านหลัง ซึ่งเป็นดินที่อยู่ในพื้นบ้าน ตั้งข้อสังเกตว่าหากคนจะผูกคอตาย ทำไมต้องมีดินติดอยู่ด้านหลังศพ และทำไมถึงมีบาดแผลบริเวณด้านหลัง ไม่ได้มีแผลบริเวณส่วนหน้า ถ้าหากจะเป็นคนทำร้ายร่างกายตัวเองก่อนตัดสินใจคิดสั้นฆ่าตัวตาย
ตนเชื่อว่าสาเหตุหนึ่งถ้าหากจะคิดสั้นฆ่าตัวตาย ก็อาจเป็นเพราะว่าความน้อยเนื้อต่ำใจที่ภรรยารวมถึงลูกชายย้ายหนีออกไปอยู่ที่บ้านหลังอื่น ทิ้งให้อยู่เพียงลำพังที่บ้านหลังที่เกิดเหตุ ซึ่งลูกและเมียได้ย้ายหนีคนตายไปได้เกือบ 2 ปีแล้ว เหตุผลเป็นเพราะว่าคนในครอบครัวรับไม่ได้กับพฤติกรรมความเมาและอาละวาทหาเรื่องคนในครอบครัว หลังจากที่ภรรยาและลูกตัดสินใจย้ายหนี ก็เห็นว่านายสัมพันธ์มีพฤติกรรมที่ดีขึ้น กินเหล้าน้อยลง
ทีมข่าวได้รับภาพจากกล้องวงจรปิด เส้นทางผ่านของนายสัมพันธ์คนตาย ขับผ่านในคืนวันที่ 7 ก.ย. 64 เวลา 21.10 น. เป็นรถจักรยานไฟฟ้าของคนตายขับผ่านกล้องวงจรปิดบริเวณกลางหมู่บ้าน ไปดื่มเหล้าที่ร้านขายของชำ ก่อนที่จะขับผ่านกล้องตัวดังกล่าวและเลี้ยวเข้าซอยบ้าน
โดยวันที่ 8 ก.ย. เวลา 05.53 น. กล้องวงจรปิดกลางหมู่บ้าน จับภาพรถจักรยานไฟฟ้าของคนตายขับผ่านออกมาจากซอย 11 หมู่ 6 ผ่านกล้องตัวดังกล่าวเพื่อมุ่งหน้าไปที่ร้านขายของชำร้านเดิม ที่เคยนั่งกินเหล้าในคืนวันที่ 7 ก.ย. เพื่อกลับไปเอาถูกเข้าสารที่ลืมเอาไว้ ก่อนจะพบว่ากลายเป็นศพวันที่ 9 ก.ย. อยู่ที่บ้านในทุ่งนา
ที่วัดท่าทอง อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี ที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพของนายสัมพันธ์ นกเอี้ยง อายุ 62 ปี บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า ญาติได้รับศพกลับมาจากนิติเวชโรงพยาบาลนครสวรรค์ กลับมาตั้งบำเพ็ญกุศลศพ ครอบครัวได้รับเอกสารการตรวจชันสูตร เบื้องต้นว่า ขาดอากาศหายใจจากการบีบรัดที่คอ แต่เนื่องด้วยญาติยังคงคาใจกันตาย จึงได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ทำการเก็บรายละเอียดของศพ เพื่อรอผลตรวจยืนยันอย่างละเอียดเกี่ยวการเสียชีวิตของผู้ตาย
นายสมพงษ์ นกเอี้ยง หรือ พงษ์ อายุ 33 ปี ลูกชายของคนตาย เปิดเผยว่า สภาพศพของนายสัมพันธ์ มีแผลบริเวณหัวด้านหลัง และท้ายทอย ซึ่งเกิดจากคมมีดเป็นรอยเฉือน ซึ่งตามตัวไม่มีบาดแผลอื่น และไม่มีร่องรอยของการต่อสู้ ที่สำคัญสภาพศพของนายสัมพันธ์นั่งคุกเข่า เพราะข้อมูลที่ตนเองได้รับจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ หากเกิดจากการผูกคอตาย จะต้องมีลักษณะงอเข่าเล็กน้อย แต่ไม่ใช่เป็นการนั่งพับลงไปกับพื้นแบบนี้ บริเวณด้านหลังของคนตายก็มีรอยคล้ายดินติดอยู่ ไม่รู้ว่าเกิดจากการล้มตัวนอนกับพื้นดินก่อนที่จะผูกคอตายหรือไม่
โดยระยะหลังได้พาแม่ออกมาอยู่ที่บ้านข้างนอก เพราะเนื่องจาก 10 ปีที่ผ่านมา ทั้งตัวของแม่และตนเองถูกพ่อทำร้ายร่างกายและใช้คำพูดรุนแรง เนื่องจากเกิดจากความเมา จึงทำให้ตนเองและแม่ทนกับพฤติกรรมไม่ได้ตัดสินใจย้ายออกมาอยู่บ้านอีกหลังหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้มีการละทิ้ง ยังแวะเวียนเข้าไปเยี่ยมเยือน เอาเงินไปให้ และไปพูดคุยกับนายสัมพันธ์คนตายเป็นประจำ แต่ก็มักจะมีบ่นตัดพ้อให้ฟังทำนองว่า "เขาจะตาย กลัวว่าถ้าตายแล้วจะมีใครมาเห็นเขาไหม" นอกจากนี้ ถ้าสาเหตุหนึ่งเกิดจากเป็นเพราะว่าพ่อมีความน้อยเนื้อต่ำใจ ที่ลูกเมียไม่ยอมกลับมาอยู่ด้วย ส่วนตัวก็รู้สึกผิด ที่ย้ายออกมาจากพ่อได้เกือบประมาณ 2 ปี
นายเล็ก (นามสมมติ) เพื่อนในวงเหล้าของผู้ตาย กลุ่มคนสุดท้ายที่อยู่กับผู้ตายในบ้านหลังเกิดเหตุ ให้สัมภาษณ์โดยลักษณะไม่เต็มใจพูด เปิดเผยว่า ตนเองไปที่บ้านของนายสัมพันธ์ คนตายครั้งสุดท้ายประมาณวันที่ 6-7 ก.ย. แต่วันนั้นไม่ได้ไปนั่งดื่มเหล้ากับคนตาย ไปเพียงแค่ขอนอนด้วย 1 คืน ด้วยนิสัยของนายสัมพันธ์มักจะเป็นคนที่หยิบฉวยอะไรโดยไม่บอก หลายต่อหลายครั้งมักจะแอบมาหยิบเงินที่ใต้เบาะรถของตนเอง ครั้งล่าสุดก็แอบหยิบเงินไปจำนวน 300-400 บาท ในวันที่ตนเองไปเจอกับคนตายครั้งสุดท้าย ก็ยืนยันว่าไม่ได้มีเรื่องทะเลาะหรือมีปากเสียงกัน
"ถ้าใครกังวล ใครสงสัย ท้าให้มาหาตนที่บ้านได้เลย ใครสงสัย ใครข้องใจให้มาหาได้ลุงได้เลย" ส่วนตัวเป็นคนที่ไม่พูดเยอะ ตนเป็นนักเลงพอ มีอะไรก็ตรงไปตรงมา ตอนที่ตนเองมีโอกาสไปเที่ยวเล่นที่บ้านของนายสัมพันธ์ ยอมรับว่าเคยรุนแรงกับคนตายถึงขั้นตบสั่งสอน เหตุผลเป็นเพราะว่าชอบขโมยเงิน ตนเองไม่ชอบ และเงินส่วนใหญ่ที่นายสัมพันธ์แอบขโมยไปใช้ ก็นำไปซื้อเหล้าส่วนใหญ่
ระหว่างการสัมภาษณ์ทีมข่าวพยายามสอบถามเกี่ยวกับบาดแผลที่หัว ซึ่งไม่สัมพันธ์เกี่ยวกับพฤติกรรมของการผูกคอตาย นายเล็กก็พูดขึ้นมาว่า "ผมรู้ เพราะญาติและคนในครอบครัวของนายสัมพันธ์ยมีลักษณะเกเร ลูกหลานอาจมีส่วนเกี่ยวข้อง"
