คดี 5 เดนนรก กรณีเหตุการณ์เมื่อวันที่ 16 เม.ย.64 นางสาวตี้ (นามสมมติ) อายุ 18 ปี ผู้เสียหาย พร้อมมารดา เดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์กับ พ.ต.ท.ธีรวุฒิ สมสุข สารวัตร(สอบสวน) สภ.แม่วงก์ เข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ว่า ถูกผู้ชายจำนวน 4 คน พยายามข่มขืนภายในในบ้านพัก ม.13 ต.วังซ่าน อ.แม่วงก์ จ.นครสวรรค์ ก่อนเจ้าหน้าที่จะส่งตัวผู้เสียหายให้แพทย์ตรวจสอบพบว่าถูกล่วงละเมิดจริง แต่คดีกลับไม่คืบหน้า
ทั้งนี้ญาติของ นางสาวตี้ จะเอาผิดทางร้อยเวรเจ้าของคดีด้วย เนื่องจากให้เหตุผลว่าไม่เอาใจใส่ในคดี กระทั่งเวลาล่วงเลยมานาน ซึ่งเมื่อวันที่ 28 ส.ค.64 มีแฮชแท็กขึ้นเทรนอันดับ 1 #5เดนนรก โดยเกี่ยวโยงกับเรื่องราวของนางสาวตี้ ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ตามที่ปรากฏเป็นกระแสวิจารณ์นั้น
ล่าสุดวันที่ 29 ส.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปที่บ้านของนางสาวตี้ (นามสมมติ) ผู้เสียหาย ต.วังซ่าน อ.แม่วงก์ จ.นครสวรรค์ พบว่าเมื่อช่วงเวลา 10.00 น. ได้มีรถ สภ.แม่วงก์ เข้ามาที่บ้านของผู้เสียหาย โดยมีการเชิญตัวนางสาวตี้ แม่และพ่อ เดินทางไปให้ปากคำเพิ่มเติม และมีการชี้ตัวผู้ต้องหา ภายหลังที่เข้าควบคุมตัวหนึ่งในผู้ต้องหาได้ 2 คน คือ นายปีเตอร์ อายุ 14 ปี และนายโอม อายุ 16 ปี จึงได้ขอให้คนในครอบครัวเดินทางไปชี้ตัวผู้ต้องหา
ในระหว่างที่ทีมข่าวลงพื้นที่ไปยังบ้านของผู้เสียหาย ทีมข่าวสังเกตความเคลื่อนไหวภายในบ้านของผู้เสียหาย แม่นางสาวตี้มีอาการโรคประจำตัวกำเริบ เพราะป่วยเป็นโรคหอบหืด ต้องยกเครื่องพ่นยามาครอบที่จมูก และปาก เพื่อที่จะบรรเทาอาการหอบที่กำเริบ ส่วนพ่อของผู้เสียหาย มีสถานะเป็นเพียงพ่อเลี้ยง ก็อยู่ในอาการตกใจเช่นกัน เนื่องจากตลอดระยเวลา 4 เดือน หลังเกิดเหตุคิดว่าทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม แต่ก็ไม่คิดว่าเรื่องราวจะกลับมาเป็นข่าวอีกครั้ง ซึ่งการเป็นข่าวครั้งนี้ ทำให้คนในบ้านทำใจไม่ได้ ทั้งแม่ของผู้เสียหายเกิดอาการช็อก โรคหอบกำเริบ และตนก็ยังทำใจไม่ได้ จึงยังไม่พร้อมที่จะให้ข้อมูล โดยรอให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย
นางสาวตี้ (นามสมมติ) อายุ 18 ปี ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ปกติตนเรียนอยู่ที่กรุงเทพ อาศัยอยู่กับน้า แต่ช่วงนี้เป็นช่วงโควิด-19 ระบาด โรงเรียนปิด จึงได้เดินทางกลับมาอยู่กับแม่ใน จ.นครสวรรค์ เพราะเป็นคนที่มีภูมิลำเนาอยู่ที่นี่ จึงมีเพื่อนในสมัยเรียนประถมศึกษา แต่ก็ไม่มากนัก
