ตะลึงสุสานแท็กซี่ 300 คันกลายเป็นแปลงผัก โชเฟอร์สุดยื้อร่ำไห้วอนรัฐลงจากหอคอย (คลิป)

9 ก.ย. 64

แม้ว่าจะมีการร้องขอความช่วยเหลืออยู่เป็นระยะ ๆ สำหรับผู้ประกอบอาชีพขับรถแท็กซี่รับจ้างและเจ้าของอู่ ที่ให้บริการเช่าแท็กซี่ ซึ่งขณะนี้กำลังประสบปัญหาขาดแคลนรายได้ท่ามกลางภาวะวิกฤตโควิด-19 ระลอก 3 บางคทนพิษเศรษฐกิจไม่ไหวต้องขอโบกมือลาส่งรถคืนให้กับสหกรณ์และอู่ต้นทาง แล้วหันไปหาช่องทางเลี้ยงปากเลี้ยงท้องที่ดีกว่านี้

อย่างก่อนหน้านี้ ที่อมรินทร์ ทีวี เคยนำเสนอภาพสุสานแท็กซี่นับร้อยคันที่จอดเรียงอยู่ด้านหลังของบริษัท บวรแท็กซี่ ถนนพุทธสาคร ต.สวนหลวง อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ถูกปกคลุมไปด้วยเถาวัลย์ เนื่องจากไม่ได้ใช้งานมาเป็นเวลากว่า 1 ปี

902523452477

ล่าสุดวันที่ 9 ก.ย.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปสำรวจอีกจุดหนึ่ง ซึ่งต้องบอกว่าความเสียหายก็หนักไม่แพ้กัน อย่างในพื้นที่เช่าจอดรถ ซอยบางแวก 6 แขวงบางแวก เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร ก็มีรถแท็กซี่ที่ถูกส่งคืนจอดอยู่กว่า 300 คัน และแม้จะไม่มีเถาวัลย์ขึ้นปกคลุม แต่นายฐาปกรณ์ อัศวเลิศกุล อายุ 54 ปี ที่ปรึกษาสหกรณ์บวรและราชพฤกษ์แท็กซี่ ผุดไอเดียปรับเปลี่ยนให้หลังคาและกระโปรงรถ กลายเป็นแปลงปลูกผักย่อม ๆ เพื่อให้เป็นกิจกรรมยามว่างของพนักงานในสหกรณ์กว่า 30 คน ได้ลงมือปลูกผักไว้ต้มจิ้มน้ำพริกกินกัน

414934

นายฐาปกรณ์ กล่าวว่า ครั้งที่แล้วที่มีการร้องขอความช่วยเหลือไป ยอมรับเลยว่ายังไม่มีที่ไหนตอบรับการเยียวยา ทั้งดอกเบี้ยและค่าแก๊ซ อย่างรถตรงนี้จอดอยู่ร่วม 2 ปีแล้ว เพราะสถานการณ์โควิด-19 คนขับไม่สามารถหารายได้ได้ หรือบางคนรายได้ก็ไม่พอกับรายจ่าย จึงต่างพากันทยอยคืนรถเรื่อย ๆ ตนต้องกระจายไปจอดตามจุดต่าง ๆ ทั่วกรุงเทพ รวมแล้วกว่า 2,000 คัน จากแท็กซี่ของสหกรณ์ทั้งหมดที่มีกว่า 3,000 คัน หมายความว่ารถแท็กซี่ของสหกรณ์ที่ขับอยู่บนท้องถนนวันนี้เหลือไม่ถึง 1,000 คัน

754084

ในเมื่อ 2,000 คันไม่มีคนขับมาเช่าไปใช้งาน สหกรณ์ก็ไม่มีรายได้มาจ่ายไฟแนนซ์ ซึ่งแต่ละคันก็ตกคันละที่ 400,000-700,000 บาท แล้วแความเก่าใหม่ ดังนั้นภาระทั้งหมดจึงตกอยู่ที่สหกรณ์ แต่ถ้าให้ตีมูลค่าความเสียหายของรถทั้งหมด บอกเลยว่ารอบนี้ประเมินค่าไม่ได้แล้วจริง ๆ

ส่วนกับไอเดียที่เปลี่ยนจากหลังคาและกระโปรงรถเป็นแปลงผักย่อม ๆ นั้น ตนมองว่าถือเป็นวิธีแก้เครียดของพนักงานในสหกรณ์ ที่ต้องเผชิญกับวิกฤตโควิด-19 ขาดแคลนรายได้มาเกือบ 2 ปี ก็เลยให้ปลูกผักกันแบบสนุก ๆ ไม่ได้หวังจะสร้างรายได้อะไร แค่หากโชคดีมันเติบโตก็ได้เก็บมากิน และที่สำคัญก็คืออยากสะท้อนให้หน่วยงานเห็นว่าวันนี้วิกฤตหนักถึงขั้นที่ต้องมาปลูกผักบนรถแท็กซี่แล้ว เพราะทั้งคนขับ ทั้งเจ้าของอู่ พนักงานในสหกรณ์ ไม่มีหนทางจะไปแล้วจริง ๆ ใครจะไปคิดว่ารถคันละเป็นล้านที่เคยขับอยู่บนท้องถนน วันนี้จะต้องจอดร้างจนเถาวัลย์ขึ้น

