จากกรณีที่ น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 21 ปี ชาวอำเภอวังสะพุง จ.เลย เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สภ.นาด้วง เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2561 ว่าถูกพระอาจารย์บุญช่วย ผ่านสำแดง อายุ 53 ปี เจ้าอาวาสวัดถ้ำประกายเพชร บ้านโพนสว่าง ต.นาดอกคำ อ.นาด้วง จ.เลย ข่มขืนขณะเข้าปฏิบัติธรรม และมีสุภาพสตรีอีกหลายคนออกมาเปิดเผยว่าถูกล่วงละเมิดทางเพศในลักษณะเดียวกันอีกหลายคน ซึ่งพระอาจารย์บุญช่วยได้ลาสิกขาไปเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2561 เพื่อออกไปต่อสู้คดีนั้น ( อ่านต่อ :
แฉอีก! เจ้าอาวาสลวงอาบน้ำแก้มนต์ดำ ใช้ความดื้อจนรอด – ศิษย์แฉ ใช้อุบายเฉพาะสาวรุ่น )
วันที่ 22 ก.ย. 61 มีผู้เสียหายที่อ้างว่าเคยถูกล่วงละเมิดทางเพศออกมาให้ข้อมูลแก่ผู้สื่อข่าวเพิ่มขึ้นอีกราย คือ
น.ส.หวาน (นามสมมติ) โดยเป็นนักศึกษาหญิง วัย 22 ปี กำลังเรียนอยู่ในสถาบันระดับอุดมศึกษาแห่งหนึ่งในจ.เลย
น.ส.หวาน เปิดเผยว่า เมื่อ 5 ปีที่แล้ว แม่และน้าได้พาไปเที่ยวที่วัดถ้ำประกายเพชร และไหว้พระ ได้พบกับนายบุญช่วย ผ่านสำแดง (อดีตพระบุญช่วย) เข้ามาทักว่ากำลังมีเคราะห์ ถูกเล่นของขลังใส่ตัว จะทำพิธีเอาของออกให้ ซึ่งก่อนหน้านั้น ตนไปทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟร้านอาหารแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ หารายได้พิเศษระหว่างรอสอบเข้ามหาวิทยาลัย อดีตพระบุญช่วยทักว่า คนที่ทำของใส่เป็นตำรวจ ลูกค้าร้านอาหารที่ตนทำงานอยู่ ตนก็ไม่ได้เชื่อตามนั้น แต่น้าที่ไปด้วยกันก็ยุยงให้มาทำพิธีเอาของไม่ดีออกจากตัว โดยอดีตพระบุญช่วยบอกว่าต้องนอนค้างคืนที่วัด
น.ส.หวาน เล่าอีกว่า ตนจึงยอมตามนั้น กลับไปบ้านเอาเสื้อผ้าและสิ่งของเครื่องใช้จำเป็นมานอนที่วัด โดยมียายตามมานอนด้วย พอถึงตอนกลางคืน อดีตพระบุญช่วยก็มาหาที่ศาลาที่พัก ที่ตนกางเต็นท์นอน แล้วเขาก็สั่งให้ยายไปนั่งสมาธิหน้าพระพุทธรูปโดยนั่งหลับตาหันหลังให้ หลังจากนั้นอดีตพระบุญช่วยก็สั่งให้ถอดเสื้อ นอนลง แล้วเอาน้ำมันมาลูบไล้ตามตัวรวมทั้งหน้าอก เขาทำอยู่อย่างนั้นประมาณ 10 นาที แล้วหยุดให้ไปนอน
ตื่นเช้ามาตนก็รีบโทรไปบอกแม่ให้มารับทันที เพราะตนรู้สึกกลัวมาก ซึ่งมารู้ภายหลังด้วยว่าแม่เคยโดนอดีตพระบุญช่วยลวนลามมาแล้วเมื่อตอนอายุ 19 ปี ตนไม่กล้าบอกใครนอกจากแม่ เพราะกลัวอับอาย และไม่กล้าไปที่วัดถ้ำประกายเพชรอีกเลย จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีกับอดีตพระบุญช่วย เพราะเกรงว่า หากไม่จัดการก็จะออกมาทำเช่นนี้อีก
