กรณีเฟซบุ๊กแฟนเพจ อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทิร์น Part 1 โพสต์ภาพแคมป์คนงานแห่งหนึ่งในพื้นที่กรุงเพทฯ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่เทศกิจเขตประเวศ และเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข กำลังยืนอยู่หน้าแคมป์คนงาน พร้อมระบุข้อความว่า แคมป์คนงานก่อสร้าง ซอยศรีนครินทร์ 42 เขตประเวศ มีคนงานทั้งชาวไทยและต่างด้าว 151 คน โดยกลางเดือน ก.ค.64 มีญาติของคนงาน เป็นชายอายุ 82 ปี ได้มาอาศัยอยู่ในแคมป์ดังกล่าวเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 จากนั้นทางแคมป์ได้ตรวจหาเชื้อให้กับคนงานทั้งหมดด้วยชุดตรวจ Antigen Test Kit พบติดเบื้องต้นติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 102 คน ก่อนทำการแยกกักตัวอยู่ในแคมป์ หาซื้อยามากินกันเอง ไม่สามารถออกไปโรงพยาบาล เพื่อตรวจซ้ำหรือเข้ารับการรักษาได้ เนื่องจากไม่มีเอกสารยืนยัน
อีกทั้งแคมป์งานก่อสร้างถูกสั่งปิดตั้งแต่ปลายเดือนที่ผ่านมา ห้ามเข้าออกตามมาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในกลุ่มแรงงานก่อสร้าง โดยคนงานบางคนที่ตรวจพบเชื้อเบื้องต้น เริ่มมีอาการไม่สบาย ไอ เป็นไข้ “ไม่มีหน่วยงานไหนเข้าไปดูแลตรวจคัดกรองซ้ำ หรือพาผู้ป่วยไปรักษา ทำให้คนงานที่ติดเชื้อ กลุ่มเสี่ยงและคนที่ตรวจไม่พบเชื้อ ยังคงอาศัยปะปนกัน แม้จะทางแคมป์จะให้แยกกักตัวก็ตาม”
ล่าสุดวันที่ 29 ก.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่แคมป์คนงานดังกล่าว ตั้งอยู่ในซอยศรีนครินทร์ 42 พบหน้าแคมป์มีทหาร 2 นาย จากกรมการสื่อสารทหาร ดอนเมือง ทำหน้าที่กำกับดูแลหน้าแคมป์ให้เป็นไปตามมาตรการที่กำหนด ซึ่งจะสลับเวรกัน 3 ผลัด ๆ ละ 8 ชม.
นายอดิศักดิ์ (นามสมมติ) หัวหน้าแคมป์คนงาน เปิดเผยว่า จุดเริ่มต้นมีคุณตาวัย 85 ปี มีอาการหายใจไม่ออกเมื่อวันที่ 16 ก.ค.64 ก่อนที่ทางญาติจะนำตัวส่งโรงพยาบาลและเสียชีวิตเมื่อวันที่ 20 ก.ค.64 ปรากฏว่าผลชันสูตรศพ มีผลเป็นบวก ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ประกอบกับคนงานในแคมป์เป็นไข้ประมาณ 17 คน
จากนั้นบริษัทจึงประสานไปยังโรงพยาบาล และหน่วยงานต่าง ๆ ให้ช่วยเข้ามาตรวจเชิงรุกให้กับคนงานในแคมป์ แต่กลับได้รับคำตอบว่าไม่มีงบประมาณ ทางบริษัทจึงควักกระเป๋าตัวเอง ประมาณ 50,000 บาท จัดซื้อชุดตรวจแอนติเจน มาตรวจเชิงรุกให้กับคนงานทั้งหมด 151 คน โดยที่ไม่มีหน่วยงานภาครัฐเข้ามาช่วยเหลือ ซึ่งหลังจากนี้จะต้องตรวจซ้ำในรอบ 14 วันอีกครั้ง เพราะหากยังมีเชื้อในร่างกาย จะได้รับโอกาสเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลได้
ทั้งนี้ในจำนวน 102 คน แบ่งเป็น 100 คน อาการเริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ แต่อีก 2 คนอาการค่อนข้างน่าเป็นห่วง เบื้องต้นได้ประสานไปยัง 1669 แล้ว แต่ยังไม่มีใครรับสาย จึงอยากให้ 2 คนนี้ได้รับเตียงรักษาโดยเร็ว ตนยืนยันว่าไม่ได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยงานภาครัฐ จะมีก็เพียงแค่กระทรวงแรงงานเข้ามาแจกข้าวกล่องในช่วงแรก แค่มื้อเช้า 140 กล่อง เพียง 16 วันเท่านั้น แต่ตอนนี้ก็หายเงียบ
นอกจากนั้น ยังมีกลุ่มอาสาช่วยกันเองเข้ามาประสานงานเรื่องยาและอาหารต่าง ๆ ซึ่งตอนนี้ถือว่าเพียงพอแล้ว แต่ที่สำคัญคือข้าวกล่องทั้ง 3 มื้อ หากไม่มีประชาชนมาบริจาคให้ ทางบริษัทก็จะต้องควักกระเป๋าตัวเอง นำเงินไปซื้ออาหารวันละไม่ต่ำกว่า 6,000 บาท งบประมาณค่าใช้จ่ายทุกอย่างบริษัทเป็นคนออกเองตั้งแต่ปิดแคมป์คนงาน
