คดีพลิก! แก๊งโจ๋กระทืบหนุ่มแฉอีกฝ่ายชักปืนขู่ สะใจลากร่างดมท่อรถ ปัดเป็นลูกตำรวจ (คลิป)

9 ส.ค. 64

จากกรณีเมื่อวันที่ 7 ส.ค. 64 นายพีระพัฒน์ ห้อยลา หรือ บอย อายุ 23 ปี ได้โพสต์เรื่องราวผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว “Peeraphat Hoila” ว่า "แบบนี้ก็ได้ขี่รถตามมาต่อยถึงหน้าโรงงาน ยังมีการบอกตี 5 เจอกันหน้าโรงงาน พร้อมทั้งยังได้ถ่ายรูปหน้าตัวเองที่มีเลือดบนใบหน้า หน้าบวม ปากแตก มีรอยฟกช้ำบนใบหน้า ทำให้มีคนเข้าใาแสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมาก"

177514

โดยล่าสุด ช่วงบ่ายของวันที่ 8 ส.ค. 64 นางธนาวดี ห้อยลา แม่ของผู้โพสต์ ได้เดินทางมายัง สภ.กบินทร์บุรี เพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานเอาไว้ก่อน โดยจะต้องรอให้ผู้บาดเจ็บหายดีแล้วค่อยเดินทางมาแจ้งความด้วยตัวเองในภายหลัง

135956

ล่าสุด วันที่ 9 ส.ค. 64 นางธนาวดี ห้อยลา อายุ 52 ปี แม่ผู้บาดเจ็บ และนายประพันธ์ุ ห้อยลา อายุ 53 ปี พ่อผู้บาดเจ็บ เปิดเผยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. ที่ลูกชายขี้นรถกระบะสีเทาไปทำงานโรงงาน ขณะที่ลูกชายกำลังติดไฟแดงอยู่บริเวณยูเทิร์นหน้าเขตบ้านโคก ก็ได้มีรถเก๋งคันหนึ่งขับมาหาว่าลูกชายขับจี้ท้ายรถ

340059

เมื่อลูกชายขับรถมาจอดบริเวณหน้าโรงงาน แล้วลงจากรถเพื่อใส่รองเท้า จู่ ๆ รถเก๋งคู่กรณีก็ขับมาจอด มีชายลงจากรถลงมา 2 คน คนขับได้ปรี่เข้ามาชกหน้าลูกชายพวกตน 1 ครั้ง พร้อมพูดว่า "ตี 5 เจอกัน" ทำให้ลูกชายตนต้องวิ่งไปขอความช่วยเหลือจากพนักงานรักษาความปลอดภัย แต่อีกฝ่ายก็ได้กลับออกไปก่อน

cg

จากนั้นเมื่อเวลาประมาณ 04.40 น. ลูกชายพวกตนได้เลิกงาน ได้พาเพื่อนคนหนึ่งติดรถกลับมาด้วย แต่เมื่อขับออกจากโรงงาน ก็พบว่ามีรถกระบะดีแม็กซ์ 4 ประตูสีดำ รถเก๋งอีกประมาณ 2 คัน คนเต็มรถ อีกทั้งยังมีรถจักรยานยนต์ 2-4 คันขับตาม พร้อมเขวี้ยงข้าวของใส่รถลูกชาย คาดว่าขวดพลาสติก ลูกชายพวกตนตัดสินใจจอดรถบริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ บริเวณตลาดอุดมสุข เนื่องจากคิดว่าหากเกิดอะไรขึ้น น่าจะมีกล้องวงจรปิดไว้เป็นหลักฐาน แต่สุดท้ายคุยกันไม่รู้เรื่อง ทำให้อีกฝ่ายได้เข้าไปลากลูกชายออกมาจากร้านสะดวกซื้อ ส่วนเพื่อนลูกชายได้หนีหายไป

254192

ลูกชายพวกตนถูกรุมทำร้ายจนอ่อนแรง อีกทั้งยังถูกลากไปรมควันท่อไอเสียรถกระบะ แล้วลากกลับมากระทืบทั้งเตะทั้งต่อยแล้วรมควันอีกครั้ง เมื่ออีกฝ่ายพอใจแล้วก็ได้แยกย้ายกันกลับ มีการพูดทิ้งท้ายว่า "แจ้งความเลย พ่อเป็นตำรวจ แจ้งไปทำอะไรไม่ได้หรอก"

ส่วนลูกชายพวกตนก็ได้ตั้งสติรีบขับรถกลับมาที่บ้าน พร้อมโทรหาตนบอกว่า "หนูโดนตีแล้ว แม่เตรียมตัว เดี๋ยวหนูจะไปโรงพยาบาล" เมื่อลูกชายพวกตนกลับมาถึงบ้าน ก็ได้พาเดินทางไปโรงยาบาลในเวลาประมาณ 06.00 น. ปกติแล้วหลังเลิกงานในเวลา 04.40 น. ลูกชายพวกตนจะกลับมาถึงบ้านในเวลาไม่เกิน 05.15 น. ลูกชายไม่เคยเกเร