สำหรับบรรยากาศที่วัดถ้ำประกายเพชรนั้นค่อนข้างเงียบเหงากว่าวันอื่น ๆ มีเพียงพระลูกวัดที่ยังคงปฏิบัติกิจของสงฆ์อยู่ภายในวัด ไม่พบแม่ชีและลูกศิษย์อยู่ภายในวัดแต่อย่างใด บริเวณปากถ้ำยังคงปิด เนื่องจากช่วงนี้เป็นฤดูฝนจึงไม่เปิดให้เข้าเยี่ยมชมถ้ำ แต่สังเกตได้ว่ามีนักท่องเที่ยวบางส่วนเดินทางมาในพื้นที่แต่ก็เพียงเยี่ยมชมและไหว้พระบริเวณด้านนอกเท่านั้น
พระลูกวัด ให้ข้อมูลว่า หลังจากเจ้าอาวาสลาสิกขาแล้ว ก็ไม่ได้กลับมาที่วัด ส่วนเรื่องราวอื่น ๆ นั้นให้เป็นไปตามข้อเท็จจริงที่จะมีการพิสูจน์ในชั้นศาล ตนเองเป็นเพียงแค่พระลูกวัดจึงไม่ขอยุ่งกับเรื่องนี้ ส่วนหลังจากนี้จะกลับมาบวชอีกครั้งหรือไม่ก็ยังไม่ทราบ พร้อมปฏิเสธว่าไม่รู้ไม่เห็นพฤติกรรมที่มีคนกล่าวอ้าง และยอมรับว่าพระลูกวัดที่นี่เครียดกันทุกรูป เช่นในคืนที่ผ่านมานอนไม่หลับ เพราะกังวลถึงสถานการณ์ดังกล่าว
ด้าน
แม่ชีแจ๋ว (นามสมมติ) อดีตแม่ชีที่ปฎิบัติธรรมและอยู่กินที่วัดถ้ำประกายเพชร เปิดเผยว่า ตนออกจากวัดดังกล่าวมานานเกือบ 7 ปีแล้ว ยอมรับว่าออกจากวัดด้วยดี ไม่ได้ถูกขับไล่หรือทะเลาะกับพระรูปดังกล่าว เนื่องจากขณะนั้นตนมีปัญหาสุขภาพ ต้องออกไปรักษาตัวที่กรุงเทพฯ หลังจากนั้นก็ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับวัดอีก ซึ่งตนไม่ทราบว่า 7 ปีหลังมานี้ พระรูปดังกล่าวจะมีพฤติกรรมแบบที่มีชาวบ้านพูดหรือไม่ แต่จากสิ่งที่ตนเคยรู้จักมาไม่เป็นดังตามที่กล่าวอ้าง เพราะพระรูปดังกล่าวเรียบร้อยพูดจาหวาน ไม่มีวิชาอาคมใด นอกจากประกอบพิธีอาบน้ำมนต์แก้เคราะห์กรรมเท่านั้น ส่วนเรื่องดูดวงก็มีบ้างเป็นบางครั้ง
แม่ชี ยังเล่าอีกว่า ตลอดช่วงเวลาที่อยู่ที่วัด พระรูปดังกล่าวก็ไม่เคยมีพฤติกรรมมาจับเนื้อต้องตัวตนเอง และตลอดช่วงออกธุดงค์ ตนก็เคยมีโอกาสติดตามไป แต่ก็ไม่เคยเห็นพระรูปดังกล่าวมีพฤติกรรมอย่างที่ว่า เวลามีหญิงสาวต้องมานอนอยู่ที่วัดเพราะต้องปฏิบัติธรรมแก้เคราะห์ตามที่พระบอก ตนจะนอนเป็นเพื่อน เป็นพี่เลี้ยงให้ จัดหาอาหารและจัดที่หลับที่นอนไว้ให้ ดังนั้นหากพระจะลงมาหาสีกา หรือสีกาจะไปหาพระตนก็ต้องรู้เห็น
แม่ชียังบอกอีกว่า ลูกศิษย์ส่วนใหญ่จะเป็นทั้งคนที่มีตำแหน่ง มีห้างร้านกิจการต่าง ๆ บางคนศรัทธาเพราะหลวงพ่อสามารถขับไล่ผี และแก้กรรมให้ได้ ถึงศรัทธาแล้วบอกต่อ ซึ่งพิธีส่วนใหญ่จะทำในพื้นที่กลางแจ้ง มีผู้คนรู้เห็นจำนวนมาก ไม่ได้ทำในที่ลับสองต่อสอง และพิธีอาบน้ำมนต์จะทำไม่เกินช่วงเวลาฉันเพล ดังนั้นจึงไม่เชื่อว่าจะมีการทำพิธีในช่วงกลางคืน เพราะพระรูปดังกล่าวไม่เคยทำ
ส่วนการจ่ายเงินส่วนแบ่งจากเงินบริจาคและเงินจากการทำพิธีนั้น ลูกศิษย์ที่เข้ามาช่วยงาน ชจะได้รับส่วนแบ่งไม่เยอะ เพียง 40 - 50 บาท หรือ 100 บาท ดังนั้นจึงเชื่อว่าไม่ได้มีการจ่ายเงินส่วนแบ่งที่มีจำนวนมาก ในลักษณะเหมือนเป็นการเลี้ยงคนเอาไว้ ซึ่งพระรูปดังกล่าวหากมีเงินเข้ามาก็มักจะจ่ายออกไปทันทีโดยไม่เก็บเงินสะสมไว้ แม้กระทั่งเงินจากกฐินหรือผ้าป่า เมื่อได้รับและนับจำนวนเสร็จก็จะใช้จ่ายก่อสร้างอาคารต่าง ๆ ภายในวัด