ในวันเกิดเหตุ วันที่ 15 ส.ค.64 ช่วงประมาณ 20.00 น. นางสาวโม (นามสมมติ) เพื่อนสนิท ได้โทรศัพท์มาชักชวนออกจากบ้าน เพื่อไปส่งที่บ้านของแฟนใหม่ที่เพิ่งคบหากันได้ไม่นาน แต่เป็นการเจอกันครั้งแรก ทำให้นางสาวโม ไม่กล้าไปลำพัง โดยนางสาวโม ขี่รถมอเตอร์ไซต์มารับตนที่หน้าบ้าน ไปที่บ้านของแฟนใหม่ เมื่อไปถึงนางสาวโม ได้เข้าไปคุยกับแฟน แต่ตนก็ไม่กล้าที่จะอยู่ด้วยเพราะเกรงใจ จึงได้ออกไปที่หน้าห้องน้ำข้างบ้าน ระหว่างนั้นนายมาร์ค อดีตแฟนเก่า โทรศัพท์มาสอบถาม ทำนองว่าอยู่ที่ไหน เพราะเพิ่งทราบว่าตนกลับมาอยู่บ้าน จึงอาสาจะมารับไปเที่ยว
เมื่อไปถึงบ้านที่เกิดเหตุ เป็นบ้านของนายเติ้ล พบว่าภายในบ้านมีกลุ่มผู้ชายรวมอยู่ด้วยกันมากกว่า 10 คน ซึ่งกำลังนั่งดื่มเหล้ากันอยู่ ซึ่งตนก็ไม่รู้จักใคร แต่ระหว่างนั้นเจอกับนางสาวฟ้า (นามสมมติ) (นกต่อ) เจ้าตัวก็ชักชวนว่าให้เข้าไปนั่งเล่นภายในห้องนอนของคนในบ้านดีกว่า ไม่อยากไปนั่งรวมอยู่กับกลุ่มผู้ชายที่นั่งดื่มเหล้ากันอยู่ ตนก็เลยเดินตามนางสาวฟ้า เข้าไปในห้องของนายเติ้ล เจ้าของบ้าน ระหว่างนั้นนางสาวฟ้า ก็ลุกขึ้นออกจากห้องนายเติ้ลออกไปข้างนอก และมีกลุ่มผู้ชาย 4 คน เดินสวนเข้ามาในห้อง คือ นายเติ้ล เจ้าของบ้าน, นายเอกราช มีอายุมากที่สุดในกลุ่ม, นายโอม และนายปีเตอร์ จากนั้นกลุ่มผู้ชายก็ล็อกห้อง และขืนใจตน
และในช่วงเวลาที่ตนถูกกลุ่มผู้ชาย 4 คนข่มขืน มีผู้หญิง 3 คน คือ นางสาวแอ้, นางสาวเนม, นางสาวมาย เข้ามาในบ้านเพื่อนั่งดื่มเหล้าร่วมกัน จากนั้นนางสาวฟ้า ก็พูดทำนองว่า “พี่ ๆ ตี้อยู่ในห้องนอน” ซึ่งผู้หญิง 3 คน บอกว่า “ช่างมัน” ซึ่งไม่มีใครยอมช่วยเหลือตนแต่อย่างใด ตนจึงคาดว่า ทั้งหมดอาจจะรู้เห็นเป็นใจ หรือมีการหลอกล่อให้ตนไปเจอกับเหตุการณ์ดังกล่าว
โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แม้ว่าจะผ่านไปนานกว่า 4 เดือน ตนก็ยังมีสภาพจิตใจที่ไม่ดีขึ้น เพราะเหตุการณ์วันดังกล่าวเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิด ดังนั้นก็อยากให้กฎหมายให้ความเป็นธรรมกับตน และคนในครอบครัว เพราะสภาพจิตใจทุกคนย่ำแย่มาก ๆ และคดีก็ยังไม่มีความคืบหน้า ที่สำคัญตนยืนยันว่าไม่รู้จักกับคนก่อเหตุ เพราะเพิ่งจะย้ายกลับมาอยู่บ้านได้ไม่นานหลังจากปิดเทอม แต่เชื่อว่าในกระบวนการนี้ มีนางนกต่อหลอกล่อให้ตนไปเจอกับเหตุการณ์เลวร้ายในชีวิต
