ภายหลังจากเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรี โดยประกาศออกมาว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน ให้พ้นจากตำแหน่งและออกจากการเป็นรัฐมนตรี เพื่อความเหมาะสมและบังเกิดประโยชน์แก่ราชการ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 171 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ล่าสุดวันที่ 10 ก.ย.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านในพื้นที่จ.พะเยา ส่วนใหญ่รู้สึกตกใจและเสียดายที่ ร.อ.ธรรมนัส พ้นจากตำแหน่ง รมช.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เนื่องจากที่ผ่านมา ถือว่าร.อธรรมนัส ได้พัฒนาจ.พะเยา เกือบทุก ๆ ด้าน แต่ถึงแม้ ร.อ.ธรรมนัส จะมีตำแหน่งเพียง ส.ส.ของจังหวัดพะเยา ก็ยังสามารถที่จะช่วยเหลือชาวบ้านได้ และชาวบ้านส่วนใหญ่เชื่อว่า หลังจากนี้อนาคตของอดีต รมช.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะต้องมีแนวทางและมีโอกาสดำรงตำแหน่งอื่น ๆ ที่จะช่วยเหลือชาวบ้านได้แน่นอน
ขณะที่บรรยากาศบริเวณบ้านพักของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า บ้านเลขที่ 888 หมู่ 14 ต.บ้านต๋อม อ.เมือง จ.พะเยา บรรยากาศเป็นไปอย่างเงียบเหงา ประตูรั้วปิดอย่างมิดชิด เนื่องจาก ร.อ.ธรรมนัส ยังไม่เดินทางกลับมาในพื้นที่ คงมีเพียงผู้ดูแลบ้าน 1 ราย รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสายตรวจ สภ.เมืองพะเยา เดินทางมาเฝ้าสังเกตการณ์และดูแลความปลอดภัยบริเวณหน้าบ้านเท่านั้น
นายจิรพงศ์ ใจลา ผู้นำองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ต.บ้านต๊ำ อ.เมือง จ.พะเยา เปิดเผยว่า ชาวบ้านในพื้นที่จ.พะเยา ส่วนใหญ่รู้สึกตกใจและเสียดาย เนื่องจากที่ผ่านมาถือว่า รมช.เกษตรฯ ได้ช่วยเหลือให้จังหวัดพะเยาพัฒนาก้าวไปอย่างรวดเร็วในทุกด้าน แต่เชื่อมั่นว่าอดีตรัฐมนตรีช่วย ถึงแม้จะมีตำแหน่งเฉพาะเพียง ส.ส.ของจังหวัดพะเยา แต่ก็ยังสามารถที่จะช่วยเหลือชาวบ้านได้
ในวันนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโรงงานตามโครงการ "Factory Sandbox" จ.นนทบุรีที่ บริษัท เอส.บี.อุตสาหกรรมเครื่องเรือน จำกัด โดยรับฟังบรรยายสรุปเกี่ยวกับความเป็นมาของแผนงานและผลการดำเนินงานของโครงการฯ จากนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
ทั้งนี้ ยังร่วมรับฟังบรรยายสรุปการดำเนินโครงการ "Factory Sandbox" ของบริษัท เอส.บี.อุตสาหกรรมเครื่องเรือน จำกัด จากผู้บริหารบริษัทฯ และนายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบาย จากนั้นเดินทางไปตรวจเยี่ยมผู้ประกันตนที่เข้ารับการตรวจ RT-PCR ที่อาคารสนามกีฬา
พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ว่า ตนขอชื่นชมการบริหารงานของบริษัท เนื่องจากตรงกับมาตรการที่รัฐบาล และกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งจะเป็นต้นแบบของโรงงานอื่น ๆ ต่อไป ตนยืนยันว่าไม่อยากให้ภาคธุรกิจหยุดกิจการ เพราะทุกคนมีรายจ่ายทั้งสิ้น และสถาการณ์ทางเศรษฐกิจขณะนี้ก็กำลังจะดีขึ้น นี่คือสิ่งที่เรียกว่าหัวใจดวงเดียวกัน ต้องทำให้ประเทศชาติสงบไม่วุ่นวาย และให้อยู่ร่วมกับโควิด-19 ให้ได้