583405

ขณะนี้ลูกชายกระดูกแก้มแตก พวกตนไม่อยากจะคิดว่าหากลูกชายเจ็บกว่านี้จะเป็นอย่างไร การรนควันท่อไอเสียก็เป็นอันตราย หากเนื้อถูกนาบกับท่อจะทำอย่างไร จึงอยากจะขอความเป็นธรรม คาดว่าอีก 2-3 วัน ลูกชายน่าจะออกจากโรงพยาบาลได้ คงจะต้องเดินทางไปแจ้งความอีกครั้ง ทั้งนี้ การที่อีกฝ่ายอ้างว่าเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ พวกตนไม่กลัว พวกตนสงสารลูก และจะขอดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ไม่รู้ว่าจะเข้าข่ายพยายามฆ่าหรือไม่

828139531651699130

ส่วนความเคลื่อนไหวบนเฟซบุ๊กของผู้บาดเจ็บ มีการโพสต์ข้อความรูปภาพอัปเดตอาการบาดเจ็บในขณะหลังเกิดเหตุ และช่วงที่รักษาตัวที่โรงพยาบาลแล้วนั้น

213921

นางสาวออย (นามสมมติ) อายุ 21 ปี ภรรยาของผู้บาดเจ็บ ซึ่งขณะนี้ตั้งครรภ์ได้ 4 เดือน ยืนยันว่าปกติผู้บาดเจ็บไม่เคยมีปัญหากับใครบนท้องถนน พร้อมทั้งชี้คราบเลือดที่ติดอยู่ที่ประตูรถกระบะฝั่งคนขับของผู้บาดเจ็บให้ทีมข่าวดู เป็นคราบเลือดของผู้บาดเจ็บที่ติดมาขณะที่ขับรถกลับมาที่บ้านหลังจากถูกรุมทำร้าย

534927

โดยในวันเกิดเหตุคือช่วงเข้ามืดของวันที่ 8 ส.ค. 64 สามีได้เดินทางกลับมาถึงบ้านในเวลาประมาณ 05.30 น. จากนั้นทางครอบครัวได้เร่งนำตัวส่งโรงพยาบาล ถึงโรงพยาบาลในเวลาประมาณ 05.40 น. ปกติสามีจะทำงานสายการผลิตของโรงงาน เข้างาน 20.00 น. เลิกงาน 04.40 น. จากนั้นจะเดินทางกลับบ้าน ถึงบ้านไม่เกิน 05.15 น. วันเกิดเหตุตนก็รู้สึกเป็นห่วงที่สามีเดินทางกลับมาบ้านช้ากว่าปกติ แล้วสามีก็โทรศัพท์มาแจ้งแม่ว่าถูกทำร้าย แม่ของสามีจึงเดินมาปลุกตน ซึ่งเมื่อตนได้เห็นหน้าของสามีก็ตกใจ เพราะไม่คาดคิดว่าใบหน้าจะบวมแดงช้ำ มีเลือดไหลซึมขนาดนี้ เนื่องจากตอนแรกตนคิดว่าเป็นการทะเลาะวิวาททั่วไป อีกทั้งเสื้อที่สวมใส่ยังเปื้อนเขม่าควันจนดำไปหมด

682325

ตนขอยืนยันว่าสามีไม่เคยมีปัญหากับใครบนถนน และขับรถไม่เกิน 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ตนคิดว่าการกระทำของกลุ่มผู้ก่อเหตุค่อนข้างโหดร้าย อยากถามว่าทำเพื่ออะไร เพราะมีการดักรอทำร้ายหลังเลิกงาน ตนตั้งครรภ์ 4 เดือน จะเดินทางไปเยี่ยมสามีก็ลำบาก โรงพยาบาลงดเยี่ยม และตนก็กลัวโควิด สิ่งที่ตนกลัวคือสามีจะช้ำใน และกังวลสามีจะถูกให้ออกจากงาน เพราะสามีเป็นพนักงานชั่วคราว ได้เงินค่าจ้างวันละ 324 บาท แม้ช่วงนี้สามีจะใช้สิทธิ์ลาป่วย แต่หากรักษาตัวแล้วกลับไปทำงานไม่ทัน ตนกลัวว่าสามีจะถูกเลิกจ้าง

ทั้งนี้ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตนและแม่ของผู้บาดเจ็บได้เดินทางไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บที่โรงพยาบาล ได้นำโจ๊กและนมไปให้ เนื่องจากผู้บาดเจ็บยังกินอาหารได้ยาก เพราะเจ็บบริเวณใบหน้า ยตนได้ฝากของไว้กับพยาบาลให้นำไปให้ เพราะทางโรงพยาบาลงดเยี่ยมทุกกรณี

161137

เวลาประมาณ 14.15 น. พันตำรวจเอกสุชาติ ปราณี รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปราจีนบุรี พร้อมคณะ ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวที่สภ.กบินทร์บุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัว 1.นายวัชรพงษ์ วงษ์ศรีแก้ว 2.นายพีรชัย บัวเผื่อน และ 3.นายกัมปนาท เคนเหลา ซึ่งเจ้าหน้าที่ระบุว่าเป็นผู้ก่อเหตุมานั่งแถลงข่า ส่วนนายประทวน ศรีสังข์ หรือ บอล อายุ 26 ปี อีกหนึ่งผู้ก่อเหตุ ไม่ได้ถูกคุมตัวมาด้วย

270915

พันตำรวจเอกสุชาติ เปิดเผยว่า ผู้ก่อเหตุมีทั้งหมด 4 ราย ขณะนี้จับกุมได้เพียง 3 รายเท่านั้น ส่วนที่เหลือ 1 รายอยู่ระหว่างติดตามจับกุม จากการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 3 รับสารภาพก่อเหตุจริง มีชนวนความขัดมาจากขับรถปาดหน้ากัน เบื้องต้นแจ้งข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น ได้รับบาดเจ็บแก่กายและจิตใจ ส่วนจะเพิ่มข้อหาเป็นร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น ได้รับบาดเจ็บแก่กายและจิตใจสาหัสหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับผลการประเมินจากแพทย์

ทั้งนี้ ในข้อหาเกี่ยวกับ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อาจจะไม่เข้าข่าย เพราะกลุ่มผู้ก่อเหตุอ้างว่าต่างคนต่างแยกกันมาด้วยรถคนละคัน แต่อย่างไรเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการสอบสวนต่อไป

390260

ด้านนายพีรชัย บัวเผื่อน อายุ 27 ปี ผู้ก่อเหตุ บอกว่า ตนยอมรับว่าไม่พอใจที่ผู้บาดเจ็บขับรถจี้ท้าย คล้ายไม่พอใจที่ตัวเองขับรถช้า อีกทั้งยังขับรถปาดหน้าและเร่งเครื่องยนต์ใส่ตน พร้อมพูดจาท้าทายไม่ดีใส่ตน ตนจึงบันดาลโทสะ ขับตามแล้วชกที่ใบหน้าผู้บาดเจ็บ 1 ครั้งหน้าโรงงาน จากนั้นต่างฝ่ายได้ท้าทายให้อีกฝ่ายมาเจอกันอีกครั้งในเวลา 05.00 น. เมื่อใกล้ถึงเวลานัดหมาย ตนจึงตัดสินใจเรียกกลุ่มเพื่อนมาสมทบ เพราะเกรงว่าจะถูกฝ่ายผู้บาดเจ็บทำร้าย

จากนั้น เมื่อถึงเวลานัดหมาย กลุ่มเพื่อนของตนได้มารอที่จุดนัดพบ แต่ตนไม่ได้ไป ผู้บาดเจ็บก็ได้พาพวกราว 4 คน มาพร้อมกับอาวุธปืน ก็ได้ขับรถไล่กับกลุ่มเพื่อนของตนไปจนถึงตลาด กระทั่งเกิดเหตุปะทะกันขึ้น

671235

ขณะที่นายวัชรพงษ์ วงษ์ศรีแก้ว บอกว่า ตนเป็นผู้ลากผู้บาดเจ็บออกมาจากหลังเคาน์เตอร์ในร้านสะดวกซื้อ เนื่องจากอีกฝ่ายไม่ยอมออกมา จนตนเกือบถูกเพื่อนผู้บาดเจ็บยิงปืนใส่ แต่เคราะห์ดีที่อีกฝ่ายตัดสินใจไม่ยิง เพราะตนร้องขอชีวิต โดยขอยืนยันว่าไม่มีใครอ้างว่าฝ่ายตนเป็นลูกชายนายตำรวจตามที่อีกฝ่ายกล่าวอ้าง

729057

นายกัมปนาท เคนเหลา ยอมรับว่าสาเหตุที่จับผู้บาดเจ็บให้ดมท่อไอเสียรถกระบะ เพราะต้องการให้อีกฝ่ายรับรู้ถึงความเจ็บปวดที่นายพีรชัยถูกเร่งเครื่องยนต์ใส่ขณะที่ขับปาดกันนั้น

568518

ทั้งนี้ ทีมข่าวสังเกตเห็นว่า ภายใน สภ.กบินทร์บุรี มีดาบตำรวจรายหนึ่งที่นามสกุลวงษ์ศรีแก้ว เหมือนกับผู้ก่อเหตุ โดยทางผู้กำกับได้ชี้แจงว่า จากการตรวจสอบทั้งคู่ไม่รู้จักกัน นามสกุลดังกล่าวเป็นนามสกุลที่ใช้กันแพร่หลายในพื้นที่กบินทร์บุรี

266775

ด.ต.สุรสิทธิ์ วงษ์ศรีแก้ว ผบ.หมู่ (จร.) สภ.กบินทร์บุรี ที่มีนามสกุลเดียวกันกับผู้ต้องหา คือ นายวัชรพงษ์ วงษ์ศรีแก้ว กล่าวว่า ตนเองไม่รู้จัก และไม่ได้เป็นญาติกับผู้ต้องหาแต่อย่างใด นามสกุลนี้ในพื้นที่อำเภอกบินทร์บุรีมีเป็นจำนวนมากในหลายตำบล

937050

นายพีระพัฒน์ ห้อยลา หรือ บอย อายุ 23 ปี ผู้บาดเจ็บ ขณะนี้นอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล บอกว่า ตนยอมรับว่าตนกับนายพีรชัยได้ขับรถปาดกันจริง บริเวณปากทางเข้าเขตนิคมอุตสาหกรรม อีกฝ่ายขับรถช้า ตนขับมาจ่อท้าย แต่ไม่ได้มีเจตนาจะหาเรื่อง จนอีกฝ่ายขับออกซ้าย ตนจึงเร่งเครื่องขับแซงไป แต่อีกฝ่ายก็ได้ขับรถตามตนมาจนถึงหน้าโรงงาน แล้วเข้ามาถามตนว่า "จี้ตูดทำไม เหยียบรถใส่ทำไม" เมื่อตนตอบว่าตนแซงปกติ อีกฝ่ายก็ได้ปรี่เข้ามาต่อยตนเข้าที่บริเวณลำคอขวา 1 ครั้ง พูดว่า "ตี 5 เจอกัน" ตนจึงวิ่งไปหา รปภ. แต่เมื่อกลับมาหน้าโรงงาน ก็ไม่พบใครแล้ว

431708

จากนั้น เวลาประมาณ 04.40 น. ตนเลิกงานแล้วได้พานายโอ๊ต เพื่อนที่รู้จักกันกลับมาด้วยกัน ออกจากโรงงานในเวลา 04.50 น. ซึ่งตนได้บอกให้นายโอ๊ตมารอตนที่หน้าโรงงาน ขอให้กลับบ้านด้วยกัน เพราะตนเกรงว่าตนจะไม่ปลอดภัย ตนเดินทางกลับแต่ตนไม่รู้เลยว่าถูกอีกฝ่ายดักรอแล้วขับรถตามมา อีกฝ่ายขับรถกระบะมา 2 คัน และรถเก๋งอีก 2 คัน จนกระทั่งตนถูกรถกระบะขับปาดหน้า ประกบหัวท้าย คนในรถได้วิ่งลงมาทุบรถตน ตนใช้จังหวะขับหนีออกมา ตนตัดสินใจขับหนีกลับบ้านให้เร็วที่สุด แต่ขณะที่ตนขับมาถึงหน้าร้านสะดวกซื้อหน้าตลาด นายโอ๊ตได้บอกตนว่า "จอดรถ รู้จักคนเยอะ มีพวกมาช่วย" แต่ปรากฏว่าเมื่อตนจอดรถ คู่กรณีก็ได้มาดักรอตนไว้แล้ว นายโอ๊ตจึงเฉลยว่าตัวเองเป็นลูกน้องของอีกฝ่าย แล้วหนีหายไป

ขณะนี้ตนกระดูกแก้มขวาแตก กรามซ้ายร้าว ศอกขวาถลอก ส้นเท้าซ้ายถลอก ช้ำตามร่างกายใบหน้าฟกช้ำ โดยหลังจากเกิดเหตุ ตนจึงคิดได้ว่านายโอ๊ตเป็นนกต่อ ตนได้ติดต่อนายโอ๊ต แต่นายโอ๊ตบอกว่าไม่ยุ่ง ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง ตนรู้จักนายโอ๊ตได้ไม่นานจากร้านอาหารทำให้ไม่ทราบว่านายโอ๊ตอยู่ที่ใด และไม่มีเบอร์โทรศัพท์ติดต่อ ตนขอยืนยันว่าตนถูกรุมทำร้ายเพียงลำพัง ตนไม่มีอาวุธ โดยหนึ่งในผู้ก่อเหตุพูดขึ้นว่า "กูเป็นลูกตำรวจ แจ้งความไปเลยไม่มีประโยชน์"

ตนขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ก่อเหตุทุกคนตามกฎหมาย ส่วนโอ๊ตตนก็อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนว่าเกี่ยวข้องเข้าข่ายความผิดมากน้อยเพียงใด

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส