วันที่ 1 ต.ค. 61 ชาวบ้านภูฮัง หมู่ที่ 3 และหมู่ที่ 5 ต.ดงมูล อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ อยู่ในอาการหวาดผวาผีปอบ และผีแม่ม่ายอย่างหนัก เนื่องจากเชื่อว่าผีปอบ และผีแม่ม่ายกำลังออกอาละวาด โดยล่าสุดคร่าชีวิตคนในหมู่บ้านทั้งชายและหญิงล้มตายลงติดต่อกันแล้ว 5 ศพ ทำให้ชาวบ้านต้องนำเสื้อสีแดง และเขียนป้ายข้อความ “บ้านหลังนี้ไม่มีผู้ชาย” มาติดไว้หน้าบ้านแทบทุกหลังคาเรือน ส่วนผู้ชายก็ทาเล็บแดง หาเครื่องรางของขลังพกติดตัว เพื่อป้องกันผีปอบและผีแม่ม่ายตามความเชื่อ
นายพงษ์พิพัฒน์ ภูครองทุ่ง รองนายกเทศมนตรีตำบลดงมูล อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ชาวบ้านภูฮัง กำลังอยู่ในอาการหวาดผวาเป็นอย่างมาก จากการที่มีคนในหมู่บ้านเสียชีวิตติดต่อกัน 5 คน โดยศพแรกเริ่มเมื่อประมาณกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา เป็นชาย ต่อมาศพที่ 2 เป็นชาย ซึ่งอาศัยอยู่บ้านหลังเดียวกัน และเสียชีวิตห่างกันเพียง 7 วัน ในลักษณะเดียวกัน คือเกิดอาการวูบแล้วสิ้นใจ ศพที่ 3 และ 4 เป็นหญิง และรายล่าสุดศพที่ 5 เป็นวัยรุ่นหญิงอายุ 16 ปี ประสบอุบัติเหตุรถชนเสียชีวิต ที่ถนนหน้าหมู่บ้าน เมื่อคืนที่ผ่านมา (30 ก.ย. 61)
นายพงษ์พิพัฒน์ กล่าวต่อว่า มีชาวบ้านหลายคนออกมาแสดงความคิดเห็น และเชื่อว่าเป็นการกระทำของผีปอบ และผีแม่ม่าย จึงพากันนำเสื้อสีแดง พร้อมเขียนป้ายข้อความ “บ้านหลังนี้ไม่มีผู้ชาย” มาติดหน้าบ้าน และผู้ชายก็ต่างกันทาเล็บแดง หาพระ วัตถุมงคล เครื่องรางของขลังมาพกติดตัว เพื่อเป็นเคล็ดป้องกันผีตามความเชื่อ ซึ่งชาวบ้านบอกว่าเมื่อได้ทำการป้องกันดังกล่าวแล้วรู้สึกสบายใจขึ้น
ด้าน
นางบุษดี มลาศรี อายุ 60 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ กล่าวว่า ตนเป็นร่างทรงเจ้าพ่อกวนอู ก่อนที่จะมีเหตุการณ์เสียชีวิตติดต่อกัน เพื่อนบ้านหลายคนเล่าให้ฟังว่า ฝันเห็นคนกลุ่มใหญ่ ใส่ชุดดำ เดินมาสร้างที่พักหน้าปากทางเข้าหมู่บ้านภูฮัง จากนั้นก็มีเสียงสุนัขเห่าหอนไปทั่วหมู่บ้าน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ผิดปกติมาก ก่อนที่วันต่อมาจะเกิดการเสียชีวิตติดต่อกัน โดยล้วนแต่เป็นการเสียชีวิตอย่างกะทันหัน ชาวบ้านต่างปักใจเชื่อว่าเป็นการกระทำของผีที่กำลังออกอาละวาด โดยผีแม่ม่ายจะมาเอาชีวิตผู้ชาย ขณะที่ผีปอบจะมาเข้าสิงร่างกินเครื่องในคนแก่และร่างกายอ่อนแอ จึงทำให้เสียชีวิตก่อนเวลาอันควร
ขณะที่
นายกิติ ซาวศรี อายุ 73 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ กล่าวว่า ตนกับลูกเมียและหลาน ยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์สูญเสียที่เกิดขึ้น เนื่องจากลูกเขย 2 คน ที่เกิดอาการวูบเสียชีวิตไป ทั้งที่ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ดี ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ โดยคนแรกเกิดอาการวูบ ขณะกำลังจะขึ้นรถไปทำงาน ต่อมาอีก 7 วัน ลูกเขยอีกคนวูบเสียชีวิต ขณะกำลังทำอาหารเช้าอยู่ในครัว และที่น่าตกใจที่สุดคือ บริเวณลำคอมีรอยเขียวคล้ำ เหมือนถูกมือบีบคออย่างแรงจนเสียชีวิต
“ตอนนี้ทุกคนในครอบครัว ยังรู้สึกโศกเศร้ากับความสูญเสียที่เกิดขึ้น ขณะที่บรรยากาศภายในหมู่บ้านก็เงียบเหงาวังเวง ทุกคนในหมู่บ้านตกอยู่ในอาการหวาดผวา พากันไปหาอาบน้ำมนต์กับพระคุณเจ้า และผูกด้ายสายสิญจน์ ติดไว้หน้าบ้าน เพื่อป้องกันผีแม่ม้ายและผีปอบ ซึ่งไม่รู้ว่าจะตกอยู่ในสภาพนี้อีกนานแค่ไหน ชาวบ้านจึงได้แต่ตื่นกลัว ปิดบ้านเข้านอนแต่หัวค่ำ ไม่กล้าออกจากบ้านในเวลากลางคืน” นายกิติ กล่าว