998793

ด้วยเหตุนี้ ตนจึงขอเป็นกระบอกเสียงขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งบริษัทรถ บริษัทไฟแนนซ์ ช่วยลดดอกเบี้ยลงบ้าง ที่สำคัญคือค่าแก๊ซที่แพงขึ้นทุกเดือน ก็อยากให้ลดลงด้วย หรืออย่างน้อยน้อยก็ให้แจกจ่ายถุงยังชีพแก่คนขับแท็กซี่ในระยะยาว เพราะรายจ่ายแต่ละวันของคนขับแท็กซี่ แทบจะเยอะกว่ารายรับแล้วด้วยซ้ำไป

อย่างไรก็ตาม ทุกครั้งที่เห็นสีหน้าแววตาและได้รับเสียงสะท้อนความเดือดร้อนจากคนขับแท็กซี่ที่ไม่สามารถไปต่อได้ ตนยอมรับเลยว่าเหนื่อยและลำบากใจมาก ๆ เพราะเดิมทีแล้วคนขับแท็กซี่ส่วนใหญ่ก็คือชาวบ้านที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด หาเช้ากินค่ำ เมื่อเป็นแบบนี้เขาก็ต้องถอดใจกลับไปทำ ไร่ทำนา เลี้ยงกบ เลี้ยงปลาที่บ้านแทน และก็ยังคงเป็นแบบนี้ไปอีกนานจนกว่าโควิด-19 จะหายไป

474609

ทีมข่าวสังเกตว่าหลังคาและกระโปรงหน้ารถถูกเปลี่ยนเป็นแปลงผักชั่วคราว ทั้งมะระ ฟักทอง กวางตุ้ง ผักบุ้ง เป็นต้น โดยมีเหล่าพนักงานขายของสหกรณ์กว่า 30 คนต้องวางโทรศัพท์ วางปากกา แล้วออกจากโต๊ะทำงานในห้องแอร์ มาสวมบทเป็นเกษตรกรมือสมัครเล่น ปลูกผักกลางแดดร้อน ๆ

836641

น.ส.สุจิตรา สุขเฟื่องฟู อายุ 35 ปี พนักงานขายและเจ้าหน้าที่การเงินในสหกรณ์มา 10 กว่าปี วันนี้เจ้าตัวก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องมาจับเสียม พรวนดิน ปลูกผักบนกระโปรงรถ โดยน.ส.สุจิตรา กล่าวว่า ตนบอกเลยว่าที่จริงแล้วการได้ออกมาทำอะไรแบบนี้มันก็สนุก คลายเครียดดี ได้มีผักไว้กินกับเพื่อน ๆ หรือหากปลูกดี ๆ ก็อาจจะสร้างรายได้ เพราะหากนั่งอยู่แต่ในออฟฟิศทุกวันก็ไม่ได้มีรายได้เหมือนเมื่อก่อน จากเดิมที่เคยได้ยอดขายเดือนละ 30 - 40 คัน พอมีโควิด-19 เข้ามา บางเดือนแทบจะไม่มีเลยแม้แต่คันเดียว ส่วนใหญ่จะมีแต่คนขับที่มาขอคืนรถ โชคดีที่เฮียยังมีเงินเดือนให้ตน

789209

นอกจากนี้ ทีมข่าวยังมีโอกาสได้คุยกับ น.ส.ทัศนีย์ อยู่บำรุง อายุ 56 ปี อดีตคนขับแท็กซี่ ซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าตัวขับแท็กซี่มาเกือบ 6 ปี แต่ปัจจุบันสู้ต่อไม่ไหว จึงต้องคืนรถแล้วหันไปทำงานรับจ้างทั่วไปได้ประมาณเกือบ 1 ปีแล้ว ตั้งแต่มีโควิด-19 รอบ 2 เนื่องจากรายได้ไม่พอกับรายจ่ายที่ต้องรับผิดชอบ

โดยในวันนี้ น.ส.ทัศนีย์ พาไปดูรถคู่ใจที่ต้องพรากจากกันในช่วงโควิด-19 กล่าวว่า เหตุผลหลัก ๆ ที่ตนต้องคืนรถเพราะสู้กับรายจ่ายไม่ไหวจริง ๆ โดยเฉพาะค่าแก๊ซที่เพิ่มขึ้น 1 บาท ทุก ๆ วันที่ 15 ของเดือนตลอดเกือบ 2 ปี ไม่มีคำว่าลดจนถึงปัจจุบัน เหมือนบริษัทแก๊ซเห็นคนขับแท็กซี่เป็นแค่ตัวปั่นเงิน ดังนั้นเมื่อสะสมหลายเดือนมันก็ถือว่าเยอะมากเหมือนกันสำหรับคนขับแท็กซี่หาเช้ากินค่ำอย่างพวกตน

922367

ส่วนในเรื่องของความปลอดภัยเกี่ยวกับการแพร่ระบาดโควิด-19 ตนก็ไม่แน่ใจว่าจะนำเชื้อไปแพร่ให้ผู้โดยสารหรือไม่ หรืออาจจะได้รับเชื้อจากผู้โดยสาร แล้วนำไปติดคนที่บ้านอีก ซึ่งตรงนี้ก็เสี่ยงมากเหมือนกันสำหรับคนทำอาชีพนี้ เมื่อถึงจุดหนึ่งที่ตนขอยอมแพ้ เพราะมันหนักถึงขั้นไม่มีเงินเหลือซื้อข้าวกิน จึงบอกตัวเองทั้งน้ำตาว่า “หยุดก่อนดีไหม ไปต่อก็คงไม่ไหว” เนื่องจากในช่วงโควิด-19 แบบนี้ไม่มีคนใช้บริการ พอวิ่งหาลูกค้าไปเรื่อย ๆ แก๊ซก็หมด พอแก๊ซหมดก็ต้องเติมแก๊ซ

สำหรับในช่างสถานการณ์ปกติ รายได้วันละ 1,000-2,000 บาท ส่วนรายจ่าย ค่าเช่ารถวันละ 900 บาท, ค่าแก๊ซวันละ 300 กว่าบาท และค่าอาหารการกินวันละ 100-200 บาท ดังนั้นจะคงเหลือเงินกลับบ้าน 200-300 บาท แต่ในช่วงมีสถานการณ์โควิด-19 รายได้ไม่ถึง 1,000 บาท ส่วนรายจ่ายค่าเช่ารถวันละ 300 บาท, ค่าแก๊ซวันละ 400-500 บาท ค่าอาหารการกินวันละ 100-200 บาท ฉะนั้นไม่มีเหลือกลับบ้าน แถมยังจะต้องติดลบอีก

216389

"ช่วงที่ทนสู้ขับแท็กซี่ ยังโชคดีที่ว่ามีบ้านอยู่กรุงเทพฯ ไม่ต้องจ่ายค่าเช่า เพราะหากต้องจ่ายค่าเช่าบ้านด้วย คงต้องตายแน่ ๆ วันนี้คงไปอยู่ในวัดหรือไม่ก็สุสานเรียบร้อยแล้ว เห็นจากเพื่อนที่ขับแท็กซี่กลุ่มเดียวกันเกือบ 10 คน ตอนนี้ก็กลับไปทำไร่ ทำนา ปลูกผักอยู่ต่างจังหวัดหมดแล้ว หลังจากเลิกขับแท็กซี่มาได้เกือบ 1 ปี แล้วออกมาทำงานรับจ้างทั่วไป ทำทุกอย่างที่ได้เงิน ทั้งขายของในตลาด หรือไปช่วยเพื่อน ก็มีรายได้วันละ 200-300 บาท ซึ่งมันไม่ต้องไปจ่ายค่าแก๊ซ หรือค่าเช่ารถ ถือว่าเงินจำนวนนี้ก็พอเลี้ยงตัวเองได้ ดีกว่าทนขับแท็กซี่ในช่วงโควิด-19 แบบนี้" อดีตคนขับแท็กซี่ กล่าว

น.ส.ทัศนีย์ เผยอีกว่า หลังจากนี้ตนยังตอบไม่ได้ว่าจะกลับมาขับแท็กซี่อีกเมื่อไร แต่ใจก็อยากกลับมามาก ๆ คิดถึงและผูกพันมาก ๆ เพราะชีวิตก่อนหน้านี้ส่วนใหญ่เกือบทั้งวันอยู่กับแท็กซี่ จะกิน จะนอนก็อยู่ในนี้ ตนยังเคยพูดกับรถแท็กซี่ว่า “อยู่ไปก่อนนะ เดี๋ยวดีขึ้นแล้วจะกลับมา” และในขณะเดียวกันตนก็อยากถามกับบริษัทแก๊ซและหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องว่าเห็นใจประชาชนบ้าง เห็นความลำบากประชาชนบ้าง และอยากให้มองลงมาจากหอคอยบ้าง อยู่แต่บนหอคอยไม่ได้ช่วยอะไร

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส