เมื่อวันที่ 22 ส.ค.64 เวลา 06.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ ได้บุกเข้าจับกุมตัวนายวิสุทธิ์ มั่งมี หรือ โอ อายุ 47 ปี ได้ที่บ้านพักหมู่ 11 ต.ออนกลาง อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ พร้อมของกลางอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ขนาดใช้กับกระสุนขนาดเบอร์ 12 กระสุนปืนลูกซองขนาดเบอร์ 12 อีกจำนวน 6 นัด พร้อมเสื้อ-กางเกงสีดำ หมวกไอ้โม่ง หมวกเดินป่าสีเขียว ที่ใช้ใส่ในวันก่อเหตุข่มขู่พนักงานร้านสะดวกซื้อ สาขาแม่ออน ถ.เชียงใหม่-แม่ออน หมู่ที่ 2 ต.บ้านสหกรณ์ อ.แม่ออน ในวันที่ 20 ส.ค.64 ที่ผ่านมา
เนื่องจากธุรกิจปลูกข้าวโพดล้มเหลว เพราะสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ไม่มีงาน ไม่มีเงินซื้อข้าวกิน ทั้ง ๆ ที่ผู้ก่อเหตุจบการศึกษาสูงถึงระดับปริญญาโท มหาวิทยาลัยชื่อดัง จึงได้แจ้งข้อหา ในฐานความผิดทั้งหมด 3 ข้อหา ได้แก่ 1.พยายามชิงทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้อาวุธปืน 2.มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 3.พกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว
ล่าสุดทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางลงพื้นที่ไปบ้านเช่าหลังดังกล่าวซึ่งเป็นบ้านเลขที่ 69 หมู่ 11 ต.ออนกลาง อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ พบว่าเป็นบ้านเช่าชั้นเดียวแต่ไม่มีใครอยู่ จึงสอบถามไปยังนายยุทธนา ขัติแสง อายุ 44 ปี กำนัน ต.ออนกลาง กล่าวว่า ตนรู้สึกตกใจมากหลังจากทราบข่าว เพราะตลอด 6-7 ปี ที่ผู้ก่อเหตุเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญทางด้านการเกษตรของบริษัทแห่งหนึ่ง เขาเป็นคนดีมาก ๆ มาตัวคนเดียว ก่อนจะได้ภรรยาเป็นแม่หม้ายลูกติดที่นี่ แถมยังสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านอีกด้วย เพราะตอนนั้นเขาชักชวนชาวบ้านไปช่วยคัดเมล็ดพันธ์ุข้าวโพด “พันธ์ุเหนียวหวานกล่ำ” ให้กับบริษัทดังกล่าวถือว่าสร้างประโยชน์ให้กับชุมชนเป็นอย่างมาก เป็นคนที่ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและมีความอุตสาหะ ไม่เคยสร้างปัญหา หรือมีนิสัยก้าวร้าวให้คนในชุมชนเดือดร้อน
ส่วนเรื่องปัญหาแรงจูงใจที่ทำให้เขาออกไปก่อเหตุนั้น ตนยอมรับว่าไม่รู้จริง ๆ แต่เชื่อว่าคงเป็นเพราะเศรษฐกิจในช่วงโควิด-19 รายรับไม่พอจ่าย เนื่องจากภรรยาของเขา ก็ทำงานเป็นคนรับจ้างเก็บข้าวโพด มีรายได้แค่วันละ 200-300 บาท ประกอบกับผู้ก่อเหตุไม่ได้ทำงาน เก็บตัวเงียบอยู่แต่ในบ้าน จะออกนอกบ้านแต่ละทีก็แค่ไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อ
นอกจากนี้ เมื่อสืบค้นหาผลงานของนายวิสุทธิ์ มั่งมี ในเว็บไซต์คลังความรู้ดิจิทัล มก. ก็พบว่ามีบทความที่ปรากฎชื่อเขาเป็นหนึ่งในผู้แต่งร่วมกับเพื่อนรวม 5 คน โดยใช้ชื่อบทความว่า “การใช้เชื้อพันธุกรรม TAMNET ในการปรับปรุงพันธุ์เพื่อเพิ่มผลผลิตข้าวโพดลูกผสมอายุเก็บเกี่ยวสั้น” แต่งขึ้นเมื่อ 30 มี.ค.2544
นายวีระ จันทร์ต๊ะอูบ” อายุ 63 ปี ชาวบ้านที่เคยร่วมงานกับผู้ก่อเหตุ เล่าให้ฟังว่า ตนไม่คิดเลยว่าเขาจะทำแบบนี้ เพราะช่วงแรก ๆ ที่เข้ามาในชุมชน เขาได้นำเมล็ดพันธุ์ข้าวโพด “พันธุ์เหนียวหวานกล่ำ” มาแจกจ่ายให้กับตนและชาวบ้าน แถมยังมีการลงพื้นที่ไปสอนให้ความรู้เกี่ยวกับด้านเกษตรกับชาวบ้านอีกหลายคน
สำหรับบุคลิกของเขาก็เป็นคนดี คนเก่ง มีความสามารถ ไม่ดุร้าย ใจเย็น ชอบช่วยเหลือคนอื่น ไม่เคยทำร้ายใคร อย่างช่วงปี 2561 เคยเช่าที่นาของตนไป 6 ไร่ ไร่ละ 1,000 ต่อปี เพื่อจะเอาไปเพาะพันธุ์ข้าวโพด “พันธ์เหนียวหวานกล่ำ” ซึ่งเป็นข้าวโพดที่สามารถกินดิบ ๆ ได้ แต่เกิดภาวะเศรษฐกิจไม่ดีจึงยุติไป
ในปี 2562 เขาก็ยังเช่าที่นาในหมู่บ้านสหกรณ์ 2 หมู่ 2 ต.บ้านสหกรณ์ อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ ประมาณ 50 ไร่ เพื่อทำการเพาะพันธุ์ข้าวโพด “พันธ์ุเหนียวหวานกล่ำ” ซึ่งตอนนั้นถือว่าสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชนเป็นอย่างมาก เพราะผู้ก่อเหตุจะจ้างวันละ 300 บาท ประมาณ 10 กว่าคน ตลอด 1 ปีกว่า ๆ
ปี 2563 เขาได้ยุติการส่งเมล็ดพันธุ์ให้กับโรงงาน เพื่อออกมาดำเนินกิจการงานวิจัยเอง แต่ก็เจอกับสถานการณ์โควิด-19 ประกอบกับสถานการณ์น้ำน้อย จึงไปต่อไม่ไหว และยุติการเพาะพันธุ์ข้าวโพดดังกล่าว ทำให้เหลือรายได้เข้าบ้านเพียงทางเดียว คือ อาชีพรับจ้างเก็บข้าวโพดที่ภรรยา ได้วันละประมาณ 200-300 บาท
ส่วนตัวมองว่าด้วยความที่เขาเป็นคนไม่ชอบขอความช่วยเหลือจากใคร ซึ่งจริง ๆ แล้วชาวบ้านทุกคนพร้อมจะยื่นมือเข้าไปช่วยเสมอ แต่เมื่อเกิดปัญหาก็เลยหาทางออกด้วยตัวเอง อย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดเจน คือ พักหลังมานี้ตนเห็นว่าผู้ก่อเหตุดื่มเหล้าทุกวัน คาดว่าคงเก็บกดจากความเครียดเรื่องเงิน
