อัจฉริยะจ่อเปิดโปงแก๊งตำรวจ ผู้กำกับโจ้ เตะตัดขา ชี้คนปล่อยคลิปโจ้ระดับบิ๊ก "เดชา" จี้สอบตั้ม (คลิป)

29 ส.ค. 64

จากคดีดัง ผู้กำกับโจ้ กับ 6 ตำรวจ คลุมถุงหัว นายจิระพงศ์ ธนะพัฒน์ หลังจากถูกจับคดียาเสพติดที่ สภ.เมืองนครสวรรค์ โดย พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ โจ้ ผู้กำกับ สภ.เมืองนครสวรรค์ รับสารภาพว่าใช้ถุงดำคลุมหัวจนตาย เมื่อวันที่ 5 ส.ค. 64 และสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาร่วมก่อเหตุ หลังมีคลิปวงจรปิดเผยพฤติกรรมออกมาเป็นนาทีก่อเหตุ ต่อมาเมื่อวันที่ 26 ส.ค. 64 เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาได้ทั้ง 7 รายแล้วนั้น

802371

วันที่ 29 ส.ค. 64 นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เปิดเผยว่า ตนเองทราบมาตั้งแต่วันที่ทนายเดชาไลฟ์สดวันแรก และเช็กข้อมูลก็พบว่ามีข้อมูลจริง และเหตุเกิดตั้งแต่ 4-5 ส.ค. 64 เหตุใดจึงมีการมาร้องเรียน หลังวันที่ 20 ส.ค. 64 จึงเป็นสิ่งที่มีการผิดสังเกตว่าเหตุใดจึงปล่อยเวลาล่วงเลยมานานถึงเพียงนี้ และทำไมไม่ให้ตำรวจผู้ใหญ่ดำเนินคดี

926136

ตนเองทราบว่าใน สภ.เมืองนครสวรค์ มีการขัดแย้งเรื่องปัญหาการเก็บส่วย ทั้งด้าน ผกก.โจ้ กับอีกกลุ่มหนึ่ง จึงพยายามจะเปิดโปงเรื่องของอดีต ผกก.โจ้ โดยหลังจากทนายเดชา เปิดโปงเรื่องนี้ผ่านทางไลฟ์มีบางอย่างผิดปกติ และหาข้อมูลเรื่อยมาว่าเกิดอะไรบางอย่างขึ้น จึงหาความเชื่อมโยงพบว่าทนายเดชาถูกยืมมือให้เป็นคนเปิดเรื่อง และทำให้ถูกเข้าใจผิดว่ารีดทรัพย์

426941

ตนเองก็ได้คลิปเช่นกันวันเดียวกับทนายตั้ม แต่ได้หลังจากทนายตั้มประมาณ 30 นาที และโทรศัพท์สอบถามต้นทางว่าทุกคนได้รับหมดแล้ว จึงทราบว่าผู้ที่ปล่อยคลิปไม่ใช่ตำรวจชั้นผู้น้อย เพราะกล้องวงจรปิดใน สภ.นั้นคนที่จะดูได้ต้องมีรหัสผ่าน ผ่านระบบไวไฟ ของโรงพัก จึงมีข้อมูลว่ามี พ.ต.ท. คนหนึ่งใน สภ. เป็นคนนำคลิปออกมา ซึ่งไม่ใช่คนในชุด 05

ทั้งนี้ ทนายษิทราก็ให้ข้อมูลไม่ตรงกัน ทั้ง ๆ ที่เป็นวันเดียวกัน ช่วงแรกบอกว่าพยานจะเป็นอันตราย แต่ภายหลังบอกตำรวจปลอดภัยแล้ว จึงเชื่อว่าน่าจะมีขบวนการทำลาย อดีต ผกก.โจ้ และตั้งใจทำลายภาพลักษณ์สำนักงานตำรวจแห่งชาติด้วย สำหรับคดีนี้นั้น เรื่องการทำผิดของ อดีต ผกก.โจ้ ชัดเจน แต่ทำไมถึงไม่ให้ผู้บังคับบัญชาจะได้ความดีความชอบด้วยซ้ำ แต่กลับนำคลิปมาเปิดโปงก่อน วันที่ 25 ส.ค. 64 ก่อนวันแต่งตั้งโยกย้ายเพียงวันเดียว แต่นำคลิปให้คนนอก ตนเองจะเดินทางไปร้องทุกข์กับผบ.ตร.เปิดโปงขบวนการนี้ด้วย ในวันที่ 1 ก.ต. 64

