รวบปลัดอำเภอ-อส. นำก๊วนออฟโรดพกไรเฟิล กระสุนเพียบ อึ้งซากหมีคารถ เจ้าตัวปัดล่า (คลิป)

8 ต.ค. 61
วันที่ 7 ต.ค. 61 เพจเฟซบุ๊ก ทีมพญาเสือ โพสต์ข้อความระบุว่า "#ส่งกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ด่วน เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติไทรโยค เข้าตรวจสอบ บริเวณหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติไทรโยค ที่ ทย.6 (เขาพูล) พบกลุ่มรถออฟโรสจำนวน 6 คัน ตรวจสอบโดยละเอียด คันที่ 5 พบ 1.อาวุธปืนไรเฟิล ติดกล้องและอุปกรณ์เก็บเสียง พร้อมเครื่องกระสุนปืนจำนวนหนึ่ง 2.อาวุธปืนพก จำนวน 2 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน 3.ซากสัตว์ป่า (หมีขอ) กลุ่มออฟโรดดังกล่าวนำทีมโดยปลัดอำเภอ..และ อส. แห่งหนึ่ง จนท.ไทรโยค นำตัวกลุ่มออฟโรสดังกล่าวไปทำบันทึกจับกุมที่ที่ทำการ อช.ไทรโยค"
เพจโพสต์แจ้งข่าวตรวจสอบเหตุ ที่อุทยานแห่งชาติไทรโยค
นายพนัชกร โพธิบัณฑิต หัวหน้าอุทยานแห่งชาติไทรโยค นำกำลังเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติไทรโยค เข้าทำการตรวจค้น คณะรถออฟโรดจำนวน 6 คัน ที่อยู่ในพื้นที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติไทรโยค (เขาพลู) จากการตรวจค้น พบว่ามีกลุ่มบุคคลเดินทางร่วมมาในคณะจำนวน 12 คน โดยในรถ เจ้าหน้าที่ตรวจพบอาวุธปืนไรเฟิลติดกล้อง และอุปกรณ์เก็บเสียง 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนปืน และยังพบอาวุธปืนพกสั้น จำนวน 2 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนปืน และซากสัตว์ป่าหมีขอ
เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเหตุ ที่อุทยานแห่งชาติไทรโยค
นอกจากนี้ ยังพบชายรายหนึ่ง ที่อ้างว่าตัวเองคือปลัดอำเภอ และมีชายอีก 2 คน ที่อ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่อาสารักษาดินแดน โดยเมื่อเจ้าหน้าที่จะขอตรวจค้นตัวอย่างละเอียด กลุ่มบุคคลดังกล่าว ไม่ให้ตรวจค้น โดยบุคคลที่อ้างตัวว่าเป็นปลัดอำเภอ และเจ้าหน้าที่อาสารักษาดินแดน เบื้องต้นยังคงให้การปฏิเสธ ว่าไม่ได้มีส่วนร่วมในการล่าสัตว์
ซากอุ้งเท้าหมีขอ
ทางเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติไทรโยค จึงนำตัวกลุ่มออฟโรดดังกล่าว ไปทำบันทึกจับกุมยังที่ทำการอุทยานแห่งชาติไทรโยค จากนั้น จะได้นำตัวกลุ่มบุคคลดังกล่าว ส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรไทรโยค ดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต และข้อหาร่วมกัน มีซากสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเหตุ ที่อุทยานแห่งชาติไทรโยค
ของกลางที่ตรวจยึด
ขณะที่นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับรายงานข้อมูลบางส่วนแล้ว หากมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง ก็จะต้องมีการตั้งคณะกรรมการสอบการกระทำผิดวินัยร้ายแรง และจะมีโทษสูงสุดคือการไล่ออกจากราชการ

  ขอบคุณภาพจากเพจเฟซบุ๊ก ทีมพญาเสือ

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