แม่ชี ยังพูดว่า หลังจากที่ทราบข่าวว่ามีผู้เสียหายไปแจ้งว่าถูกพระเจ้าอาวาสทำอนาจารหรือข่มขืนนั้น ส่วนตัวตกใจและไม่คิดว่าพระอาจารย์จะปฏิบัติตัวตามที่ถูกกล่าวอ้าง เพราะที่ผ่านมาพระอาจารย์เป็นคนบวชและสั่งสอนให้ตนเรียนรู้เกี่ยวกับพระธรรมคำสั่งสอน ปฏิบัติศีล 8 ยอมรับว่าสงสารและเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่หากเป็นไปตามเวรตามกรรมก็คงเป็นไปตามกฎแห่งกรรมที่เกิดขึ้น เพราะคงเป็นกรรมที่พระอาจารย์จะต้องรับ
ขณะ
นายสำรวย ผ่านสำแดง อายุ 51 ปี น้องชายอดีตเจ้าอาวาสวัดถ้ำประกายเพชร บอกกับทีมข่าวว่า หลังจากที่ทราบข่าวว่าลาสิกขาแล้ว ก็ยังไม่เห็นมาที่บ้านหรือแวะมาแต่อย่างใด ตัวเองยังไม่ได้พูดคุยอะไรกับพี่ชาย แต่ยอมรับว่าจากเหตุการณ์และข่าวที่เกิดขึ้น รู้สึกเสียใจที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นในครอบครัว ตลอด 36 ปีที่พระพี่ชายของตนบวชอยู่ในธรรม ก็ถือว่าเป็นพระผู้สร้างคนหนึ่ง ทำจริง สร้างจริง ทั้งสร้างวัดและพัฒนาให้เกิดความเจริญ ทั้งวัดในหมู่บ้านและวัดถ้ำประกายเพชร โดยทุกครั้งพระพี่ชายพร้อมด้วยพระลูกวัดจะเป็นคนลงมือฉาบปู ปูกระเบื้องลานธรรมด้วยตน
ทั้งนี้ หลังจากเกิดเรื่อง ยอมรับว่ายังไม่ได้พูดคุยใด ๆ เพิ่มเติมกับพระพี่ชาย เนื่องจากมีกลุ่มคน 2 กลุ่ม พูดไม่เหมือนกัน บางกลุ่มออกมาสนับสนุน บางกลุ่มกลุ่มออกมาโจมตี แต่ทั้งนี้ก็ต้องรับฟังความคิดเห็นจากทั้งสองฝ่าย แต่เชื่อว่าข่าวบางข่าวที่ออกมายังไม่ใช่ความจริงทั้งหมด ต้องพิสูจน์กันอีกครั้ง
พร้อมทั้ง ยังเล่าเหตุการณ์ให้ทีมข่าวฟังว่า ครั้งหนึ่งเคยได้ยินคนในวัดมาเล่าให้ฟัง ถึงกรณีมีสีกาอาบน้ำอยู่ภายในห้องน้ำ เนื่องจากผู้หญิงอาบน้ำผิดห้องน้ำ เข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำของพระ เจ้าอาวาสจึงเปิดเข้าไป ลักษณะเหมือนสงสัยว่าใครกำลังอาบน้ำอยู่ จึงเกิดความเข้าใจผิดว่ากำลังจะอนาจารสีกา แต่ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องราวเกิดขึ้นภายหลังเหมือนที่มีคนออกมาแฉ
นายสำรวย ให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับทีมข่าวอีกว่า จากนี้พี่ชายของตนจะดำเนินการตามกฏหมาย หลังมีผู้ร้องเรียนเอาไว้ ซึ่งวัดและคนที่เกี่ยวข้องก็ได้จัดเตรียมทนายเอาไว้แล้ว ส่วนจะดำเนินการอย่างไรนั้นตนไม่ทราบ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพี่ชาย และหลังจากทุกอย่างจบสิ้นลงแล้ว พร้อมทั้งยืนยันความบริสุทธิ์ได้แล้ว ได้บอกกับครอบครัวว่าจะกลับไปบวชเป็นพระดังเดิม