กรณีกระแสข่าวลือที่ออกมาว่า โรงละครสยามนิรมิต สาขากรุงเทพฯ ประกาศปิดกิจการและจะชดเชยพนักงานตามกฎหมายแรงงาน เนื่องจากพื้นที่ของสยามนิรมิต สาขากรุงเทพฯ ที่อยู่ตรงข้ามกับศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เป็นพื้นที่เช่าเอกชน ซึ่งเหลือสัญญาเช่าอีก 7 ปี หากต้องรอเวลาให้เศรษฐกิจและการท่องเที่ยวฟื้นตัวกลับคืนมาดังเดิม อาจจะต้องใช้เวลามากถึง 3 ปี ซึ่งสัญญาที่เหลืออีก 4 ปี อาจจะไม่เพียงพอสำหรับกานคืนทุน เนื่องจากนักท่องเที่ยวหลักของโรงละครเป็นกลุ่มตลาดนักท่องเที่ยวจีน
โดยที่ผ่านมา โรงละครสยามนิรมิต สาขากรุงเทพฯ ปิดกิจการชั่วคราวไปตั้งแต่วันที่ 17 มี.ค.63 นับจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 รอบแรก ๆ และไม่เคยได้เปิดให้บริการอีกเลยจนถึงปัจจุบัน แต่ยังมีการจ่ายเงินเดือนให้พนักงานอยู่ที่ 30% และให้พนักงาน Work From Home มาโดยตลอด ก่อนที่ผู้บริหาร จะจึงตัดสินใจปิดกิจการอย่างถาวร
ล่าสุดวันที่ 10 ก.ย.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมาที่สยามนิรมิต สาขากรุงเทพฯ พบว่าบรรยากาศเป็นไปอย่างเงียบเหงา ไม่มีแม้แต่รถเข้าไปจอดด้านใน และคนไม่พลุกพล่าน มีเพียงช้าง 1 เชือก ที่กินอาหารอยู่ในคอก ชื่อว่า “คำล่า” เพศเมีย อายุ 50 ปี
นายพิษณุ ศาลางาม หรือ “ลุงนุ” อายุ 57 ปี พนักงานดูแลสัตว์ที่ใช้ในการแสดง ทั้งช้าง แพะ ไก่ ซึ่งทำงานมา 11 ปีแล้ว จนกระทั่งมีสถานการณ์โควิด-19 เข้ามา สัตว์ก็เริ่มทยอยถูกย้ายไปอยู่ที่ต่าง ๆ บ้างก็นำไปไว้ที่สาขาภูเก็ต
“ลุงนุ” เล่าให้ฟังว่า ตลอดระยะเวลา 11 ปีที่ผ่านมา ตนทำงานกับที่นี่ด้วยความสบายใจมาก ๆ เพราะไม่ว่าจะเรื่องเงิน สวัสดิการ ทุก ๆ อย่าง บริษัทดูแลเป็นอย่างดีตลอด แม้กระทั่งช่วงโควิด-19 รอบแรก ๆ ก็ไม่เคยทำให้ไม่สบายใจ จ่ายเงินเดินทุกอย่างตามปกติ แต่อาจจะมีลดไปบ้าง 30-40 เปอร์เซ็นต์ตามสภาพเศรษฐกิจ เพราะบริษัทก็ปิด ๆ เปิด ๆ ตามคำสั่งของรัฐบาล
สำหรับความรู้สึกของตนหลังทราบข่าวลือว่าจะมีการประกาศปิดให้บริการถาวร สำหรับสาขาในกรุงเทพนั้น ตนก็ยอมรับตรง ๆ เลยว่าตอนแรกก็ยังไม่ปักใจเชื่อ เพราะคิดว่าหากสถานการณ์ดีขึ้น ก็คงจะกลับมาเปิดอีกครั้ง แต่เมื่อได้รับการยืนยันจากทางบริษัท ก็รู้สึกใจหายเหมือนกัน จากนี้เท่าที่คุยกับทางบริษัท เขาจะนำช้าง 1 เชือกไปอยู่ที่สาขาภูเก็ต ซึ่งตนก็โชคดีที่ได้ติดตามไปเลี้ยงช้างตัวนี้ที่ภูเก็ตด้วย แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะย้ายไปเมื่อใด
"ถามว่าส่วนตัวแล้วคิดถึงอะไรในสยามนิรมิต สาขากรุงเทพบ้าง ผมว่าหลัก ๆ เลยก็คือบรรยากาศความคึกคักของนักท่องเที่ยว และอีกอย่างที่สำคัญนั่นก็คือความเป็นกันเอง ความเอาใจใส่ของเจ้านายในบริษัท ที่เป็นห่วงปากท้องพนักงานทุก ๆ คน หลังจากนี้ปิดตำนาน 16 ปี สยามนิรมิต ผมก็อยากขอบคุณนักท่องเที่ยวทุกคน หากไม่มีนักท่องเที่ยวเราก็คงไม่มีรายได้ และอยากขอบคุณบริษัท หากไม่มีสยามนิรมิต ผมก็คงไม่ได้ยืนอยู่จุดนี้ และอยากขอบคุณสัตว์ทุก ๆ ตัว เพราะถ้าไม่มีพวกเขา ก็คงไม่ได้อยู่ในสยามนิรมิตเหมือนกัน ทุกอย่างคือความภาคภูมิใจ" นายพิษณุ กล่าวทิ้งท้าย