709187

ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ประธานทนายเครือข่ายทนายคลายทุกข์ เปิดเผยว่า ส่วนตัวเชื่อตามที่นายอัจฉริยะ รวบรวมข้อมูลมาว่ามีขบวนการในการจงใจเผยแพร่คลิป เริ่มตั้งแต่มีการนำกล้องไปตั้งในห้องดังกล่าว เป็นคนที่มีสาเหตุโกรธเคืองกับ อดีต ผกก.โจ้ เนื่องจากมีการขัดผลประโยชน์กัน และทำเป็นขบวนการ ไม่ใช่ตำรวจชั้นผู้น้อยตามที่เป็นข่าว และเมื่อเรื่องมาถึงตนเองก็เปิดโปง คิดว่าเป็นเรื่องปกติ แต่มาในตอนหลัง ตนเองเริ่มทราบว่ามีการกล่าวหาตนเองตบทรัพย์เป็นความเท็จทั้งหมด ที่ต้องการจะเล่นงานอดีต ผกก.โจ้ โดยภาษาตำรวจว่า "มังกรพลัดถิ่น หรือจะสู้งูดินเจ้าที่" เพราะอดีต ผกก.โจ้ ย้ายข้ามถิ่นมา และเจริญก้าวหน้า ส่วนพวกงูดินเจ้าที่ คือคนท้องถิ่นที่อยู่มานานแล้ว แต่ไม่เจริญก้าวหน้า

"ทุกคนได้ประโยชน์ แต่มีแต่ตนเองที่เดือดร้อน ทั้งที่นำเรื่องมาเปิดโปงเป็นคนแรก แต่โดนพวกนี้เล่นงาน และจะดำเนินคดีถึงที่สุด และไม่ยอมความ" ส่วนคำให้การอดีต ผกก.โจ้ ไม่ใช่ตัวชี้วัดว่าจะตั้งใจหรือไม่ จะดูว่าตั้งใจหรือไม่จากพฤติการณ์ในการกระทำความผิด จากการกระทำเล็งเห็นแล้วว่าการกระทำดังกล่าวของอดีต ผกก.โจ้ ทำให้ถึงแก่ความตายแน่นอน ไม่ว่าจะตายที่โรงพัก หรือ โรงพยาบาล แต่ความตายเป็นผลจากการกระทำของกลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมด

508836

เพราะฉะนั้น พยานหลักฐานมีมูลเพียงพอที่จะมีเห็นความควรสั่งฟ้อง ถ้าหากไม่ทำให้ขาดอากาศหายใจตั้งแต่แรกก็คงไม่ตาย ถึงแม้จะมีการปั๊มหัวใจ ก็ไม่มีการลดทอนความผิด และสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ความสำคัญกับการฆ่าเป็นหลัก ส่วนการปฏิบัติหน้าที่เป็นคดีรอง ในการหลุดคดีนั้น ตนเองมองว่าหลักฐานแน่นหนา ไม่มีทางที่จะหลุดรอดได้แน่นอน

101060735505936003

ส่วนที่โซเชียลจับผิดนั้นว่าตัวจริงหรือไม่ ตนเองมองว่าเป็นตัวจริงแน่นอน เพราะในการจับกุมต้องมีการพิมพ์ลายนิ้วมือ ถ่ายภาพ เข้าคอมพิวเตอร์ตรวจสอบ และคดีนี้เป็นคดีใหญ่ ไม่มีทางที่จะเป็นตัวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติคงอยู่ไม่ได้ ผบ.ตร.คงถูกออกจากราชการ จะทำไปเพื่ออะไร ส่วนที่แจ้งความไว้ตนเองไปให้การเพิ่มเติม และจะมีการออกหมายเรียกทนายษิทราต่อไป พรุ่งนี้ตนเองจะไปสภาทนายความ และร้องสอบมรรยาททนายษิทราด้วย

ส่วนกรณี ส.ส.สิระ ที่เดินทางไปบ้านผู้ต้องหา และสาธิตคลุมถุงดำ ตนเองมองว่าทำไม่ถูกต้อง "ยอมรับว่าเป็นคนดี และเก่ง และหิวแสงเกินไป มองในฐานะเพื่อน"

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส