กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์คลิปหนุ่มใหญ่ขี่รถจักรยานยนต์ จู่ ๆ ก็ถูกรถเก๋งโตโยต้า ชนท้ายเข้าจัง ๆ ทำให้ผู้ขี่รถจักรยานยนต์ตัวลอยกระเด็นแยกไปคนละฝั่งกับรถจักรยานยนต์ ทั้งนี้ผู้โพสต์ยังระบุอีกว่า “ระหว่างทางกลับบ้านวันนี้ค่ะ บริเวณแยกวัดดอนเมือง-สรงประภส ข้างหลังมีอุบัติเหตุพอดี และอย่างที่เห็นในวิดีโอ คือเห็นใจคนขับมอเตอร์ไซค์เลย” โดยเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นในวันที่ 3 ก.ย.64 เวลาประมาณ 17.30 น.
ล่าสุดวันที่ 6 ก.ย.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ติดต่อไปยังผู้ใช้เฟซบุ๊กดังกล่าว เปิดเผยว่า ช่วงนั้นตนไม่เห็นว่ารถชนกันอย่างไร แต่รู้ว่าด้านหลังมีรถล้ม คิดว่ารถจักรยานยนต์แหกโค้งเอง ไม่คิดว่ามีคนมาชนท้าย ตนจึงไม่ได้จอดดู แต่พอกลับมาบ้านได้เห็นคลิปกล้องท้ายรถแล้วก็ตกใจ และสงสาร เห็นใจคนถูกรถชน ตนจึงโพสต์คลิปวิดีโอเพื่อหวังว่าจะช่วยผู้บาดเจ็บอีกช่องทางหนึ่ง
จากนั้นทีมข่าวลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ 3 แยกสรงประภา หน้าวัดดอนเมือง มุ่งหน้าถนนเชิดวุฒากาด ช่วงเวลา 15.00 น. ซึ่งพบว่ามีรถสัญจรไป-มาจำนวนมาก ก่อนที่ทีมข่าวจะทราบว่าผู้บาดเจ็บนั้นเป็นทหารเรือ แต่ยังไม่ทราบชื่อ ทีมข่าวสำรวจจุดเกิดเหตุ พบบนข้างฟุตพาทมีรอยครูดและมีร้านค้าที่ตั้งอยู่ริมทางนั้นยังปกติดี ไม่มีร้านไหนได้รับความเสียหาย มีเพียงเศษพลาสติกประมาณ 2 ชิ้น คาดว่าเป็นของรถจักรยานยนต์คันที่ประสบเหตุ
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี วิดีโอคอลพูดคุยกับนายพงศ์ดนัย จุฬา ลูกเขยของผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า ในวันที่ 3 ก.ย.64 เวลา 17.30 น. ซึ่งเป็นเวลาที่พ่อของตนกลับจากที่ทำงาน เพื่อจะเดินทางไปหาคนที่พักอยู่ที่แถวรังสิต จากนั้นก็ขี่รถมาตามปกติ ต่อมาก็มีรถเก๋งคันดังกล่าวขับตามพ่อของตน เมื่อมาถึงแยกวัดดอนเมือง จากนั้นก็ขับชนทันที ซึ่งไม่ได้มีการเบรกรถอะไรเลย พอขับรถชนพ่อของตนแล้ว ก็ขับรถเลยไประยะหนึ่งคล้ายกับจะจอดรถดู จากนั่นก็ขับออกไปทันที
แต่ขณะนั้นก็มีวินมอเตอร์ไซค์ที่เห็นเหตุการณ์ ขี่รถตามไปเพื่อถ่ายป้ายทะเบียนรถเก๋งคันดังกล่าว และก็ได้ขับปาดวินมอเตอร์ไซต์เกือบล้มเช่นกัน ซึ่งพ่อของตนรู้สึกแปลกใจมาก ๆ เพราะไม่เคยมีเรื่องบาดหมางใจอะไรกับใครมาก่อน ในวันที่เกิดเหตุพ่อของตนได้รับบาดเจ็บ ล้มลงกับพื้นตามคลิป ทำให้ไหปลาร้าหักหลายส่วน และฟกช้ำตามร่างกาย
โดยเหตุการณ์นี้ ตนได้แจ้งความไว้ที่ สภ.ดอนเมือง ซึ่งตนได้พูดคุยกับตำรวจไปแล้วเรื่องป้ายทะเบียนของรถคันที่ก่อเหตุ แต่ปรากฏว่ายังไม่ชัด จึงทำให้หาตัวเจ้าของรถไม่เจอ กระทั่งตนได้ทะเบียนที่ชัดเจนมาแล้ว และแจ้งไปกับทางตำรวจแล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็กำลังตามตัวมาสอบปากคำ อย่างไรก็ตาม ตนอยากฝากถึงคนที่ก่อเหตุว่า ควรจะมีน้ำใจลงมาดูคนเจ็บบ้าง ถึงจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจน่าจะมีน้ำใจบ้าง ส่วนเรื่องรักษาตัวพยาบาลก็สามารถพูดคุยกันได้ เพราะพ่อของตนเป็นทั้งผู้ที่เสียหายได้รับบาดเจ็บ และรถก็ยังพังเสียหายอีก
ทีมข่าวได้พบนายท็อป ชมเพ็ญ พลเมืองดีที่ถ่ายแผ่นป้ายทะเบียนไว้ได้ เปิดเผยว่า ขณะนั้นตนนั่งอยู่ในวินฝั่งตรงข้ามได้ยินเสียงรถล้ม เหมือนรถชนกันจึงวิ่งมาดู เห็นรถจักรยานยนต์ถูกรถเก๋งชนแล้ว ส่วนรถเก๋งขับเลยไปจอดห่างค่อนข้างไกล แต่จอดอยู่สักพักก็รีบขับหนีไป เป็นจังหวัดที่มีรถจักรยานยนต์ของชาวบ้านผ่านมาพอดี ตนจึงขอซ้อนท้ายพาขี่ตามไปถ่ายแผ่นป้ายทะเบียนรถเก๋ง
ในจังหวะนั้นรถเก๋งกลับรถ จึงบีบแต่รถจักรยานยนต์เรียก พร้อมพูดว่า “เอ้ยชนแล้วหนี ชนทำไม จอด ๆ” จังหวะนั้นรถเก๋งพยายามปาดหน้าแซง ตนจึงตัดสินใจถ่ายรูปไว้ อย่างไรก็ตาม ตนมองว่ารถเก๋งพยายามหนี ตนเห็นว่าคนขับเป็นผู้ชายอายุราว ๆ 50 ปี และขับมาคนเดียว ส่วนตัวขณะนั้นก็ทำอะไรมากไม่ได้ จึงทำได้แค่ถ่ายทะเบียนเก็บเอาไว้