ส่วนการประชุมศบค.วันนี้ จะมีหลายเรื่องที่จะพิจารณา ทั้งการเตรียมการล่วงหน้า และประเมินสถานการณ์หากมีความเสี่ยงมากขึ้น ตนขอให้สื่อมวลชนอย่านำเสนอข่าวที่ยังไม่ออกมาจาก ศบค. ต้องดูความจำเป็นในการผ่อนปรนมาตราการต่าง ๆ เพราะตนไม่อยากตอบล่วงหน้ากรณีปรับลดพื้นที่สีแดงเข้ม หากผลที่ออกมาไม่ตรงกับที่ประชุมจะมีคนต่อว่าในภายหลังได้
ขณะที่การฉีดวัคซีนในเด็กก็ต้องดูว่าจะยี่ห้อใดจะเหมาะสม เพื่อให้เด็ก ๆ ได้กลับมาเปิดเทอม แต่ยังมีคนด้อยค่าวัคซีนอยู่ ตนจึงขอให้ดูตัวเลขผู้หายป่วยเพิ่มมากขึ้น มีผลต่อเตียงที่ว่าง รวมถึงผู้ป่วยอาการหนักลดจำนวนน้อยลง ซึ่งเป็นผลมาจากการทำงานหนักของทีมแพทย์
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวปฏิเสธตอบคำถามที่ว่า ได้คุยกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ในการปรับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ พ้นจากรัฐมนตรี แต่ได้ย้อนถามสื่อมวลชนว่า "จะคุยเรื่องอะไร ให้ไปดูมาตรา 171"
เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าสบายใจขึ้นแล้วหรือไม่ หลังมีการปรับคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี กล่าวสั้น ๆ ว่า "ผมสบายใจมาโดยตลอด แต่เป็นเรื่องที่นายกรัฐมนตรีต้องปรับเปลี่ยน เพื่อให้เกิดผลดีกับการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งรัฐธรรมนูญก็เขียนเอาไว้ชัดเจนแล้ว ให้คุณไปดูในมาตรา 171"
อย่างไรก็ตาม สำหรับมาตรา 171 ในรัฐธรรมนูญปี 2560 นั้น บัญญัติไว้ว่า “พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอํานาจในการให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรี ตามที่นายกรัฐมนตรีถวายคําแนะนํา”
นอกจากนี้ เฟซบุ๊กของ Wassana Nanuam นักข่าวสายทหาร ยังระบุข้อความว่า “บิ๊กตู่” หัก “บิ๊กป้อม” ปลดฟ้าผ่า”ธรรมนัส-นฤมล” เพิ่งบอก “พี่ใหญ่” เมื่อบ่ายวันนี้ บอก “เรื่องของผม” “บิ๊กป้อม” นิ่งชี้อำนาจนายกฯ แต่ไม่คาดคิดบิ๊กตู่จะตัดสินใจแบบนี้
มีรายงานว่า เมื่อช่วงบ่ายโมง ของวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้ออกจากทำเนียบรัฐบาล ไปยังมูลนิธิป่ารอยต่อฯ เพื่อพบกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ โดยได้แจ้งเรื่องของการปลด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ และอ.แหม่ม นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.แรงงาน ออกจากตำแหน่ง และมีโปรดเกล้าฯ ประกาศในราชกิจจานุเบกษาลงมาแล้ว พร้อมบอกเหตุผลสั้น ๆ แค่ว่า “เรื่องของผม” ผมมีเหตุผลของผม ก่อนที่จะออกไปภารกิจตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลสนาม รพ.ปิยะเวท ย่านห้วยขวาง
