นาทีชีวิตแบกหญิงป่วยโควิดขึ้นรถเข็นขยะไปหาหมอ อสส.ปั๊มหัวใจ 2 ชม. ก่อนไปดับหน้ารพ. (คลิป)

3 ส.ค. 64

กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “Ammie Oah” โพสต์ข้อความว่า “เกิดวิกฤตผู้ป่วยใกล้ตาย” พร้อมแพร่ภาพสดความยาว 13.55 นาที เป็นภาพเหตุการณ์ขณะที่ชาวบ้านในชุมชนแออัดแห่งหนึ่ง กำลังช่วยผู้ป่วยโควิด-19 เป็นหญิงวัย 51 ปี มีอาการหัวใจหยุดเต้น ต้องช่วยกันปั๊มหัวใจให้กลับมาเต้นอีกครั้ง ก่อนจะช่วยกันอุ้มร่างที่อิดโรยออกมาจากบ้าน แล้วใส่รถเข็นเก็บขยะของเก่า พากันเข็นผ่านทางเดินชุมชนออกไปริมถนนเลียบคลอง แล้วช่วยกันยกใส่รถกระบะนำไปส่งโรงพยาบาล

618529

ล่าสุดวันที่ 3 ส.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมายังชุนชนโรงแก้ว ซอยจันทน์ 43 แยก 30 ซึ่งเป็นซอยขนาดเล็ก เขตบางคอแหลม แขวงบางโคล่ กรุงเทพฯ โดยเป็นชุมชนแออัดที่มีบ้านเรือนประชาชนรวมกันอยู่ภายในซอย ประมาณ 400 ครัวเรือน ประชากรกว่า 1,200 คน โดยภายในชุมชนแห่งนี้ กว่า 70 % เป็นผู้ป่วยโควิด-19 ที่รักษาตัวอยู่ภายในบ้าน และบางหลังได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแล้ว

648089323029

ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินเท้าเข้าไปภายในซอย ระยะทางกว่า 500 เมตร จะพบกับบ้านเลขที่ 1220/52 เขตบางคอแหลม แขวง บางโคล่ กรุงเทพฯ เป็นบ้านไม้ 1 ชั้น โดยหน้าบ้านยังพบรถเข็นเก็บขยะที่เป็นรถใช้สำหรับเก็บขยะเก่านำไปขาย และเป็นคันที่นำตัวผู้ป่วยโควิด-19 ภายในบ้านไปรักษายังโรงพยาบาล

965596

นายศอน ขุมทอง อายุ 61 ปี สามีผู้เสียชีวิต กล่าวว่า บ้านหลังนี้พักอาศัยด้วยกันทั้งหมด 3 คน ประกอบด้วยตน ส่วนภรรยาชื่อว่านางยม ถวิลมาตย์ อายุ 51 ปี และนายธีละศักดิ์ ขุมทอง อายุ 17 ปี ลูกชาย ซึ่งตนและภรรยามีอาชีพเก็บขยะและของเก่าขาย

877067

โดยในวันที่ 19 ก.ค. 64 ภรรยาซึ่งเดิมทีมีโรคประจำตัว โรคหัวใจ และลมชัก เริ่มมีอาการตัวร้อน ไอ ไข้ขึ้นสูง เหนื่อย หายใจลำบาก อย่างต่อเนื่อง ตนไม่ได้พาไปตรวจที่ไหน กระทั่งวันที่ 25 ก.ค.64 ตนและภรรยาเดินทางไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 ที่วัดด่าน และทราบผลเป็นบวก พบเชื้อโควิด-19

468233

ขณะที่ นายธีละศักดิ์ เล่าให้ฟังว่า คุณพ่อและคุณแม่ ไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 ที่วัดด่าน เมื่อวันที่ 25 ก.ค. 64 แต่มาทราบผลจริง ๆ ในวันที่ 29 ก.ค. 64 ซึ่งมีข้อความแจ้งเตือนว่าให้เปิดดูเอกสารผลตรวจอิเล็กทรอนิกส์ จึงเปิดดู และทราบผลว่าคุณพ่อและคุณแม่ติดเชื้อโควิด -19

ในระหว่างนั้นวันที่ 26 ก.ค.64 ตนก็ได้เดินทางไปตรวจหาเชื้อเช่นกัน และทราบผลในวันที่ 27 ก.ค. 64 พบเชื้อโควิด-19 จึงได้โทรศัพท์ประสานติดต่อไปยังโรงพยาบาล โดยโรงพยาบาลให้ลงทะเบียนรับยาต้านไวรัส และได้รับยาในวันที่ 31 ก.ค. 64 เรียยร้อยแล้ว แต่โรงพยาบาลไม่สามารถรับตัวครอบครัวตนได้ อ้างเพียงว่าเตียงเต็ม จึงไม่สามารถรับเข้าไปรักษาได้