นางสาวโม (นามสมมติ) เพื่อนสนิทของผู้เสียหาย กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุตนได้เดินทางไปที่บ้านของผู้เสียหาย เพื่อจะชวนนางสาวตี้ มาส่งตัวเองที่บ้านของแฟนใหม่ที่คบหากันได้ไม่นาน เป็นการเจอกันครั้งแรก ตนจึงไม่กล้าที่จะไปเพียงลำพัง แต่ในระหว่างที่ตนเดินทางไปถึงบ้านของแฟนใหม่ ด้วยความที่นางสาวตี้ เกรงใจจึงไปยืนอยู่ที่หน้าห้องน้ำ ก่อนที่จะเห็นว่านายมาร์ค อดีตแฟนเก่าของเขา ที่เลิกรากันไปแล้วชักชวนออกไปเที่ยวบ้านเพื่อนข้างนอก หลังจากนั้นนางสาวตี้ ก็เลยบอกกับตนว่า “โม ตี้ขอออกไปข้างนอกก่อนนะ เดี๋ยวมา มีแค่มาร์คกับเพื่อนไม่กี่คน ไม่ต้องหวงหรอก” หลังจากนั้นก็เห็นรถของนายมาร์ค ขับรถมารับนางสาวตี้ ออกไปจากหน้าบ้านที่ตนอยู่ ตนจึงได้แต่ตะโกนว่า “ดูแลตัวเองด้วยนะ”
ในคืนวันนั้นกล่าว เวลาประมาณ 02.00 น. นางสาวตี้ กลับมาหาตนที่บ้าน แต่ยังไม่เล่าเรื่องราวอะไรให้ฟัง กระทั่งรุ่งเช้าบอกว่าหลังจากที่นายมาร์ค มารับตัวไปเที่ยวที่บ้าน เกิดเหตุการณ์ผู้ชาย 4 คน ข่มขืนกระทำชำเรา โดยต้นเหตุเกิดจากนางสาวฟ้า ซึ่งนั่งรวมอยู่กับกลุ่มผู้ชายในบ้านของนายเติ้ล ออกอุบายชักชวนให้เข้าไปภายในห้องนอน อ้างว่ายุ่งกัด และยังอ้างว่าไม่อยากให้นั่งรวมอยู่กับกลุ่มผู้ชายที่นั่งดื่มเหล้ากันมากกว่า 10 - 20 คน จึงชวนนางสาวตี้ เข้าไปนั่งพูดคุยกันในห้องนอน แต่ในระหว่างนั้นผ่านไปไม่นาน นางสาวฟ้า เดินออกจากห้อง แล้วมีผู้ชาย 3 - 4 คนเดินสวนเข้าไป พร้อมกับล็อกห้อง และกระทำชำเรา
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนในฐานะเพื่อนของนางสาวตี้ และยังรู้จักกับกลุ่มที่อยู่ในวงเหล้าบางส่วน อีกทั้งยังรู้จักกับกลุ่มคนที่ก่อเหตุ ตนมองว่าการกระทำของกลุ่มคนก่อเหตุและตัวของนางสาวฟ้า มีลักษณะรู้เห็นเป็นใจและช่วยเหลือกัน ในการหลอกล่อให้นางสาวตี้ ไปที่บ้านจุดเกิดเหตุ ก่อนที่จะถูกกระทำอนาจาร และคนที่อยู่ในบ้านต่างทำตัวไม่รู้ไม่เห็น และไม่ช่วยเหลือนางสาวตี้ ทั้ง ๆ ที่กำลังถูกกระทำ ตนจึงเชื่อว่าทุกคนมีส่วนเกี่ยวข้องและรู้เห็นกับเหตุการณ์ครั้งนี้
หลังจากเกิดเรื่อง ตนก็เป็นคนอาสาพานางสาวตี้ ไปแจ้งความและตรวจร่างกาย อีกครั้งในฐานะคนที่รู้จักกับกลุ่มคนก่อเหตุ ตนยังได้ติดต่อไปเพื่อสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งต่อว่าเกี่ยวกับพฤติกรรมที่มีการกระทำชำเรานางสาวตี้ แต่พวกคนก่อเหตุอ้างว่า “นางสาวตี้ยินยอมเอง” ตนจึงได้พาผู้เสียหายไปแจ้งความดำเนินคดี แต่คดีไม่คืบหน้า
อย่างไรก็ตาม นางสาวโม ในฐานะเพื่อนสนิท และยังเป็นคนไปรับนางสาวตี้ ออกจากบ้านในคืนวันเกิดเหตุ ถูกสังคมตั้งข้อสังเกตว่าเป็น “นางนกต่อ” ส่วนตัวขอยืนยันว่าในวันดังกล่าวมีเจตนาเพื่อชวนเพื่อนออกไปส่งบ้านแฟนใหม่ที่เพิ่งคบหากัน แต่ไม่รู้เห็นเกี่ยวกับการกระทำที่เกิดขึ้นภายในบ้านของนายเติ้ล ฉะนั้นตนจึงอยากจะชี้แจงต่อสังคมว่า ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำของกลุ่มชาย 4 คน
หลังจากที่ทีมข่าวได้มีการพูดคุยกับนางสาวตี้ ผู้เสียหายแล้ว เจ้าตัวได้ส่งแชต ซึ่งมีการเล่าและพูดคุยกับนางสาวโม เพื่อนสนิท ลักษณะทำนองว่า หลังเกิดเหตุแล้วได้เล่าให้กลุ่มเพื่อนสนิท ว่าตนโดนกลุ่มผู้ชายกระทำอนาจาร พร้อมทั้งได้มีการแลกเปลี่ยนและส่งภาพถ่ายของคนก่อเหตุ เพื่อให้ยืนยันว่าแต่ละคนคือใคร ทำหน้าที่อะไรบ้าง และยังมีการกล่าวถึงกลุ่มผู้หญิงที่เข้ามาในบ้านที่เกิดเหตุ ไม่มีการช่วยเหลือ ซึ่งคาดว่าทุกคนรู้เห็นเป็นใจด้วยกันทั้งหมด
ทีมข่าวยังได้คุยกับ นางสาวฟ้า (นามสมมติ) ผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นนางนกต่อ เปิดเผยว่า ในวันเกิดเหตุนายมาร์ค อดีตแฟนหนุ่มของนางสาวตี้ ได้เดินทางไปรับตัวผู้เสียหายจากข้างนอกเข้ามาที่บ้านหลังเกิดเหตุ เมื่อมาถึงบ้านของนายเติ้ลแล้ว ก็ได้ไปนั่งรวมกันบริเวณห้องโถงเล็กที่อยู่ใกล้กับห้องที่เกิดเหตุ โดยมีกลุ่มผู้ชายนั่งดื่มสังสรรค์กันมากกว่า 10 คน แต่ระหว่างนั้นมีกลุ่มผู้ชายตะโกนขึ้นมาว่า “เป็นผู้หญิงไปนั่งรวมกับคนอื่นทำไม ทำไมไม่แยกตัวออกไปนั่งเล่นในหัองนอน” ตนจึงได้ชวนนางสาวตี้ เข้าไปนั่ง และนอนเล่นในห้องที่ใกล้กับวงเหล้า โดยเป็นห้องนอนของนายเติ้ล
ในระหว่างที่ตนนอนเล่นอยู่บนที่นอน ลักษณะหันหลังชนกัน โดยที่นางสาวตี้ นอนติดกับกำแพงด้านใน ตนนอนอยู่ด้านนอกใกล้ประตู พบว่ามีนายเติ้ล เจ้าของบ้าน กับนายเอกราช รุ่นพี่ที่โตที่สุดในกลุ่ม เข้ามาภายในห้อง จากนั้นนายเติ้ลก็ได้เข้ามาโอบกอดตน ด้วยความตกใจจึงลุกหนี พร้อมกับสะกิดนางสาวตี้ ที่นอนเล่นโทรศัพท์อยู่ ทำนองว่า “พี่ตี๋ ออกไปกันเถอะ” แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้สนใจมัวแต่เล่นโทรศัพท์ หลังจากที่ตนเดินพ้นประตู พบว่านายเติ้ล และนายเอกราช ล็อกประตูห้อง ตนจึงได้ไปนั่งรวมอยู่กับกลุ่มผู้ชายที่ดื่มเหล้า ซึ่งก็คอยสังเกตว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง กระทั่งมีเพื่อนผู้หญิง 3 คน คือ นางสางแอ้, นางสาวเนม และนางสาวมาย เข้ามาสมทบในวงสังสรรค์ เพราะเพิ่งเดินทางมาถึง โดยที่ตนก็บอกให้ 2 คนทราบว่า “พี่ตี้ อยู่ในห้อง” แต่คน 3 คนก็ไม่ได้สนใจอะไร
