กรณี พล.ต.ต.วรา เวชชาภินันท์ ผบก.ภ.จว.พัทลุง, ร.ต.ท.ชาญณรงค์ สันซัง ร้อยเวร สภ.เขาชัยสน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องกว่า 10 นาย และเจ้าหน้าที่กู้ภัยพัทลุงเข้าตรวจสอบเหตุยิงกันตายริมถนนสายเชีย (เพชรเกษม) ฝั่งขาขึ้นหลักกิโลเมตรที่ 1185 พื้นที่ ม.8 บ้านหัวหรั่ง อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง
เจ้าหน้าที่ตรวจสอบในที่เกิดเหตุพบศพ นายบุญยงค์ ปัญญาจิตร อายุ 31 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ริมถนน ข้างรถฮอนด้าเวฟ ทะเบียน 1 กฐ 7432 พัทลุง ล้มอยู่ สภาพศพมีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกโม่ ไม่ทราบขนาด บริเวณชายโครงขวา ด้านหลัง และบริเวณแขนขวารวม 3 นัด และบริเวณหน้ารถ เจ้าหน้าที่พบเครื่องเลื่อยยนต์จำนวน 1 เครื่อง
ห่างออกไปประมาณ 10 เมตร พบศพนายพงศ์นิช ปัญญาจิตร อายุ 26 ปี น้องชาย เสียชีวิตอยู่ข้างรถสามล้อพ่วง ทะเบียน 1 กค 1632 พัทลุง ซึ่งภายในรถมีท่อนไม้อยู่เต็มคันรถ สภาพศพถูกยิงด้วยอาวุธปืน คาดว่ากระบอกเดียวกัน เข้าที่บริเวณราวนมขวาชายโครงซ้ายสะบักหลัง ด้านขวา และไหล่ขวารวม 4 แผล เหตุเกิดเวลาประมาณ 19.00 น. ของวันที่ 17 ส.ค. 64
ล่าสุด วันที่ 18 ส.ค. 64 ทีมข่าวลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ พบคราบเลือดบนถนนและในพงหญ้า พบร่องรอยดินพรวนขึ้นมาซึ่งเป็นจุดนายพงศ์นิช นอนเสียชีวิต แต่ถัดไปเพียง 1 เมตร ทีมข่าวพบต้นไม้ใหญ่แขวงทางหลวงพัทลุง 2 ต้นมีร่องรอยถูกตัดโค่น 1 ต้น และถูกตัดออกไป 1 กิ่ง 1 ต้น คาดว่าเป็นต้นไม้ที่ผู้เสียชีวิตทั้ง 2 มาตัดก่อนถูกยิง
ล่าสุด เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดอีโอดี กองบังคับการตำรวจภูธรพัทลุง เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ หาวัตถุพยานในที่เกิดเหตุพบหัวกระสุนปืนขนาด .357 สอดคล้องหัวกระสุนที่พบในศพผู้เสียชีวิต แต่ในที่เกิดเหตุไม่พบปลอกกระสุน
นางสาวนาเดีย (นามสมมติ) อายุ 35 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ เปิดเผยว่า เวลาประมาณ 19.00 น. ได้ยินเสียงปืนดังรัว ประมาณ 4 นัด แต่ตนไม่ได้ออกมาดู คิดว่าวัยรุ่นเบิ้ลรถ และบิดกุญแจ ทำให้เครื่องยนต์เสียงดังคล้ายปืน อีกทั้งช่วงเวลานั้นในย่านนี้มืดสนิท แม้แต่ไฟส่องสว่างบนถนนก็ไม่มี ตนก็มักจะเข้าบ้านเตรียมตัวนอน และไม่กล้าออกมา ต่อมาไม่นานก็พบตำรวจมาเต็มพื้นที่ ก็ยังคิดแค่ว่ารถชนกัน จนรุ่งเข้าถึงรู้ว่าเหตุคนถูกยิง ซึ่งตนก็ไม่รู้จักกับผู้เสียชีวิตทั้ง 2 คน
ส่วนต้นไม้ข้างทางในที่เกิดเหตุ ก่อนหน้ายังยืนต้นปกติดีทั้ง 2 ต้น แต่เมื่อวานหลังเลิกงานขับผ่านจุดนั้นก็พบว่าต้นไม้เป็นตอ ถูกตัดไป 1 ต้นแล้ว แต่ก็ไม่พบคนที่มาตัดไม้ สำหรับบริเวณนี้ตนไม่ค่อยได้สังเกตว่ามีใครมาตัดไม้ข้างทางบ้าง เพราะตนออกไปทำงานแต่เช้า และเย็นก็กลับบ้าน ส่วนผู้ตายทั้ง 2 ก็ไม่เคยเห็นมาก่อนว่ามีการมาตัดไม้ในย่านนี้
เวลาประมาณ 11.00 น. ชาวบ้านและครอบครัวของผู้เสียชีวิตนำศพ นายบุญยงค์ ปัญญาจิตร อายุ 31 ปี และนายพงศ์นิช ปัญญาจิตร อายุ 26 ปี ไปฝังที่กุโบร์บ้านควนนาช่อง ต.เขาชัยสน ทำพิธีฝังคู่กัน ตามหลักการศาสนาอิสลาม บรรยากาศเป็นไปด้วยความเรียบง่าย
นางหลัม หละนคร อายุ 54 ปี แม่ผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ลูกชายคนโตมีเมีย และแยกครอบครัวไปก่อนจะเลิกลากับเมียและกลับมาอยู่บ้านได้ 3 ปี ส่วนคนน้องก็ทำอาชีพตัดไม้ต่าง ๆ มานานแล้ว วันเกิดเหตุในช่วงเช้าลูกชายคนโตออกไปตัดไม้ตั้งแต่ 09.00 น. ก่อนกลับเข้าบ้านช่วง 15.00 น. มาบอกลูกคนที่ 4 ซึ่งนอนอยู่ให้ไปช่วยขึ้นไม้ที่ตัดไว้ จากนั้นลูกคนที่ 4 ก็ลุกจากที่นอนออกไปช่วยและขี่รถจักรยานยนต์พ่วงข้างออกไปก่อน แต่ลูกชายคนโตขี่รถจักรยานยนต์อีกคันตามไปทีหลัง จากนั้นตนก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกทั้ง 2 คน
ซึ่งทั้ง 2 คนมีอาชีพตัดไม้ ส่วนใหญ่ก็ไปตัดไม้ป่า ไม้ยางตามบ้านคนที่ชาวบ้านอนุญาต และไม้ริมทางที่การทางอนุญาต บางครั้งก็ไปซื้อไม้และไปขายต่อ เพื่อเอาไปขายนำเงินมาเลี้ยงพ่อที่พิการติดเตียง และหาเงินจุนเจือครอบครัว ที่ผ่านมาลูก ๆ ไม่เคยมีปัญหากับใครเลย ทั้งปัญหาส่วนตัว และเรื่องยาเสพติด แม้ทั้งคู่จะเสพยาจริงแต่เสพเพื่อให้ทำงานได้ ไม่ได้เสพหนักหรือติดงอมแงมอะไร แต่จริง ๆ ก็ยืนยันไม่ได้เต็ม 100 เพราะลูกทั้ง 2 คนไม่ค่อยปรึกษา ไม่ค่อยเล่าอะไรให้ตนฟัง แต่ตนสงสัยแค่เรื่องตัดไม้ เพราะไม่รู้ว่าระหว่างลูกไปตัดไม้จะขัดแย้งกับใครหรือไม่ ตนจึงไม่แน่ใจว่าเรื่องนี้เป็นชนวนทำให้ลูกโดนฆ่าหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ตนนอนคิดมากทั้งคืนว่าใครฆ่าลูก นอนไม่หลับ กินข้าวไม่ลง แต่วันนี้พอทำใจได้ คิดว่าขอให้ต่างคนต่างอยู่เพราะลูกตายไปแล้ว เอาคืนไม่ได้ แต่การสูญเสียเหมือนเสียเสาหลักไป จากนี้ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรกันต่อ สำหรับทางคดีก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ ถ้าจับได้ก็เป็นบุญของลูก ตนไม่แค้น ไม่อาฆาต เพราะไม่มีอะไรดีขึ้น มีแต่เสียกับเสีย
ทั้งนี้ ระหว่างสัมภาษณ์มีนายประยูร ปัญญาจิต อายุ 50 ปี พ่อผู้เสียชีวิต ซึ่งป่วยติดเตียงมานาน 2 ปีแล้วนั้น นั่งฟังการสัมภาษณ์อยู่ด้วย ในช่วงทายที่ทีมข่าวสอบถามผู้เป็นแม่ ถึงการที่ลูกทั้ง 2 คนดูแลแม่และพ่อ ดูแลครอบครัวมาตลอด ทำให้ผู้เป็นพ่อถึงกับร้องไห้โฮออกมา
ด้านนายปรีเปรม เพ็งโอ อายุ 60 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 บ้านบ้านหัวหรั่ง เปิดเผยว่า นิสัยลูกบ้านทั้ง 2 คนก็นิสัยดี แต่การทำงานก็จะแตกต่างกันไป และครอบครัวนี้ไม่ได้มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง ส่วนใหญ่ตัดไม้ไปขายจุนเจือครอบครัว บางครั้งก็แอบตัดของชาวบ้านบ้าง เพราะมีชาวบ้านมาร้องเรียนหลายครั้ง แต่ชาวบ้านก็ไม่ได้เอาเรื่อง และตนได้ตักเตือนทั้งคู่ไปบ้างแล้ว บางครั้งเป็นไม้โค่นล้มข้างทาง บางทีคนตัดไม้เจ้าอื่นจองไว้แล้ว แต่ทั้งคู่อาจไปขนตัดหน้าบ้างก็มี แต่ล่าสุดที่เกิดเหตุเป็นต้นไม้ริมถนน ไม้ล้ม กิ่งหัก ไม่น่าจะเกี่ยวกับใคร และเรื่องไม้ตนว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะไม้มีเยอะแยะมากมาย ไม่น่าจะโกรธหรือฆ่าแกงกันได้ ส่วนเรื่องทะเลาะวิวาทกันระหว่างวัยรุ่นในหมู่บ้านก็ไม่พบ
ดังนั้น มีเรื่องเดียวที่ตนกังวลคือเรื่องยาเสพติด กลัวว่าผู้เสียชีวิตไปเอายามา แต่ไม่ได้จ่ายเงิน เบี้ยวเงิน แต่จริง ๆ คนในหมู่บ้านก็ไม่เคยฆ่าแกงกัน ทุกคนในหมู่บ้านก็ยังงงกันอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้น หมู่บ้านมีมากกว่า 400 หลังคาเรือน ทุกคนทราบเรื่องนี้กันหมด ไม่มีใครต้องสงสัย
พล.ต.ต.วรา เวชชาอภินันต์ ผบก.ภจ.ว.พัทลุง ให้ข้อมูลว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นพบว่าครอบครัวนี้ค่อนข้างน่าสงสาร และน่าเห็นใจ เพราะก่อนหน้านี้มีพ่อเป็นเสาหลักจองครัวครัว นำพาลูก ๆ รับจ้างทำงานก่อสร้าง มีอาการป่วยช่วยตัวเองไม่ได้มา 2 ปี จากนั้นนายบุญยงค์ ปัญญาจิตร ลูกชายคนโต ก็เป็นเสาหลักนำน้อง ๆ ทำงาน
โดยแนวทางต่อจากนี้กำลังเร่งสอบสวนญาติพี่น้องและคนในครอบครัวต่อ ต้องสืบว่าผู้ตายมีความขัดแย้งกับใครบ้าน อาชีพที่ทำขัดแย้งกับใครบ้าง รวมถึงประวัติผู้ตายซึ่งตอนนี้คาดว่าน่าจะมีคดีติดตัว เพราะมีข้อมูลว่าอยู่ระหว่างคุมประพฤติ กำลังตรวจสอบอยู่ ขณะนี้จึงตั้งทีมสืบสวน แบ่งหน้าที่กันทำงานทั้งการติดตามเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างบ้านผู้เสียชีวิต และที่เกิดเหตุ โดยเฉพาะเส้นทางที่ผ่านจุดเกิดเหตุว่ามีกล้องวงจรปิดหรือไม่
พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นสวนยาง หลักฐานได้คือหัวกระสุน 2 หัว ค่อนข้างสมบูรณ์ แต่ไม่พบปลอกกระสุน คาดเป็นกระสุนปืน .38 กับ .357 และยังรอผลพิสูจน์ ส่วนแวดล้อมมีเพียงปากชาวบ้านที่พูดต่อกันว่ามีรถกระบะจอดอยู่ฝั่งตรงข้าม มีกระบะตามผู้ตายทั้ง 2 มายิงในที่เกิดเหตุ และมีคนร้ายถึง 3 คน คาดว่าคนร้ายน่าจะก่อเหตุยิงคนเป็นพี่ก่อน และน้องเห็นจึงวิ่งไปช่วย และถูกยิงรวดถึง 4 นัด ตามกระสุนที่อยู่ในตัวผู้ตาย 2 นัด และข้างตัวอีก 2 นัด
ปมที่ตั้งไว้ให้น้ำหนักไปที่เรื่องนิสัยส่วนตัว ชอบลักเล็กขโมยน้อย โดยเฉพาะการแอบตัดไม้ชาวบ้าน ส่วนประเด็นรองลงมาคือเรื่องยาเสพติด เพราะการสืบสวนพบแค่ว่าเป็นแค่ผู้เสพ และอีก 3 ประเด็นคือ เหตุเฉพาะหน้า ปัญหาส่วนตัว และเรื่องชู้สาว และยังไม่ได้ตัดประเด็นใดทิ้ง