อภิปรายไม่ไว้วางใจ ชลน่าน เพื่อไทย ชี้ ประยุทธ์ และ อนุทิน ทำลายวงจรชีวิตคนไทย

1 ก.ย. 64

1 ก.ย. 64 อภิปรายไม่ไว้วางใจ วานนี้ (31 ส.ค.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย อภิปรายญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล โดยเริ่มจากการขอให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรยืนไว้อาลัยให้กับความสูญเสียของพี่น้องประชาชน

นพ.ชลน่าน อภิปรายชี้ให้เห็นว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ขาดจิตสำนึกในการบริหารประเทศจนน้องประชาชนที่ต้องยากลำบาก ประเทศชาติเสียหายยับเยิน ซึ่งขณะนี้ในเวลา 1 ชั่วโมง มีผู้ติดเชื้อไม่ต่ำกว่า 1 พันคน ตายชั่วโมงละไม่ต่ำกว่า 10 คน ซึ่งไม่รู้ว่าใครจะเป็นเหยื่อรายต่อไป

พลเอกประยุทธ์ และ อนุทิน ทำลายวงจรชีวิตมนุษย์ตั้งแต่ในครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน ที่ผ่านมาพี่น้องประชาชนต้องสูญเสียไปเป็นจำนวนมาก พ่อแม่หลายคนไม่มีสิทธิแม้จะเห็นหน้าลูกของตัวเองในวาระสุดท้ายและได้เห็นแต่ห่อเถ้ากระดูก และชีวิตน้อยๆ ของทารกไม่มีโอกาสได้เห็นพ่อแม่ที่เสียชีวิตไปเพราะติดโควิด

พลเอกประยุทธ์และอนุทิน บริหารจัดการสถานการณ์ผิดพลาด บกพร่อง เสียหายอย่างร้ายแรง โดยสรุป คือ
1. ไร้ภูมิปัญญา ไร้วิสัยทัศน์ สั่งการไม่เป็นไปตามแผนงานโครงการ
2. รวบอำนาจ แบบที่เขาเรียกกันว่าเป็นโรคโอหังคลั่งอำนาจ หรือ Hubris Syndrome ไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตา ไม่เห็นคนหัวคนอื่น ซึ่งได้สุ่มเสี่ยงที่จะทำให้เกิดความเสียหายเกิดขึ้นอย่างร้ายแรง
3. เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว ทุจริตต่อหน้าที่ ฉ้อฉล

ที่ผ่านมา พลเอกประยุทธ์ หลงในอำนาจ เป็นนายกฯ จอมสั่งการ และได้ทำให้ ครม.ชุดนี้เป็น ครม. เป็ดง่อย ภาษาทั่วไปเรียกว่าเผด็จการ ที่สำคัญคือได้เอาทหารฝ่ายความมั่นคงมาเป็นหมอรักษาเชื้อโรคและทำงานด้านสุขภาพ แต่ไม่เอาหมอมารักษาโรค จนมีคนป่วยและคนตายจำนวนมาก ซึ่งการทำอย่างนี้เป็นเรื่องการทำเพื่อความมั่นคงของตัวเอง ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแบบไม่เคยยกเเลิก ไม่ใช่เพื่อควบคุมโรค แต่ใช้เพื่อควบคุมม็อบ

ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่เพียงพลเอกประยุทธ์และ นพ.ชลน่าน แก้ไขวิกฤตไม่ได้ สิ่งที่เกิดขึ้นกลับเป็นการแอบแฝงผลประโยชน์ทางการเมือง มีวาระซ่อนเร้นทางการเมือง โดยเฉพาะกรณีการเปิดศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ ที่มีวัคซีนฉีดมาโดยคลอด แต่ กทม. และ กระทรวงแรงงาน ที่เปิดจุดฉีดวัคซีนเช่นกัน แต่กลับไม่มีวัคซีนให้ฉีด

การบริหารจัดการวัคซีนที่ผ่านมามีปัญหาอย่างมาก ส่อว่าจะเกิดการทุจริตและกระทำโดยมิชอบ
แม้แต่วัคซีนวัคซีนบริจาคยังเป็นปัญหาเพราะกระจายอย่างไม่เป็นธรรม โดยเฉพาะพลเอกประยุทธ์ มีข้อสั่งการให้วัคซีนเป็นสินค้าสาธารณะและรัฐเท่านั้นที่จัดหาจัดซื้อได้ ทั้งๆที่ วัคซีนเป็นสินค้าที่ภาคเอกชนมีศักยภาพในการจัดหาและแข่งขันกันในตลาดได้ แต่เพราะมองเห็นว่าวัคซีนเป็นสิ่งที่จะหาประโยชน์ได้ อีกทั้งยังมีความพยายามขวางกั้น ปิดกั้น ไม่ให้วัคซีนต่างๆ เข้ามาประเทศไทย เพื่อเปิดทางให้วัคซีนที่ท่านอยากซื้อและวัคซีนที่ท่านคิดว่าเป็นของพวกท่าน แม้แต่การเข้าร่วมโครงการโคแวก สุดท้ายต้องมาขอรับบริจาควัคซีนจากต่างประเทศ

ท่านได้ทำให้ระบบสาธารณสุขไทยล้มเหลว ล้มละลาย จากที่เคยได้รับการชื่นชมว่าระบบบริการทางการแพทย์และระบบสาธารณสุขเป็นอันดับต้นๆ ของโลก และเป็นอันดับหนึ่งในอาเซียน เมื่อปี 2562 แต่ตอนนี้ติดลบและอาจจะไม่มีคะแนนเหลืออยู่เลย เรากำลังอาจจะเข้าสู่สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด

การปฏิบัติและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ กฎหมายและมติ ครม. โดยเฉพาะกรณีการจัดซื้อชุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK) 8.5 ล้านชุด ซึ่งต้องผ่านการรับรองขององค์การอนามัยโลก สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ไปใช้ในการตรวจรักษา จึงต้องการความแม่นยำ จึงมีการกำหนดสเปคไว้ค่อนข้างสูง แต่ต่อมากลับมีการแก้ไขคุณสมบัติ เนื่องจากบริษัทที่เข้าแข่งขันมีลักษณะสำหรับใช้ด้วยตัวเองเท่านั้นและมีราคาถูก ซึ่งอาจเป็นปัญหาเรื่องความไวต่อเชื้อไวรัส ที่เรียกว่าเป็นผลลบลวง

พลเอกประยุทธ์ออกข้อสั่งการเมื่อวันที่ 16 ส.ค. 2564 การจัดหาชุดตรวจ ATK จะต้องผ่านการรับรองขององค์การอนามัยโลก (WHO)และมีความแม่นยำ แต่ปรากฎว่า วันที่ 20 ส.ค.2564 พลเอกประยุทธ์กลับมีข้อสั่งการใหม่ การจัดหาชุดตรวจ ATK ไม่ต้องผ่านการรับรองของ WHO และตัดข้อสั่งการเกี่ยวกับความแม่นยำในการตรวจออก ซึ่ง ครม.ก็ไม่ยับยั้ง จนกระทั่งล่าสุด องค์การเภสัชกรรมก็ลงนามในสัญญาจัดซื้อชุดตรวจ ATK ไปเรียบร้อยแล้ว การกระทำนี้ เป็นการทรยศประชาชนหรือไม่

การเปลี่ยนข้อสังการของพลเอกประยุทธ์ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เจตนาบริสุทธิ์หรือไม่ ซื่อสัตย์กับประชาชนหรือไม่ ฝ่ายการเมือง ฝ่ายประจำ ร่วมกันกระทำความผิดอย่างรุนแรง ประหยัดเงิน 400 ล้านบาทแลกกับชีวิตประชาชน 8 ล้านคนได้อย่างไร เป็นการใช้ช่องกฎหมาย แสวงหาผลประโยชน์ เอื้อประโยชน์ ทำความผิดต่อพี่น้องประชาชน อย่างร้ายแรง

หลังอภิปรายไม่ไว้วางใจเสร็จแล้ว ฝ่ายค้านจะมีคำร้องยื่น ป.ป.ช. ทันที เพื่อเอาท่านเข้าคุกในสิ่งที่ท่านทำให้เกิดขึ้นและอาจสามารถนำท่านขึ้นสู่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เพราะสิ่งที่ทำให้คือปฏิบัติ ละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ ทุจริตต่อหน้าที่ จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขขัดต่อรัฐธรรมนูญ กฎหมายและมติ ครม. และข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการจงใจทำขัดรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจน

วันนี้สิ่งที่ต้องถามว่า ยุทธศาสตร์ของพลเอกประยุทธ์ว่า มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน แต่พฤติการณ์ที่ทำอยู่ในวันนี้ คือ หนี้มั่นคง จนมั่งคั่งและจะตายอย่างยั่งยืน แล้วเราจะยังมีผู้นำชื่อประยุทธ์ จันทร์โอชา กันต่อไปหรือ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

- พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ แฉรัฐสภาใช้กุญแจห้อง ส.ส.ดอกละหมื่นกว่าบาท
- สรุป อภิปรายไม่ไว้วางใจ 31 ส.ค.64 นายกฯ แจงสภาฯ 4 ประเด็นร้อน วัคซีน-แก้โควิด-เศรษฐกิจ-ชุดตรวจ ATK
- อภิปรายไม่ไว้วางใจ เสรีพิศุทธ์ จวกรัฐบาลตั้งงบฯ แง้มช่องให้ทุจริต ประยุทธ์ สวน รู้ดี เป็นแค่ ผบ.ตร.

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวการเมือง เป็นกระแส