หลังจากนั้นไม่นาน นายเติ้ล และนายเอกราช ก็เปิดประตูออกมาและแต่งกายเรียบร้อย และระหว่างนั้นตนเหลือบไปเห็นนางสาวตี้ นั่งอยู่บนเตียงนอน ซึ่งตนก็ชักชวนให้เจ้าตัวออกมาจากห้อง ทำนองว่า “พี่ตี้ ออกมาเถอะ ออกมาได้แล้ว” แต่ตัวของนางสาวตี้ ตะโกนว่า “ไม่ต้องมายุ่ง” ตนก็แปลกใจว่าทำไมถึงไม่ยอมออกมาจากห้อง แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร ก็ต่างคนต่างเล่นโทรศัพท์ และไม่ได้สนใจ หลังจากนั้นก็เห็นว่า นายปีเตอร์ และนายโอม ลุกขึ้นจากวงเหล้าและเดินตามเข้าไปภายในห้อง ก่อนที่จะมีการปิดประตูอีกครั้ง ซึ่งตนก็งงว่าทำไมต้องมีเดินเข้าออกตลอด กระทั่งมาทราบภายหลังว่าเกิดเหตุการณ์รุมข่มขืนนางสาวตี้ แต่ตนในฐานะคนที่อยู่ในเหตุการณ์ ยืนยันว่าไม่ได้มีการกระทำพร้อมกัน 4 คน แต่แบ่งเป็น 2 ครั้ง ครั้งละ 2 คน
ทีมข่าวยังได้พูดคุยกับนางสาวมาย (นามสมมมติ) ในฐานะที่อยู่ในวงเหล้า และถูกกล่าวหาว่าเป็นนางนกต่อ เปิดเผยว่า ในวันที่ตนเดินทางไปที่บ้านที่เกิดเหตุ หลังจากที่ 4 คนออกจากห้อง ตนสังเกตเห็นนางสาวตี้ นั่งอยู่ในเตียงนอน ซึ่งตนก็ตะโกนถามด้วยความหวังดี “ตี้กลับบ้านไหม” โดยเจ้าตัวยืนยันว่า “ไม่ต้องมายุ่ง” ซึ่งตนไม่ได้เข้าไปภายในห้อง และสังเกตว่าในขณะที่เจ้าตัวนั่งอยู่บนที่นอน ก็ไม่มีการสวมใส่เสื้อผ้า มีเพียงผ้าห่มคลุมร่างกายเอาไว้เท่านั้น
ในวันเกิดเหตุตนและกลุ่มเพื่อนที่นั่งดื่มเหล้า ขอยืนยันว่าไม่ได้ยินเสียงขอความช่วยเหลือแต่อย่างใด โดยบริเวณวงเหล้าที่ตนนั่งดื่มนั้น ก็อยู่เพียงแค่หน้าห้องที่เกิดเหตุเท่านั้น ซึ่งหากเกิดอะไรขึ้น และผู้เสียหายร้องขอความช่วยเหลือ พวกตนก็จะได้ยินอย่างแน่นอน และตนขอยืนยันว่า การให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ก็ไม่ได้ปกป้องใคร แต่เป็นการพูดจากความจริงทั้งหมด อีกทั้งในวันนั้นทุกคนที่อยู่ในบ้านที่เกิดเหตุ ไม่ได้มีใครสั่งห้ามไม่ให้ใครยุ่งกับห้องดังกล่าว แม้ว่าจะรู้เห็นอะไรก็ตาม เพราะทุกคนก็ยังทำตัวปกติ และไม่มีใครรู้เห็นเกี่ยวกับการกระทำที่เกิดขึ้น ซึ่งแม้ว่าตนจะอยู่ในบ้าน แต่ก็ไม่ได้ส่วนรู้เห็นหรือพยามปกปิดข้อมูลแต่อย่างใด
ด้านนางสาวปิ่น (นามสมมติ) แม่ของนายปีเตอร์ เปิดเผยว่า ในวันเกิดเหตุ หลังจากที่ลูกชายแยกย้ายจากกลุ่มเพื่อนที่บ้านของนายเติ้ล ตนเป็นคนขับรถไปรับลูกชายจากบ้านหลังดังกล่าว โดยลูกชายได้เล่าเรื่องราวให้ฟังว่า ลูกชายกำลังจะพยามข่มขืนนางสาวตี้ แต่กระทำไม่สำเร็จ เนื่องจากมีเพื่อนเข้ามาห้าม และเหตุการณ์วันนั้นไม่ได้มีการรุมพร้อมกัน 4 คน แต่เป็นการเข้าห้องทีละคน และลูกชายก็ยังยอมรับกับตนว่า เมื่อเข้าห้องไปหวังจะก่อเหตุเป็นคนที่ 4 และได้ถอดกางเกงเตรียมที่จะข่มขืนแล้ว แต่อวัยวะเพศไม่แข็งตัว
หลังจากวันดังกล่าว ตนได้ไปคุยกับนายเติ้ล เจ้าของบ้าน เขาอ้างว่า “ผมอยู่ในเหตุการณ์จริง ยืนยันว่า ลูกแม่ไม่ได้ร่วมกระทำอะไร” และที่สำคัญแม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานกว่า 4 เดือน ก็ไม่ได้หมายความว่า คดีไม่มีความคืบหน้าหรือครอบครัวของตนไม่ได้เดินทางมาให้ปากคำแต่อย่างใด ซึ่งทุกครั้งก็จะมีพนักงานสอบสวนเรียกเข้าไปเป็นระยะ ๆ ประกอบกับตนได้ตักเตือนและดุด่าลูกชาย ว่าเป็นการกระทำที่ไม่สมควร และมีความผิด โดยหลังจากเกิดเรื่อง ตนก็คุมตัวลูกชายเอาไว้ที่บ้านไม่ให้ไปก่อเหตุ หรือไปร่วมวุ่นวายกับใคร เพราะกลัวลูกชายหลบหนี
"ลูกชายถูกนำตัวส่งศาลเยาวชนแล้ว ฉันก็เตรียมเงินประมาณ 20,000 บาท เพื่อจะไปขอประกันตัวลูก ออกมาสู้คดี และในฐานะครอบครัวของคนก่อเหตุ ก็ฝากถึงครอบครัวของผู้เสียหาย โดยเป็นตัวแทนขอโทษ และพร้อมที่จะให้ลูกชายรับผิดตามกฏหมาย" แม่ของนายปีเตอร์ กล่าว
เวลา 13.00 น. พนักงานสอบสวนโรงพัก สภ.แม่วงก์ จ.นครสวรรค์ ได้เรียกให้ครอบครัวผู้เสียหาย เดินทางมาพบกับพนักงานสอบสวนภายในห้องสอบพิเศษ “เด็ก สตรี และครอบครัว” ซึ่งมีพนักงานสอบสวนและผู้กำกับสถานีดำเนินการสอบปากคำด้วยตัวเอง อีกทั้งสังเกตว่ามีกระทรวงยุติธรรมพื้นที่ เดินทางมาพูดคุยกับคนในครอบครัว และเตรียมจ่ายค่าชดเชยในฐานะผู้เสียหายและถูกกระทำ ซึ่งเบื้องต้นกำลังดูหลักเกณฑ์และเงินไข ก่อนที่จะมีการจ่ายเยียวยาในฐานะเงินช่วยเหลือของกระทรวงยุติธรรม
หลังจากนั้นไม่นาน ทีมข่าวสังเกตว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการไปล็อกตัว นายปีเตอร์ อายุ 14 ปี และนายโอม อายุ 16 ปี ผู้ต้องหาเยาวชน ซึ่งร่วมก่อเหตุกระทำชำเรานางสาวตี้ ภายในบ้านที่เกิดเหตุ โดยได้เรียกตัวมาพบกับพนักงานสอบสวน และมีการบันทึกจับกุม ก่อนที่จะให้เซ็นรับทราบข้อกล่าวหา ร่วมกัน “กระทำชำเราผู้อื่น” ก่อนที่จะมีการพิมพ์ลายนิ้วมือ และส่งขึ้นรถนำตัวส่งศาลเยาวชน เพราะเนื่องจากอายุยังไม่ครบ 18 ปีบริบูรณ์ แต่ตัวของนายเติ้ล เจ้าของบ้าน และนายเอกราช วัยรุ่นที่มีอายุมากที่สุดในกลุ่มที่ก่อเหตุ ขณะนี้ยังหลบหนีการจับกุม อยู่ระหว่างการติดตามตัว โดยวันนี้ได้มีการออกหมายจับแล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังติดตามตัว เพื่อนำกลับมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รองผู้บัญชาการตำรวจภาค 6 เปิดเผยว่า จากการสอบสวนผู้เสียหายในเบื้องต้นพบว่าข้อมูลทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องจริง โดยนางสาวฟ้า (นามสมมติ) เป็นเพื่อนในกลุ่มนายเอกราช และนายเติ้ล ได้ชวนกันขับรถกระบะไปรับผู้เสียหาย จากนั้นนายเอกราช ได้ออกอุบายให้ผู้เสียหายเข้าไปในห้องนอน นายมาร์คจึงวางแผนออกไปซื้อน้ำแข็งโดยให้นายเอกราช นายเขียว และโอม เปลี่ยนกันเข้าไปรุมขืนทั้ง 4 คน โดยคดีนี้มีพ.ต.ท.ธีรวุฒิ สมสุข สารวัตรสอบสวนรับผิดชอบคดี
โดยในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ สภ.แม่วงก์ ได้มีการควบคุมตัวผู้ก่อเหตุได้แล้ว 2 คน ส่วนอีก 2 คนอยู่ระหว่างกำลังติดตามตัวมาดำเนินคดี ซึ่งหลังการสอบปากคำ 2 ผู้ต้องหาแล้วได้ส่งตัวฟ้องศาลเยาวชนทันที ส่วนเรื่องความล่าช้าของคดีตนได้สั่งการให้ของพ.ต.อ.ธำรง จิกิตศิลปิน ผกก.สภ.แม่วงก์ รายงานกลับไปยังต้นสังกัดแล้ว
นางสาวเนม (นามสมมติ) หญิงสาวอีกคนที่นั่งอยู่ในวงเหล้าในคืนวันเกิดเหตุ เปิดเผยว่า ในคืนวันเกิดเหตุตนเข้ามาเป็นคนสุดท้าย จึงไม่รู้ว่าใครอยู่ในห้องบ้าง ตอนนั้นเห็นประตูห้องปิดอยู่ และที่สำคัญตนก็เห็นนางสาวฟ้า ผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นนางนกต่อ นั่งเล่นอยู่บริเวณหน้าห้องจุดเกิดเหตุ โดยนั่งรวมอยู่กับกลุ่มเพื่อนคนอื่นในบ้าน ซึ่งนางสาวฟ้า เป็นคนบอกตนว่า นางสาวตี้ อยู่ในห้อง แต่ตนก็ไม่ได้เอะใจว่าจะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว
กระทั่งเวลาผ่านไประยะหนึ่ง ตนเห็นว่าในห้องมีทั้งผู้ชาย และนางสาวตี้ อยู่ด้วยกัน ระหว่างนั้นมีช่วงที่ประตูเปิดแง้มออกมา ตนจึงได้ตะโกนถามกับนางสาวตี้ว่า “ตี้ จะออกมาไหม” แต่เจ้าตัวไม่ได้ตอบอะไร มองหน้าพร้อมกับจ้องตาขวางเหมือนไม่พอใจที่เข้าไปยุ่ง และที่สำคัญแม้ว่า ตนจะอยู่ในบ้านที่เกิดเหตุ ตนก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนนัดรวมตัวกัน และใครเป็นคนเริ่มก่อเหตุ
อย่างไรก็ตาม ในวันดังกล่าวเพื่อนทุกคนรวมทั้งตนก็เห็นว่า นอกจากตัวของนางสาวตี้อยู่ภายในห้องรวมกับกลุ่มผู้ชาย ทุกคนเห็นว่ามีกางเกงในผู้หญิงสีครีม ๆ อยู่บริเวณหน้าห้อง ซึ่งเป็นกางเกงในผู้หญิง แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นของนางสาวตี้หรือไม่ ดังนั้นทุกคนก็คาดเดาหลายแนวทาง ว่าเจ้าตัวยินยอม หรือเกิดจากกลุ่มผู้ชายเตะกางเกงในออกมาจากห้องกันแน่ และการออกมาให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ ตนไม่ได้ออกมาปกป้องใคร เพียงแค่ต้องการให้สังคมรับรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ๆ
ทั้งนี้ญาติของ นางสาวตี้ จะเอาผิดทางร้อยเวรเจ้าของคดีด้วย เนื่องจากให้เหตุผลว่าไม่เอาใจใส่ในคดี กระทั่งเวลาล่วงเลยมานาน ซึ่งเมื่อวันที่ 28 ส.ค.64 มีแฮชแท็กขึ้นเทรนอันดับ 1 #5เดนนรก โดยเกี่ยวโยงกับเรื่องราวของนางสาวตี้ ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ตามที่ปรากฏเป็นกระแสวิจารณ์นั้น
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี จึงได้ไปพูดคุยกับ "บุ๋ม - ปนัดดา วงศ์ผู้ดี" กล่าวว่า ที่ตนเข้ามาดูเรื่องนี้ เพราะทางแฟนเพจเฟซบุ๊ก มธุสอน ติดต่อเข้ามาขอความรู้ว่า ขั้นตอนควรจะเป็นอย่างไรต่อไป ตนก็แนะนำไปว่าต้องมีการเพิ่มข้อหา เพราะจากที่ฟังเรื่องราวแล้ว มีกักขังหน่วงเหนี่ยว เนื่องจากมีการล็อกห้อง ล็อกแขน รวมถึงข้อหาสมรู้ร่วมคิด เพราะมีผู้ชายยืนดูอีก 1 คน ถึงแม้ไม่ได้ร่วมอนาจาร แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไร ส่วนผู้หญิงที่เปิดประตูห้อง ก็จะมีข้อหาเป็นนางนกต่อ ทุกคนต้องโดนดำเนินคดีทั้งหมด ไม่ใช่เพียงชาย 4 คนที่ล่วงละเมิดทางเพศ
เมื่อตนดูจากพฤติกรรมแล้ว อาจจะไม่ใช่ครั้งแรกแน่นอน ตนจึงประกาศผ่านโซเชียลฯ ว่า หากใครเคยโดนกลุ่มนี้กระทำพฤติกรรมดังกล่าว ช่วยออกมาเป็นพยาน หลังจากเรื่องนี้กลายเป็นที่พูดถึงก็มีผู้ใหญ่โทรศัพท์มาตำหนิตนว่า ทำไมตนถึงให้ทางแฟนเพจดังกล่าวใช้โซเชียลฯ เล่นงานผู้ต้องหา เพราะ 3 ใน 4 คนที่ทำผิดยังเป็นเยาวชน ตนก็แอบคิดว่าทำไมต้องคุ้มครองคนแบบนี้ เพราะส่วนตัวไม่ค่อยเห็นด้วยกับความคิดนี้ ที่ตามหลักสิทธิมนุษยชน ต้องปิดบังใบหน้าและให้โอกาสเยาวชนกลับตัว แต่ตนก็ได้ตอบกลับไปว่า ตนต้องให้เกียรติเจ้าของเคส เนื่องจากทางผู้เสียหายติดต่อมาทางเพจ ซึ่งเพจนี้เขาก็มีวิธีการทำงานของเขา
สำหรับคดีนี้หากใครที่คิดว่า เคสนี้มีเยาวชนเป็นผู้กระทำความผิด บทลงโทษจะเบาลงหรือไม่ ตนขอบอกเลยว่า ศาลจะพิจารณาตามพฤติกรรมของเขา บางทีการกระทำบางอย่างก็ไม่ใช่เด็ก เขาก็จะตัดสินในศาลผู้ใหญ่ ในส่วนของคดีนี้ ตำรวจรับแจ้งความ และมีผลตรวจร่างกายเรียบร้อย รวมถึงผู้ก่อเหตุ 2 คนแรกก็สารภาพไปแล้วด้วย เพราะฉะนั้นทุกอย่างชัดเจนคดีคงไม่พลิก แต่อาจจะมีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมและดำเนินคดีกับคนอื่นด้วย
"ถามว่าทำไมเรื่องนี้ถึงเงียบ อาจจะเพราะช่วงนี้ตำรวจก็กลัวโควิด 19 เนื่องจากบุ๋มทราบมาว่า หลายคดีก็ไม่สามารถดำเนินการได้เร็ว เรียกว่าช่วงนี้การทำงานล่าช้ามาก แต่บุ๋มก็ยอมรับว่า เคสนี้ช้าไปจริง ๆ สำหรับประเด็นที่มีชาวเน็ตวิพากษ์วิจารณ์ว่า ผู้หญิงไปกับเขาทำไม บุ๋มอยากจะบอกว่า ไม่ควรโทษผู้หญิงอยู่ฝ่ายเดียว ที่ผ่านมาสังคมมักโทษผู้เสียหาย บุ๋มคิดว่าควรเปลี่ยนตรรกะความคิดใหม่ได้แล้ว เพราะหากมีใครสักคนเดินแก้ผ้ามา คุณก็ไม่มีสิทธิ์ไปข่มขืนเขา" บุ๋ม ปนัดดา กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- คืบคดี 5 เดนนรก ผบช.ภ.6 สั่งย้าย ผู้กำกับ สภ.แม่วงก์ และ รองผกก.สภ. สืบสวนล่าช้า
- คดี 5 เดนนรก ผกก.แม่วงก์ ออกหมายจับแล้ว เตรียมเอาผิดร้อยเวร ไม่ใส่ใจทำคดี