แหล่งข่าวใกล้ชิด เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร ก็ไม่คาดคิดว่าพล.อ.ประยุทธ์ จะตัดสินใจเช่นนี้ เพราะไม่ได้ปรึกษาหารือก่อนเลย แต่ถือเป็นอำนาจของนายกฯ ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้ขอให้ ร.อ.ธรรมนัส ช่วยงานพรรคพลังประชารัฐต่อไป หลังจากที่ แถลงลาออก จาก รมช.เกษตรฯ และจะกลับไปเป็น ส.ส.พะเยา และอาจจะไปอยู่ บ้านใหม่ หรือพรรคใหม่ที่เตรียมการตั้งไว้แล้ว
นอกจากนี้ ชาวเน็ตยังได้นำหนังสือลาออกจากตำแหน่ง รมช.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ของ ร.อ.ธรรมนัส ออกมากางให้ดูชัด ๆ ด้วยว่าการเขียนมีจุดที่ผิดเพี้ยนหลายตำแหน่ง ไม่ว่าเป็นหัวกระดาษ แทนที่จะขึ้นต้นว่า หนังสือขอลาออกจากตำแหน่ง แต่มีคำว่า "แบบ" หนังสือขอลาออกจากตำแหน่งติดมาด้วย หรือการกำหนดวันที่ 8 ก.ย.64 ซึ่งจัดวางตำแหน่งไม่ตรงกลางของหนังสือลาออกอย่างเป็นทางการทั่วไป และมีการใช้เครื่องหมาย ฯ หรือไปยาลน้อยนำหน้า นายกรัฐมนตรี "ฯพณฯ" แบบไม่ครบถ้วน
หรือแม้แต่การจัดวรรคตอนระหว่างบรรทัด ไม่เสมอหรือตรงกัน เช่น คำว่า เรื่อง บรรทัดแรก ไม่ตรงกับคำว่า เรียน ที่อยู่ในบรรทัดถัดไป ควรจะจัดหน้าระหว่างบรรทัดให้ตรงกัน ส่วนชื่อของผู้ที่ขอลาออก ก็ใส่คำนำหน้าทั้งยศ ร.อ และคำว่า นาย รวมถึงยังขาดการเขียนคำลงท้ายว่า "ขอแสดงความนับถือ"
ผศ.วันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ ม.รังสิต อธิบายว่า แรกเริ่มเดิมทีกระทรวงแรงงานไม่ได้มีบทบาทหน้าที่อะไรมากนัก ทุกรัฐบาลจะมีแค่รัฐมนตรีว่าการเพียงคนเดียว แต่เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องเกลี่ยเก้าอี้มาให้กลุ่ม 4 ช. จึงตัดเก้าอี้รัฐมนตรีช่วย จากกระทรวงเกษตรฯ ที่มีงานเยอะ จำเป็นต้องมี รมช.จำนวนหลายคน ออกมาอีก 1 ตำแหน่ง เพื่อปัดมาให้นางนฤมล เป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน
แต่ในระยะหลัง ๆ นางนฤมล มีภาพความใกล้ชิด ร.อ.ธรรมนัส และเดินตาม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ มาโดยตลอดเวลา และนางนฤมล มีสไตล์การทำงานที่ไม่ลงรอยกันกับนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ซึ่งคุม ส.ส.ในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)
ดังนั้น เมื่อจำเป็นต้องลดบทบาท และตัดกำลังกลุ่ม 4 ช. ที่เริ่มมีบทบาทในพรรคพลังประชารัฐ นางนฤมล จึงเป็นตัวเลือกที่ตัดได้ง่ายที่สุด เพราะนางนฤมล ไม่มี ส.ส.ในมือ และทำให้การจัดเก้าอี้ รัฐมนตรีในโควตาของพรรคพปชร.ทำได้ง่ายขึ้น และคิดว่า พล.อ.ประยุทธ์ คงรับฟังข้อมูลจากนายสุชาติ มาประกอบการพิจารณาด้วย
ส่วนประเด็นที่หลายคนวิเคราะห์ว่า เมื่อร.อ.ธรรมนัส ลาออกแล้ว จะส่งผลต่อการโหวตร่างแก้ไข รธน.วันนี้หรือไม่ แต่ปรากฏว่าที่ประชุมรัฐสภามีติผ่านฉลุยแบบผิดคาดนั้น ตนขอเตือนว่าอย่าเพิ่งด่วนสรุปว่า ร.อ.ธรรมนัส หมดอำนาจต่อรองหรือหมดฤทธิ์เดชแล้ว เพราะวันนี้เป็นแค่จุดเริ่มต้นของมหากาพย์ความขัดแย้งภายในพรรคพลังประชารัฐ ตนยังคิดว่ากลุ่ม 4 ช. ยังมีบทบาทอยู่เนือง ๆ และที่สุดแล้วนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ก็น่าจะผงาดขึ้นมาเป็นเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ต่อจาก ร.อ.ธรรมนัส หรือไม่