956581

สำหรับอาการเหนื่อยและหายใจลำบาก หลังรับยาอาการก็ดีขึ้นตามลำดับ อาการเหนื่อยลดลง ลุก เดิน นั่งได้ กระทั่งวันที่ 2 ส.ค.64 แม่เริ่มมีอาการทรุดหนัก ไอ อาเจียนเป็นเลือด เป็นลมหมดสติ ชีพจรไม่มี จึงรีบประสานยังโรงพยาบาลและกู้ภัย ซึ่งยังไม่มีหน่วยงานใดให้การช่วยเหลือ โรงพยาบาลบอกเพียงว่าเตียงเต็ม แต่ยังโชคดีที่มีหน่วยอาสา เข้ามาให้การช่วยเหลือ ช่วยปั๊มหัวใจคุณแม่ จนชีพจรกลับมาเต้นอีกครั้ง และชาวบ้านช่วยเหลือนำตัวคุณแม่ ออกจากบ้านนำไปส่งโรงพยาบาล แต่ก็ไม่ทันแล้ว แม่ได้เสียชีวิตที่โรงพยาบาล เวลา 20.30 น.

721811

ทีมข่าวได้พูดคุยกับ น.ส.นิติยา ผ่องแผ้ว อายุ 48 ปี เจ้าหน้าที่อาสาสมัครสาธารณสุข หรือ อสส. กล่าวว่า เมื่อวันที่ 2 ส.ค.64 เวลาประมาณ 18.00 น. ครอบครัวของผู้เสียชีวิต ได้แจ้งว่าภรรยาไม่หายใจแล้ว ซึ่งตนเป็น อสส.ของเขตโรงแก้ว จึงเดินทางเข้าไปยังบ้านที่เกิดเหตุ และเข้าไปช่วยปั๊มหัวใจ เริ่มตั้งแต่เวลา 18.00 น. โดยใช้เวลานานเกือบ 2 ชั่วโมง จนชีพจรกลับมาเต้นอีกครั้ง

635461

โดยตลอดระยะเวลาที่ปั๊มหัวใจ มีหน่วยงานประธานชุมชนประสานไปยังโรงพยาบาลและกู้ภัยอยู่ตลอด แต่ไม่มีการตอบกลับ จึงร่วมกันตัดสินใจว่าจะนำผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาล โดยใช้รถเข็นขยะเก็บของเก่า ช่วยกันเข็นออกจากชุมชนซอยแคบ ๆ เพื่อไปยังโรงพยาบาล อย่างทุลักทุเล

997160295599

อย่างไรก็ตาม ตนยอมรับว่าสาเหตุที่ตัดสินใจ ถึงแม้อุปกรณ์ไม่พร้อม ชุด PPE ไม่มี แต่ต้องสวมใส่ถุงมือและหน้ากากอนามัย 2 ชั้น และต้องให้การช่วยเหลือผู้ป่วยก่อน เพื่อให้มีชีวิตกลับมาให้ได้ เพราะเป็นคนในชุมชนเดียวกัน ถ้าสามารถช่วยได้ตนก็จะต้องช่วยเหลือเพื่อให้ผู้ป่วยรอดชีวิต

931709

น.ส.นันทญา ตำนานโน อายุ 37 ปี ประธานชุมชนโรงแก้ว กล่าวว่า ตนได้รับแจ้งว่ามีผู้ป่วยภายในบ้านหลังดังกล่าว 1 คนไม่หายใจแล้ว จึงตัดสินใจโทรศัพท์ประสานหน่วยงาน กู้ภัย และโรงพยาบาลต่าง ๆ และได้รับการตอบกลับว่าให้โทรไปที่เบอร์ 1669 เมื่อโทรศัพท์ไปก็ถูกตัดสายทิ้งทั้งหมด เมื่อประสานไปยังกลุ่มช่วยเหลือต่าง ๆ ที่เป็นหน่วยงานเอกชน ก็ให้เช็กสิทธิ์ว่าอยู่กับโรงพยาบาลใด เมื่อตรวจสอบและติดต่อไปยังโรงพยาบาล ทราบว่าขณะนี้เตียงเต็ม ไม่สามารถรักษาได้ โดยตนจึงบอกว่า "ไม่ได้ ต้องการเตียง ต้องการรักษาตัว เนื่องจากผู้ป่วยหยุดหายใจแล้ว" ขณะนั้นมีเจ้าหน้าที่ อสส.ชุมชน เข้ามาช่วยเหลือปั๊มหัวใจจนผู้ป่วยมีชีพจรกลับมาเต้นอีกครั้ง

ทั้งนี้ ตนมองว่าหากทราบว่าบ้านหลังไหนมีผู้ป่วยโควิด-19 หรือผู้ป่วยที่ซื้อชุดแอนติเจนมาตรวจ และพบว่าติดเชื้อโควิด-19 ตนอยากให้โรงพยาบาลรับตัวผู้ป่วยไปรักษา หรืออนุโลมรักษาผู้ป่วยที่สูงอายุก่อนก็ได้ เพื่อป้องกันการสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้นได้

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส