เปิดภาพนาทีฆ่า “เด็กอุเทน” สุดกตัญญูช่วยแม่ขายของ อึ้งซุ่มดูก่อนยิง เชื่อปมสถาบัน (คลิป)

จากกรณี นายกมลวิช สุวรรณทัต หรือเอก หรือ บิ๊ก อายุ 24 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะโลจิสติก สถาบันเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออกวิทยาเขตอุเทนถวาย ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิต บริเวณปากซอยนวมินทร์ 57 ซึ่งเป็นพื้นที่ขายอาหารที่มีพ่อค้าแม่ค้าจำนวนมาก

วันที่ 13 ต.ค. 61 พ.ต.อ.ภาสกร รัตนปนัดดา ผกก.สน.ลาดพร้าว เปิดเผยว่า ตนสั่งการให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดแล้ว ขณะนี้ทราบตัวคนร้ายและเส้นทางการหลบหนี โดยเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างดำเนินการจึงไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ สำหรับกระสุนจะเป็นชนิดใดนั้น ต้องรอแพทย์ทำการผ่าตรวจพิสูจน์ให้แน่นชัดเสียก่อน สำหรับประเด็นการก่อเหตุ ขณะนี้ตำรวจได้ตั้งปมปัญหาไว้ 3 ปม คือ ปัญหาส่วนตัว (ชู้สาว), ปัญหากับเพื่อนร่วมงาน และปัญหาเรื่องของสถาบัน อย่างไรก็ตามยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง นายนฤดม สุวรรณทัต พ่อของผู้เสียชีวิต บอกว่า ตั้งแต่ลูกถูกคนตามล่าตัว บิ๊กก็ไม่สบายใจและออกไปอยู่ที่อื่น กระทั่งคนกลุ่มนั้นหายไป บิ๊กเห็นว่าปลอดภัยแล้วจึงย้ายกลับมาอยู่ที่บ้านกับพ่อแม่อีกครั้ง และมาเซ้งร้านราดหน้าซึ่งเป็นธุรกิจของบ้านแฟนสาว ซึ่งบิ๊กจะให้แม่มาช่วยขายก่อนช่วงหัวค่ำ หลังเสร็จงานของตัวเองก็จะมาขายต่อเอง ที่ผ่านมาบิ๊กไม่เคยเล่าเรื่องที่โรงเรียนให้ฟัง เพราะไม่เคยมีปัญหากับใคร แต่เขาเริ่มระวังตัวเองตั้งแต่เพื่อนจากสถาบันเดียวกันเริ่มถูกตามล่า กระทั่งมาพบเรื่องผิดสังเกตกับน้องบิ๊ก จึงยิ่งกังวล ในวันที่หยุดขายของ คนในซอยที่เกิดเหตุบอกว่ามีรถจยย. มาจอดแล้วโทรศัพท์ถามปลายสายว่า "บ้านหลังที่ปิดไฟนี้รึเปล่า" ซึ่งตนคาดว่าคนร้ายคงจะมาตามหาบ้านของเรา ตนคิดว่าการแก้แค้นกันไปมาแบบนี้ควรจะจบสิ้นเสียที เรื่องนี้ควรจะหยุดตั้งนานแล้ว เพราะทำให้ที่คนไม่รู้เรื่องอย่างลูกของโดนแบบนี้ ลูกของตนเป็นคนขยัน และหากบอกลูกได้เป็นครั้งสุดท้าย ขอให้ชาติหน้าได้กลับมาเกิดเป็นลูกของพ่อเหมือนเดิม

ขณะที่ นางเขมนิจ สุวรรณทัต แม่ของผู้เสียชีวิต เล่าว่า ขณะเกิดเหตุ ตนและลูกชายขายของอยู่ปกติ จากนั้นตนจึงสั่งให้ลูกยกถังน้ำมาล้างจาน จากนั้นเห็นคนร้ายขี่รถจักรยานยนต์เข้ามา ลูกชายไม่ทันระวังตัวทันตั้งตัว จากนั้นคนร้ายจึงลงจากรถและจ่อยิงหัวแล้วลำตัวลูกชาย ตนเห็นลูกชายล้มลงตรงต่อหน้าต่อตา ส่วนคนร้ายก็ขึ้นรถจักรยานยนต์ ขับรถหลบหนีไป