อย่างไรก็ตาม ในเรื่องการปรับ ครม. ตนขอประเมินว่ายังไม่ปรับเร็ว ๆ นี้ เพราะพล.อ.ประยุทธ์ น่าจะรอให้คลื่นลมในพรรค พปชร. สงบลงก่อน และรอ “เวลา” เพื่อใช้เป็นเครื่องมือต่อรองเก้าอี้กับกลุ่มต่าง ๆ ให้ราบรื่นอย่างที่สุด
สำหรับ กลุ่ม 4 ช. จะประกอบไปด้วย 1.ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีต รมช.เกษตรฯ 2. นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง 3.นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ อดีต รมช.แรงงาน และ 4.นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม
นายมงคลกิตติ์ สินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ โพสต์เฟซบุ๊กถึงพล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรค พปชร.ว่า "ผมขอให้กำลังใจพี่ชายเพื่อนร่วมรบ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตรมช.เกษตร และส.ส.พะเยา เขต 1 พวกเรามันเสืออยู่ในกรงคงไม่ไหว พี่ทำถูกแล้วที่ทำตามเสียงเรียกร้องของประชาชน คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก"
"พปชร.หนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี แต่พล.อ.ประยุทธ์ ปลดเลขาธิการพรรคและเหรัญญิกพรรค ออกจากรัฐมนตรี ไม่ไว้หน้า คิวต่อไปคงหัวหน้าพรรคแน่ ๆ น่าสงสาร พี่ใหญ่บอก ตู่ไปป้อมไป น้องตู่บอก พี่ไป ผมอยู่ใครจะทำไม” นายมงคลกิตติ์ ระบุ
สื่อนอกตีข่าว "ธรรมนัส" ถูกปลดพ้นเก้าอี้รัฐมนตรี หลังพยายามสมคบคิดกับพรรคฝ่ายค้าน “โค่นอำนาจ พล.อ.ประยุทธ์” โดยรายงานข่าวจากหน้าเว็บไซต์ ซิดนีย์ มอร์นิ่ง เฮรัลด์ ของออสเตรเลีย ระบุว่า มีรายงานว่า ร.อ.ธรรมนัส ได้พยายามจับมือเป็นพันธมิตรกับพรรคการเมืองฝ่ายค้านพรรคหนึ่ง เพื่อโค่นพล.อ.ประยุทธ์ และดึงให้สมาชิกในพรรคของตัวเองเกิดความแตกแยก แต่พล.อ.ประยุทธ์ รอดพ้นการลงมติไม่ไว้วางใจ โดยมีข่าวลือว่านายกฯ เสนอจ่ายเงินถึง 200,000 ดอลลาร์ฯ ต่อการโหวตสนับสนุน ซึ่งเจ้าตัวออกมาปฏิเสธ
รายงานของซิดนีย์ มอร์นิ่ง เฮรัลด์ ระบุด้วยว่า ในที่สุดรัฐมนตรีของไทยซึ่งเคยถูกจำคุกในซิดนีย์ จากการนำเข้าเฮโรอีน ก็พ้นจากตำแหน่งแล้ว
สื่อยักษ์ใหญ่ของออสเตรเลีย ยังระบุว่า ร.อ.ธรรมนัส สมัยที่ยังใช้ชื่อเดิมว่า มนัส โบพรหม ต้องถูกจำคุกที่เรือนจำพาร์คลีย์ของนครซิดนีย์ ออสเตรเลีย จากความผิดฐานลักลอบขนเฮโรอีน จำนวน 3.2 กิโลกรัม เข้าสู่ออสเตรเลีย ต่อมาเจ้าตัวได้ยอมรับผิดและถูกทางการออสเตรเลียเนรเทศ แต่ต่อมา ร.อ.ธรรมนัส ชี้แจงกลางรัฐสภาของไทยว่า เป็นแค่พยานในคดีเท่านั้น พร้อมย้ำว่าเฮโรอีนที่ถูกทางการออสเตรเลียตรวจยึดในครั้งนั้น เป็นเพียง “ผงแป้ง” ไม่ใช่ยาเสพติด นอกจากนี้ สื่อออสเตรเลียยังรายงานว่า หลังจากถูกเนรเทศจากออสเตรเลีย ร.อ.ธรรมนัส ได้กลับมาประจำการที่กองทัพบกของไทย พร้อมมีการเปลี่ยนชื่อนามสกุล อีกอย่างน้อย 4 ครั้ง