ขณะที่ครอบครัวอยู่ที่บ้านหลังเก่าย่านลาดพร้าว ตอนที่บิ๊กยังขับรถแท็กซี่กะกลางคืน และเห็นว่ามีรถแปลก ๆ มาจอดเฝ้าอยู่หน้าบ้าน สัปดาห์หนึ่งจะมา 2-3 ครั้ง ในช่วงเวลาก็จะแตกต่างกันออกไป ตั้งแต่เที่ยงคืน ตี 3 ตี 5 โดยบิ๊กก็จะโทรมาบอกว่า "รถคันนี้ผมไม่เคยเห็น แม่ช่วยมาดูหน่อย" พอแม่ออกมาดู รถคันนั้นก็รีบสตาร์ทและขับออกไปทันที ซึ่งผิดสังเกต ขณะนั้นตนยังพูดกับลูกอยู่ว่า "เขามาตามแกแน่เลย" แต่ก็ไม่ได้มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น กระทั่งย้ายบ้านมาอยู่ที่ใหม่ กระทั่งทราบจากวินจักรยานยนต์ ก่อนหน้านี้เคยมีผู้ชายแปลกหน้า มานั่งอยู่ที่วิน อาทิตย์ละครั้งบ้าง 2 อาทิตย์ครั้งบ้าง โดยชาวบ้านแถวนั้นบอกว่า ชายคนดังกล่าวรู้ที่จอดรถเข็น ซึ่งที่นั่นเป็นบ้านที่เช่าไว้สำหรับเก็บของ หลังจากนี้ ขอให้ลูกชายหลับให้สบาย ไม่ต้องกังวล ตนจะนำตัวคนผิดมาดำเนินคดีให้ได้เพื่อลูก แล้วซักวันหนึ่งจะตามลูกไป

นายโอ๊ค เพื่อนสนิท กล่าวว่า ตนเรียนด้วยกันกับนายบิ๊กมาตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และมาเรียนต่อที่ อุเทนถวาย ด้วยกัน ผู้ตายและตนสนิทกันมาก อยู่ด้วยกันตลอด คุยกันทุกอย่างทุกเรื่อง ช่วงที่เรียนปี 2 บิ๊กเคยบอกว่ามีคนซุ่มดักรอแถวบ้าน จึงไม่กล้าเข้าบ้าน แต่จะไปอยู่บ้านเพื่อนที่โรงเรียนแทน คนพวกนั้นก็จะหายไป แต่เมื่อบิ๊กกลับมาอยู่ที่บ้าน คนกลุ่มนี้ก็มาดักรออีก ที่ผ่านมาตนรู้สึกกังวล และกลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ คือ เหตุการณ์ตอนงานศพของ เต้ ธนิต ทัฬหสุนทร ซึ่งเป็นรุ่นพี่ที่สนิทในโรงเรียนที่ถูกแทงเสียชีวิตช่วงสงกรานต์ ปี 2559  (อ่าน : เด็กอุเทนฯ เหยื่อปืนโหด เล่านาทีหวิดตาย-พ่อ “เอ็ม” ก๊วน “เต้” ร่วมขบวนร้อง ตร.หวั่นลูกตายฟรี) ซึ่งในวันที่มีการตามมายิงซ้ำในวัด ตนก็อยู่ในเหตุการณ์เช่นกัน เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องที่ขึ้นอยู่กับคนส่วนน้อยของทั้ง 2 สถาบัน ซึ่งสถาบันของตนมักจะถูกกระทำอยู่ตลอด

นายโอ๊ค กล่าวอีกว่า ก่อนเกิดเรื่อง ตนยังนัดกันกับบิ๊กไว้ว่าจะไปกินเลี้ยงวันเกิด เพราะ วันที่ 21 ต.ค. นี้ เป็นวันเกิดของบิ๊ก แต่กลับมาเกิดเรื่องนี้ขึ้นก่อน สุดท้าย อยากบอกบิ๊กว่า รักเขาที่สุด และจุกจนพูดอะไรต่อไม่ออก จะจับไหม อุเทนโดนมาเยอะแล้ว

นายบอล (นามสมมติ) รุ่นพี่สถาบันอุเทนถวาย เปิดเผยว่า ตนมองว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องสถาบันแน่นอน มีความเป็นไปได้ถึง 90% ซึ่งที่ผ่านมาตนก็เคยเตือนน้องให้ระวังตัวมาโดยตลอด แต่ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น หากเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เร่งดำเนินการจับคนร้ายให้ได้ กรณีแบบนี้ก็ยังคงจะเกิดขึ้นต่อไปเรื่อย ๆ เพราะคนร้ายก็จะได้ใจ อย่างกรณี นายธนิต ทัฬหสุนทร หรือเต้ ก็เพื่อนตนที่ถูกอริแทงเสียชีวิต หากเจ้าหน้าที่ดำเนินการจับคนร้ายให้ได้ พ่อของเต้ก็คงไม่กระโดดศาลอาญาเสียชีวิต (อ่าน : ช็อก! คดีพ่อโดดตึกศาล พบอริบุกฆ่าก๊วนลูกในงานศพ เพื่อนชี้หนอนบ่อนไส้ทำคดีพลิก) อย่างไรก็ตาม จากที่ตนไปที่เกิดเหตุคืนนี้ ได้ข้อมูลว่า คล้ายกับว่าจะมีคนมาซุ้มดูผู้ตายหลายวันแล้ว สัปดาห์ที่แล้วก็เห็นคนมาดักรอ แต่ผู้ตายไม่เดินทางมา ตนคิดว่าหากน้องมาตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว คงเกิดเหตุดังกล่าวเช่นกัน

จากการสำรวจพื้นที่จุดเกิดเหตุ ผู้สื่อข่าวพบว่า เป็นพื้นที่จอดรถของธนาคารหน้าหมู่บ้าน และสังเกตว่าเห็นกล้องวงจรปิดที่คาดว่าจะจับภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ ซึ่งเป็นวงจรปิดของหมู่บ้าน จากนั้นทีมข่าวจึงได้ติดต่อขอภาพจากกล้องวงจรปิดดังกล่าว พบว่า สามารถจับภาพเหตุการณ์และพฤติกรรมของคนร้ายได้ชัดเจน

เวลา 21.12.07 น. คนร้ายขับรถจักรยานยนต์ เลี้ยวจากถนนนวมินทร์ เข้ามาในซอยนวมินทร์ 57 โดยเห็นคนร้าย 2 คน สวมหมวกกันน๊อคเต็มใบ

เวลา 21.12.35 น.คนร้ายกลับรถออกมาจากภายในซอย มุ่งหน้าไปที่ปากซอย จากนั้นคนร้ายจอดรถห่างจากปากซอยราว 50 เมตร เพื่อให้มือปืนลงจากรถ

เวลา 21.12.51 น. คนร้ายที่เป็นผู้ซ้อนท้าย ลงจากรถจักรยานยนต์ ห่างจากจุดที่ผู้เสียชีวิตตั้งร้านอยู่ราว 50 เมตร โดยรถจักรยานยนต์ขับไปจอดที่บริเวณปากซอย วงจรปิดมุมหนึ่งจับภาพคนร้ายลักษณะรูปร่างสูง ผอม ใส่เสื้อคลุมแขนยาว กางเกงขายาว สวมหมวกกันน๊อคเต็มใบ ลักษณะคล้ายคนผมยาว เนื่องจากเห็นปลายผมรอดออกมาจากหมวก เดินมุ่งตรงไปที่ผู้ตาย

เวลา 21.13.06 น. คนร้ายเดินตรงไปที่รายของผู้ตาย แต่สังเกตเห็นผู้ตายเดินออกไปจากร้าน มุ่งตรงไปที่ปากซอย คนร้ายเห็นเช่นนั้นจึงวิ่งอย่างรวดเร็ว ใช้อาวุธปืนยิงเข้าที่ร่างผู้ตาย 4 นัดติดต่อกัน จากนั้นก็วิ่งไปที่รถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ แล้วหลบหนีไปตามถนนนวมินทร์ คนร้ายใช้เวลาก่อเหตุเพียงไม่ถึง 1 นาทีในการสังหารผู้ตาย

พ่อค้าร้านอาหารข้างร้านผู้ตาย ให้ข้อมูลว่า ช่วงเกิดเหตุมีลูกค้าที่มากินข้าวน้อยแล้ว ตนนั่งเล่นอยู่บริเวณร้านและมองไปตามถนน สังเกตเห็นคนร้ายวิ่งผ่านไป ลักษณะคนร้ายใส่เสื้อคลุมผ้าร่ม มุ่งตรงไปที่ผู้ตาย โดยตอนแรกตนคิดว่าเพื่อนคงมาหา หรือจะมีเรื่องทะเลาะกัน แต่จังหวะนั้นก็เห็นคนร้ายยิงผู้ตายไม่ยั้ง ก่อนหลบหนีไป โดยไม่มีการพูดคุยกันสักคำ ผู้ตายได้ร้อง เอ้อ เอ้อ ก่อนจะหมดสติไป ทั้งนี้ ตนเห็นว่าผู้ตายเป็นเด็กดีคนหนึ่ง ไม่เคยเห็นมีเรื่องกับใคร แม้จะมีเพื่อนมาหาบ่อยครั้งแต่ก็ไม่เคยมีปัญหา ผู้ตายยังเป็นคนชอบช่วยเหลือพ่อแม่ โดยมาช่วยทุกวันที่ขายอาหาร